Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
phương Mỹ Chi
•
ติดตาม
26 มี.ค. 2022 เวลา 15:33 • ประวัติศาสตร์
วัชรปาณี —ยักษเทพผู้ปกป้องพุทธศาสนา มาในรูปของเทวดากรีก!
วัชรปาณิ (Vajrapāṇi) หรือ “ผู้มีวัชระในมือ” (บาลี: วชิรปาณี) นับเป็นหนึ่งในธรรมบาลหรือยักษเทพผู้พิทักษ์ธรรมรุ่นแรกๆ ของพุทธศาสนา ในฐานะผู้คอยติดตามและปกป้องพระพุทธองค์ ปรากฏมาตั้งแต่ก่อนยุคมหายาน เป็นสัญลักษณ์แห่งกำลังแห่งพุทธะโดยเฉพาะในการกำราบเหล่ามิจฉาทิฎฐิ ผู้หยิ่งผยองและมีความมุ่งหมายจะกล่าวร้ายพระสัทธรรม โดยมีอาวุธประจำตัวคือ "วัชระ" หรือสายฟ้า (มักแสดงรูปเป็นคทาหรือไม้กระบอง )พบในพุทธคัมภีร์ดั้งเดิมทั้งในพระไตรปิฎกบาลี สันสกฤต และจีน
1
• อัมพัฏฐสูตร แห่งทีฆนิกาย
และพากย์จีน 阿摩晝經 ทีรฆาคม พระสูตรที่ 3
• จูฬสัจจกสูตร แห่งมัชฌิมนิกาย
และพากย์จีน 薩遮 (สัจจกสูตร) สังยุกตาคม พระสูตรที่ 110 และเอโกตตราคม 37.10
(สังเกตพบว่า ในอัมพัฏฐสูตรระบุว่า วชิรปาณถืออาวุธคือ "ค้อนเหล็ก" ต่างจากจูฬสัจจกสูตรที่ระบุว่าเป็น "วัชระ" สมชื่อ)
▪︎ คัมภีร์รุ่นอรรถกถาแห่งบาลี ระบุว่า วชิรปาณีในรูปยักษ์ถือคทาวัชระ (ตามที่กล่าวถึงในพระสูตร) ที่แท้แล้วเป็นพระอินทร์ หรือท้าวสักกเทวราชจำแลงกายมาในรูปน่าเกลียดน่ากลัวเพื่อข่มขวัญเหล่าผู้หยิ่งผยอง ในกรณีนี้มีจุดร่วมที่ตรงกันคือพระอินทร์ในคติพุทธเป็นผู้ครอบครอง "วัชระ" หรือสายฟ้า
▪︎ ปกรณ์ฝ่ายสันสกฤต วัชรปาณีปรากฏบทบาทอย่างมากมายในมูลสรรวาสติวาทวินัย ดังเป็นอุปัฏฐากติดตามพระพุทธองค์ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ในปกรณ์รุ่นหลังๆ มีปรากฏชื่อเรียกว่า "คุยหปาท" (คุหฺยปาท Guhyapāda) หรือ "คุยหปาทวัชระ" หมายถึง "ผู้มีรอยเท้าเร้นลับ" กล่าวคือเป็นยักษ์พิทักษ์ธรรมที่แฝงกายซ่อนเร้นยากที่จะติดตามรู้ได้
▪︎ ภาพพุทธศิลป์รุ่นแรกๆ แห่ง "คันธาระ ซึ่งผสมผสานด้วยอิทธิพลจากนายช่างและผู้ปกครองชาวกรีกในพื้นที่อัฟกานิสถาน-ปากีสถานปัจจุบัน ยักษเทพวัชรปาณี ได้ถูกสำแดงภาพด้วยลักษณะอย่างเทพกรีกอย่างโดดเด่น เป็นบุรุษกำยำแข็งแรงไว้หนวดเครารุงรัง สภาพเปลือยกายหรือกึ่งเปลือย และถือคทาวัชระในมือ คอยติดตามเบื้องหลังพระพุทธองค์ในหลายฉากตอนแห่งภาพสลักพุทธประวัติ ซึ่งก็คงปรากฏในพุทธตำนานของฝ่ายเหนือ
วัชรปาณีในคันธาระนี้ปรากฏว่านุ่งผ้าคีตอน (chiton) ในเครื่องแบบชาวกรีกอย่างชัดเจน นิยมใส่แบบเปิดไหล่ข้างหนึ่ง บ้างสวมรองเท้าบูท บ้างก็นุ่งผ้าเตี่ยว บ้างปรากฏเป็นบุรุษห่มหนังสิงโต ซึ่งเป็นการจำลองภาพของวีรบุรุษกึ่งเทพจอมพลัง “เฮราคลีส” (Heracles) หรือเฮอร์คิวลีส ในตำนานกรีกที่มีวีรกรรมสยบสิงโตแห่งนีเมียด้วยสองฝ่ามือเปล่าจนถลกหนังเอามาเป็นเครื่องนุ่งห่ม
แต่บางท่านเชื่อว่า ภาพบุรุษหนวดเคราและถือคทาสายฟ้าในมือนี้คือภาพจำลองเทพ ซีอุส (Zeus) ซึ่งถือเป็นเทพสูงสุดในสาระบบเทวตำนานกรีกทีเดียว เพราะเป็นเทวะอาวุโสผู้ครอบครองสายฟ้าเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ได้แสดงการผสมผสานแบบกรีก-พุทธ ที่มีการนำเทพดาในคติของชาวกรีกเข้ามาสู่ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างกลมกลืน
___________________________________
🟤 วัชรปาณี ในพุทธคัมภีร์รุ่นดั้งเดิม
■ อัมพัฏฐสูตร
… สมัยนั้น ยักษ์วชิรปาณีถือค้อนเหล็กใหญ่ลุกโพลงโชติช่วงยืนอยู่ในอากาศเบื้องบนอัมพัฏฐมาณพ คิดว่า “ถ้าอัมพัฏฐมาณพนี้ถูกพระผู้มีพระภาคตรัสถามปัญหาที่ชอบด้วยเหตุผลถึงสามครั้งแล้วแต่ไม่ตอบ เราจักทุบศีรษะของเขาให้แตกเป็นเจ็ดเสี่ยง ณ ที่นี้แหละ”. พระผู้มีพระภาคและอัมพัฏฐมาณพเท่านั้นเห็นยักษ์วชิรปาณีนั้น. ครั้งนั้น อัมพัฏฐมาณพตกใจกลัวขนพองสยองเกล้า ทูลขอให้พระผู้มีพระภาคนั่นเองเป็นที่ต้านทาน เป็นที่ป้องกัน เป็นที่พึ่ง กระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วกราบทูล …
—อัมพัฏฐสูตร, ทีฆนิกาย 3 (สีลขันธวรรค)
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=9&A=1920&Z=2832
6
「 เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณี ยกฺโข มหนฺตํ อโยกูฏํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อมฺพฏฺฐสฺส มาณวสฺส อุปริ เวหาสํ ฐิโต โหติ: “สจายํ อมฺพฏฺโฐ มาณโว ภควตา ยาวตติยกํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ น พฺยากริสฺสติ, เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี”ติฯ ตํ โข ปน วชิรปาณึ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ อมฺพฏฺโฐ จ มาณโวฯ อถ โข อมฺพฏฺโฐ มาณโว ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺฐชาโต ภควนฺตํเยว ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว เลณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณํ คเวสี อุปนิสีทิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ... 」
https://suttacentral.net/dn3/pli/ms?layout=sidebyside&reference=none¬es=asterisk&highlight=false&script=Thai
1
[ พราหมณ์หนุ่มอัมพัฏฐะ ได้ทราบชื่อเสียงของพระพุทธองค์ก็ได้พาพรรคพวกไป ณ ราวป่าอิจฉานังคละ แคว้นโกศล เพื่อพบพระองค์แล้วได้อ้างถึงวรรณะพราหมณ์ว่าสูงส่งกว่า ครั้นพระพุทธะตรัสถามถึงเรื่องความเป็นมาของตระกูลกัณหายนะของอัมพัฏฐะเอง ซึ่งมาจากฤๅษีกัณหะ ผู้เป็นบุตรทาสีของพระเจ้าโอกกากะ ต้นตระกูลแห่งศากยะ ทำให้อัมพัฏฐะถึงกับพูดไม่ออกและไม่กล้ายอมรับต่อหน้าพราหมณ์เพื่อนๆ จนวชิรปาณียักษ์ต้องออกมากดดันให้เขาตอบ ในที่สุดพระพุทธองค์ก็ทรงยกย่องต้นตระกูลของเขาและตรัสสอนว่า ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ (ความรู้และความประพฤติ) จึงจะเป็นผู้ประเสริฐสูงสุดในหมู่มนุษย์]
2
▪︎ เนื้อหาเทียบเคียงปรากฏใน ทีรฆาคม พระสูตรที่ 3 แห่งพระไตรปิฎกจีน เรียกชื่อยักษเทพอีกนามหนึ่งว่า 密迹力士 "คุยหปาท" (คุหฺยปาท = "ผู้มีรอยเท้าเร้นลับ") ถือค้อนทองคำ :
...ครานั้น คุยหปาทผู้ทรงพลังถือค้อนทองคำ กำลังยืนอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะมาณพ หากมาณพไม่ตอบคำถามให้ถูกเวลา จะเอาค้อนทองทุบหัวมาณพให้แตก พระพุทธเจ้าตรัสบอกมาณพว่า "เธอจงยกศีรษะขึ้นดูเถิด" มาณพมองขึ้นดูเห็นคุยหปาทผู้ทรงพลังถือค้อนทองคำกลางอากาศ เห็นเช่นนั้นจึงหวาดกลัวยิ่งนัก ขนลุกชูชันทั่วกาย พลันลุกจากที่นั่งเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาค อาศัยพระองค์เพื่อช่วยปกป้อง และกราบทูลว่า "พระผู้มีพระภาคจงถามเถิดพระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะตอบ"...
時,密迹力士手執金 杵,當摩納頭上虛空中立,若摩納不時答 問,即下金杵碎摩納首。佛告摩納:「汝可 仰觀。」
摩納仰觀,見密迹力士手執金杵立 虛空中,見已恐怖,衣毛為竪,即起移坐附 近世尊,依恃世尊為救為護,白世尊言: 「世尊當問,我今當答。」
—ทีรฆาคม (長阿含經) พระสูตรที่ 3 阿摩晝經 (อัมพัฏฐสูตร) เป็นของนิกายธรรมคุปตกะ พากย์แปลจีนโดยพระพุทธยศัสและพระจุ๊ฝอเนี่ยน ต้นศตวรรษที่ 5
https://suttacentral.net/da20/lzh/taisho?reference=none&highlight=false
___________________________________
■ จูฬสัจจกสูตร
...สมัยนั้น วชิรปาณียักษ์ถือกระบองเพชร (วัชระ) ลุกเป็นไฟรุ่งเรืองลอยอยู่ในเวหา ณ เบื้องบนศีรษะสัจจกนิครนถ์ ประกาศว่า “ถ้าสัจจกนิครนถ์นี้ ถูกพระผู้มีพระภาคตรัสถามปัญหาที่ชอบด้วยเหตุผลแล้วถึงสามครั้ง แต่ไม่ยอมตอบ เราจักผ่าศีรษะสัจจกนิครนถ์นั้นเจ็ดเสี่ยงในที่นี้แหละ.” ท้าววชิรปาณีนั้น พระผู้มีพระภาคกับสัจจกนิครนถ์เท่านั้นเห็นอยู่ ในทันใดนั้น สัจจกนิครนถ์ตกใจกลัวจนขนลุกชูชัน แสวงหาพระผู้มีพระภาคเป็นที่ต้านทาน ป้องกัน เป็นที่พึ่ง ได้ทูลว่า “พระโคดมผู้เจริญ ขอจงทรงถามเถิด ข้าพเจ้าจักแก้ ณ บัดนี้.”..
—จูฬสัจจกสูตร, มัชฌิมนิกาย 35 (มูลปัณณาสก์ พระสูตรที่ 5)
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=7323&Z=7551
「 เตน โข ปน สมเยน วชิรปาณิ ยกฺโข อายสํ วชิรํ อาทาย อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ สจฺจกสฺส นิคณฺฐปุตฺตสฺส อุปริเวหาสํ ฐิโต โหติ: “สจายํ สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภควตา ยาวตติยํ สหธมฺมิกํ ปญฺหํ ปุฏฺโฐ น พฺยากริสฺสติ เอตฺเถวสฺส สตฺตธา มุทฺธํ ผาเลสฺสามี”ติฯ ตํ โข ปน วชิรปาณึ ยกฺขํ ภควา เจว ปสฺสติ สจฺจโก จ นิคณฺฐปุตฺโตฯ อถ โข สจฺจโก นิคณฺฐปุตฺโต ภีโต สํวิคฺโค โลมหฏฺฐชาโต ภควนฺตํเยว ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว เลณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณํ คเวสี ภควนฺตํ เอตทโวจ: “ปุจฺฉตุ มํ ภวํ โคตโม, พฺยากริสฺสามี”ติฯ」
https://suttacentral.net/mn35/pli/ms?layout=sidebyside&reference=none¬es=asterisk&highlight=false&script=Thai
1
[ สัจจกนิครนถ์ ผู้หยิ่งผยองได้มาท้าประลองการโต้วาทะกับพระพุทธองค์ ณ ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี โดยเขามีหลักวาทะว่า ขันธ์ทั้งหลายเป็นตัวตนเป็นของเรา แต่พระพุทธะได้ถามว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราจะสามารถควบคุมมันให้เป็นไปตามความต้องการในอำนาจได้หรือ สัจจกะไม่อาจตอบเพราะขัดกับหลักของตน แต่วชิรปาณีได้มากดดันเขาให้ตอบตามคำประกาศแต่เดิม จึงยอมจำนนในที่สุด]
1
▪︎ เนื้อหาเทียบเคียงปรากฏในสังยุกตาคม เรียกว่า 金剛力鬼神 = "ยักษเทพวัชระผู้ทรงพลัง" :
...ทันใดนั้น ยักษเทพวัชระผู้ทรงพลังกำลังอยู่กลางอากาศ ถือวัชระลุกโชติช่วงเป็นเปลวเพลิง วางเหนือศีรษะสัจจนิครนถ์ กล่าวว่า "พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามถึงสามครั้ง ไฉนเจ้าจึงไม่ตอบ? เราจะเอาคทาวัชระทุบหัวเจ้าเป็นเจ็ดเสี่ยง" ทันใดนั้นเอง ด้วยอานุภาพของพระพุทธองค์ ทำให้สัจจนิครนถ์เท่านั้นเห็นเทพวัชระ หมู่คณะนอกนั้นไม่มีใครเห็น สัจจนิครนถ์เกิดหวาดกลัวเป็นอันมาก ทูลพระพุทธองค์ว่า "ไม่เป็นเช่นนั้นเลย ท่านโคตมะ"...
時,有金剛力鬼神持金剛 杵,猛火熾然,在虛空中臨薩遮尼犍子 頭上,作是言:「世尊再三問,汝何故不答?我 當以金剛杵碎破汝頭,令作七分。」
佛神 力故,唯令薩遮尼犍子見金剛神,餘眾 不見。薩遮尼犍子得大恐怖,白佛言:「不 爾。瞿曇!」
—สังยุกตาคม (雜阿含經) พระสูตร 110 薩遮 (สัจจกะ) เป็นของนิกายสรรวาสติวาท แปลสู่พากย์จีนโดยพระคุณภัทร กลางศตวรรษที่ 5
https://suttacentral.net/sa110/lzh/taisho?reference=none&highlight=false
==========
▪︎ เทียบเคียงสัจจกสูตรอีกแห่งปรากฏในเอโกตตราคม เรียกว่า 密跡金剛力士 = "วัชรคุยหปาทผู้ทรงพลัง" :
...ครานั้น คุยหปาทวัชระผู้ทรงพลังถือคทาวัชระ อยู่กลางอากาศได้กล่าวว่า "บัดนี้เจ้าไม่ตอบพระตถาคต เราจะทุบศีรษะเจ้าเป็นเจ็ดเสี่ยง".
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับนิครนถ์ว่า "เจ้าจงพินิจดูบนอากาศเถิด"
ทันใด นิครนถ์เงยหน้าขึ้นมองอากาศ เห็นวัชรคุยหปาทผู้ทรงพลัง และได้ยินเสียงจากอากาศกล่าวว่า "หากเจ้าไม่ตอบพระตถาคต เราจะทุบศีรษะเจ้าเป็นเจ็ดเสี่ยง" ได้ยินดั่งนั้นจึงหวาดกลัวยิ่ง ขนลุกชูชัน ทูลตอบพระผู้มีพระภาคว่า "ขอพระโคตมะโปรดช่วยด้วย โปรดจงถามเถิด ข้าพเจ้าจะตอบทันที"...
是時,密跡金剛力士手執金剛之杵,在 虛空中而告之曰:「汝今不報論者,於如來 前破汝頭作七分。」
爾時,世尊告尼健子 曰:「汝今觀虛空中。」
是時,尼健子仰觀空中, 見密跡金剛力士,又聞空中語:「設汝不報 如來論者,當破汝頭作七分。」見已驚恐,衣 毛皆竪,白世尊言:「唯願瞿曇當見救濟,今 更問論當疇對。」
—เอโกตตราคม (增壹阿含經) 37.10 พากย์จีนแปลโดย พระธรรมนันทิ และดัดแก้โดย พระสังฆเทวะ ปลายศตวรรษที่ 4
https://suttacentral.net/ea37.10/lzh/taisho?reference=none&highlight=false
■ อรรถกถาแห่งฝ่ายบาลี
อรรถกถาอัมพัฏฐสูตร (ทีฆนิกาย) และอรรถกถาจูฬสัจจกสูตร (มัชฌิมนิกาย) ในสายสืบทอดฝ่ายใต้แห่งบาลี รจนาในเกาะลังกา ล้วนระบุว่า วัชรปาณียักษ์นี้มิใช่ยักษ์ทั่วไป หากที่แท้เป็นการจำแลงกายของท้าวสักกะ (ศักระ) ผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาในรูปดุร้ายเพื่อกำราบเหล่าผู้ท้าทายพุทธธรรมโดยเฉพาะ สอดคล้องตรงกันกับการถือ "วัชระ" หรือสายฟ้าในมือ โดยมาทำหน้าที่การใช้กำลังแทนพระพุทธองค์ผู้เป็นสมณะ :
3
▪︎ "... สายฟ้ามีอยู่ที่ฝ่ามือของยักษ์นั้น เหตุนั้น ยักษ์นั้นจึงชื่อว่า วชิรปาณี.
บทว่า ยักษ์ พึงทราบว่า มิใช่ยักษ์ธรรมดา แต่เป็นท้าวสักกเทวราช. บทว่า เป็นของร้อน คือ มีสีเป็นไฟ. บทว่า สมฺปชฺชลิตํ แปลว่า ลุกโพลงไปทั่ว. บทว่า สํโชติภูตํ แปลว่า มีแสงสว่างโดยรอบ. ความว่า มีเปลวไฟเป็นอันเดียวกัน. บทว่า ยืนอยู่ ความว่า ยักษ์นั้นเนรมิตรูปร่างแปลกประหลาดอย่างนี้ คือศีรษะใหญ่ เขี้ยวเหมือนกับหัวผักกาดสด นัยน์ตาและจมูกเป็นต้น ดูน่ากลัว ยืนอยู่.
2
ถามว่า ก็ยักษ์นี้มาเพราะเหตุไร.
ตอบว่า มาเพื่อจะให้อัมพัฏฐะละทิ้งทิฏฐิเสีย.
อีกประการหนึ่ง ยักษ์นี้มาด้วยคิดว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถึงความเป็นผู้ขวนขวายน้อย ในการทรงแสดงพระธรรมเทศนาอย่างนี้ว่า ก็เรานี่แหละถึงแสดงธรรมได้ แต่คนอื่นเขาหารู้ทั่วถึงธรรมของเราไม่. ท้าวสักกะพร้อมกับท้าวมหาพรหมจึงเสด็จมา ได้ทรงกระทำปฏิญญาว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์จงทรงแสดงธรรมเถิด พวกที่ไม่เป็นไปในอำนาจปกครองของพระองค์ พวกข้าพระองค์จักให้เป็นไปเอง ธรรมจักรจงเป็นของพระองค์ อาณาจักรจงเป็นของพวกข้าพระองค์ เพราะฉะนั้น วันนี้ เราจักขู่ให้อัมพัฏฐะสะดุ้งกลัว แล้วให้เฉลยปัญหาให้ได้..."
3
—อรรถกถา ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค อัมพัฏฐสูตร
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=141&p=2&h=%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B5#hl
「 วชิรํ ปาณิมฺหิ อสฺสาติ วชิรปาณิ. ยกฺโขติ น โย วา โส วา ยกฺโข, สกฺโก เทวราชาติ เวทิตพฺโพ. อาทิตฺตนฺติ อคฺคิวณฺณํ. สมฺปชฺชลิตนฺติสุฏฺฐุ ปชฺชลิตํ. สโชติภูตนฺติ สมนฺตโต โชติภูตํ, เอกคฺคิชาลีภูตนฺติ อตฺโถ. ฐิโต โหตีติ มหนฺตํ สีสํ, กุนฺทลมกุฬสทิสา ทาฐา ภยานกานิ อกฺขินาสาทีนิ เอวํ วิรูปรูปํ มาเปตฺวา ฐิโต. กสฺมา ปเนส อาคโตติ? ทิฏฺฐิวิสฺสชฺชาปนตฺถํ. อปิจ "อหญฺเจวโข ปน ธมฺมํ เทเสยฺยํ, ปเร จ เม น อาชาเนยฺยุนฺ"ติ เอวํ ธมฺมเทสนายอปฺโปสฺสุกฺกภาวํ อาปนฺเน ภควติ สกฺโก มหาพฺรหฺมุนา สทฺธึ อาคนฺตฺวา "ภควาธมฺมํ เทเสถ, ตุมฺหากํ อาณาย อวตฺตมาเน มยํ วตฺตาเปสฺสาม, ตุมฺหากํธมฺมจกฺกํ โหตุ, อมฺหากํ อาณาจกฺกนฺ"ติ ปฏิญฺญํ อกาสิ. ตสฺมา "อชฺช อมฺพฏฺฐํ ตาเสตฺวา ปญฺหํ วิสฺสชฺชาเปสฺสามี"ติ อาคโต」
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=4&A=5643
___________________________________
🟤 วัชรปาณีในปกรณ์สายเหนือและมหายาน
■ มูลสรรวาสติวาทวินัย (根本說一切有部毘奈耶藥事)
ตัวแทนปกรณ์ของพุทธศาสนาสายเหนือ ปรากฏ "วัชรปาณียักษ์" (金剛手藥叉) ติดตามพระพุทธเจ้าในหลายตอน โดยเฉพาะบทบาทในดินแดนภาคเหนือของอินเดีย เช่น การปราบพยศพญานาคอปลาล ซึ่งบันดาลพายุพัดไร่นาประชาชนเสียหาย วัชรปาณีได้ใช้วัชระทำลายผาหินถล่มวังนาค จนคลายพยศหันมาเข้าพึ่งพระพุทธองค์และสมาทานศีลไม่เบียดเบียนผู้คนอีก
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1188157525046088&id=100015555556981
■ ลังกาวตารสูตร (大乘入楞伽經)
ได้ให้ข้อคิดคำสอนว่า พระรูปกายแห่งองค์ตถาคตที่มีวัชรปาณีคอยพิทักษ์ติดตามดังที่มักเห็นตามรูปทั้งหลาย ไม่ใช่พระพุทธองค์ที่แท้จริง:
"มหามติ! นิรมาณกายแห่งตถาคต ซึ่งมีวัชระผู้ทรงพลังคอยติดตามพิทักษ์นั้น หาใช่พุทธะที่แท้จริงไม่ ตถาคตที่แท้นั้นพ้นไปจากขีดจำกัดทั้งหลาย และเป็นมรรคอันนอกเหนือไปจากยานทั้งสอง อันใครๆ ไม่อาจรู้ ดำรงอยู่ในสุขแห่งปัจจุบันธรรม สำเร็จซึ่งปัญญาและขันติ ไม่แฝงด้วยการปกป้องพิทักษ์โดยวัชระผู้ทรงพลัง"
大慧!變化如來,金剛力士常隨衛護,非真實佛。真實如來,離諸限量,二乘 外道,所不能知,住現法樂,成就智忍,不假金剛力士所護。
—มหายานลังกาวตารสูตร (大乘入楞伽經) แปลโดยพระศิกษานันทะ ต้นศตวรรษที่ 8 สมัยถัง
ประวัติศาสตร์
1 บันทึก
2
4
1
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย