Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Nilubon Sukawanich
•
ติดตาม
30 มี.ค. 2022 เวลา 02:36 • สุขภาพ
โพสต์นี้ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากดราม่าในกระแสอยู่บ้างค่ะ
แต่ส่วนหนึ่งก็สืบเนื่องมาจากสิ่งที่พบเห็นและสังเกตได้จากชีวิตจริง
รวมไปถึงสิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่าของหลายๆ คน
ที่มันเกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางคำพูด (verbal abuse) ค่ะ
การใช้คำพูดทำร้ายคนอื่น แม้จะอยู่ในท่าทีที่สงบไม่มีคำหยาบคาย แต่มันก็ถือว่าเป็นความก้าวร้าวชนิดหนึ่งด้วยเหมือนกัน ในภาษาอังกฤษเรียกว่า passive aggressive
...
...
เมื่อพูดถึงความรุนแรง ในสมัยก่อนอาจจะนึกถึงแค่การทำร้ายร่างกายที่มีการบาดเจ็บ มีรอยแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายที่ชัดเจน สามารถพิสูจน์ได้ง่ายในทางกฎหมาย ซึ่งแบบนั้นเรียกว่า physical abuse
แต่ความรุนแรงอีกรูปแบบหนึ่งที่มันอยู่ก้ำกึ่งระหว่างทำร้ายกับล้อเล่นมาโดยตลอดก็คือความรุนแรงทางคำพูด ซึ่งเราจะมองไม่เห็นบาดแผลที่อยู่ในใจ
แม้ว่าในสำนวนไทยจะมีคำเปรียบเปรยในเรื่องของการใช้คำพูดเป็นเครื่องมือในการสร้างความเจ็บปวดให้คนอื่น เช่น "ทำร้ายคนด้วยวาจา สาหัสยิ่งกว่าทิ่มแทงด้วยหอกดาบ"
หรือในศาสนาพุทธที่มีหลักเกี่ยวกับการเลือกใช้คำพูดอย่าง สัมมาวาจา มิจฉาวาจา หรือแม้กระทั่งในศีล 5 ก็มีเรื่องมุสาวาทา ซึ่งมันรวมไปถึงการใช้คำพูดไปในทางไม่สร้างสรรค์ในทุกรูปแบบ
แต่การใช้คำพูดไม่สร้างสรรค์ใส่กันก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ
และแม้ว่าสังคมสมัยใหม่จะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
(เช่น สมัยก่อนการล้อคนอื่นว่าเป็นลูกไม่มีพ่อแม่ ผิวดำ ผมหยิก ตั้งฉายาให้อับอาย จะถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติมากกก...)
แต่การล้อเลียนเหยียดหยามก็ยังคงมีอยู่ให้เห็น ก็คือมันลดลงแต่ไม่หมดไป
...
...
ตัวอย่างของความรุนแรงทางคำพูด เช่น
- การพูดเสียดสี กระแนะกระแหน ทำเป็นพูดลอยๆ
- สร้างดราม่าขึ้นมาปลอมๆ แล้วเอาไปพูดให้เกิดข่าวลือในทางเสียหาย
- เอาเรื่องรูปร่างหน้าตามาพูดล้อเลียน จนคนถูกพูดถึงกลายเป็นตัวตลก
- ด่าทอ ตำหนิ วิจารณ์ในทางลบ หรือพูดคำหยาบคายใส่ทั้งที่ไม่สนิทกัน
- พูดดูถูก เหยียด ใช้คำพูดด้อยค่าความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ฯลฯ
...
...
ในหลายครั้ง ผู้พูดหรือผู้กระทำความรุนแรงทางวาจาก็มักจะหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง เช่น "ไม่ได้ตั้งใจจะว่า..แค่อยากล้อเล่นขำๆ เฉยๆ"
หรือโยนความผิดมาให้ผู้ฟัง เช่น "พูดนิดพูดหน่อยก็ไม่ได้..อ่อนไหวจังเลยนะ" ทั้งที่จริงแล้ว ผู้พูดต่างหากที่เป็นฝ่ายที่ไม่สมควรจะพูดออกมา
...
...
ในโพสต์นี้ จึงอยากร่วมเป็นกระบอกเสียงว่า
ขอให้ทุกคนคิดไตร่ตรองและเอาใจเขามาใส่ใจเราก่อนที่พูดเสมอ
โดยที่ไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่า "ไม่เป็นไรหรอกมั้ง"
"แค่ขำๆ เอง" "ฉันเป็นคนปากร้ายแต่ฉันใจดีนะ"
ซึ่งในความเป็นจริงคือ คนฟังมักไม่เห็นเจตนา แต่จะยึดเอาถ้อยคำเป็นหลัก
ดังนั้น แม้ว่าเจตนาจะสวยหรูเพียงใด แต่คำพูดมันก็ทำร้ายคนฟังไปเรียบร้อยแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนพูดบอกว่าขำๆ แต่คนฟังเค้าไม่ขำด้วย
...
...
อย่างไรก็ตาม เพจนี้ไม่ขอสนับสนุนความรุนแรงในทุกประเภทนะคะ
แม้ว่าจะเจ็บปวดใจเพียงใด แต่การทำร้ายร่างกายมันไม่ใช่วิธีการเดียวที่เป็นคำตอบ นอกจากนั้น มันอาจทำให้เรื่องบานปลายออกไปอีก หรืออาจทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ไปกว่าเดิม
...
...
ซึ่งวิธีการที่ดีแบบหนึ่งในการรับมือกับความรุนแรงทางคำพูด ก็คือ
การทำให้ใจเราเข้มแข็งและยืดหยุ่น
ลองจินตนาการถึงลูกบอลยาง เวลาที่มีอะไรมาบีบมัน มันก็จะยุบลงไปตามแรงบีบ แต่เมื่อแรงบีบมันคลายออก ลูกบอลยางก็จะ "เด้ง" กลับไปเป็นทรงกลมตามเดิม
ใจที่เข้มแข็งและยืดหยุ่นก็เช่นกัน ตราบใดที่มันไม่ใช่การเข้ามาประทุษร้ายอย่างจังจนเกิดบาดแผล เราก็สามารถทำให้ตัวเองมีเกราะป้องกันได้ด้วยการ ไม่ไปตีความต่อยอดคำพูดที่เราได้ยิน ได้ยินเสียงก็รับรู้ว่ามันคือเสียง เสียงที่เป็นคำพูดคำหนึ่ง/ประโยคหนึ่ง โดยที่เราไม่ต้องไปเติมอะไรให้มัน เช่น
A: "แหม.. แต่งตัวสวยจังเลยนะวันนี้ ตั้งใจจะไปอ่อยผู้ชายสักกี่คนล่ะ"
B: รับรู้ว่ามันคือเสียงโดยไม่ตีความ แล้วทำหน้ามึนๆ ใส่ไปแบบ หื๊ม..อะไรนะ
หรือทำแบบคลิปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=7oKjW1OIjuw
(การสาธิตจะอยู่ประมาณนาทีที่ 4 นะคะ)
...
...
สุดท้ายนี้
อยากจะชวนให้ทุกคนฝึก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" มี empathy กันเยอะๆ
ปัญหาการทำร้ายกันทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจจะได้ลดลงหรือหมดไปค่ะ
เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า คนที่เราพูดจาไม่ดีใส่ เค้ามีภาวะเปราะบางอะไรอยู่ภายในมาก่อนแล้วหรือเปล่า เช่น เป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้า มีภาวะเจ็บป่วยรุนแรงหรือรู้สึกอับอายต่ออาการเจ็บป่วยของตนเอง คำพูดของเราอาจจะฆ่าเค้าได้เลยนะคะ
...
...
ในส่วนของคนที่ติดพูดจาทิ่มแทงทำร้ายคนอื่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
คุณอาจจะต้องตั้งคำถามกับตัวเองแล้วค่ะว่า คุณกำลังประสบกับความทุกข์หนักๆ อยู่ลึกๆ ในใจหรือเปล่า? อาจจะถึงเวลาแล้วที่ต้องเคลียร์น้ำเสียเพื่อเพิ่มน้ำดีให้กับตัวเอง ด้วยการลองไปพบนักจิตบำบัดหรือนักจิตวิทยาเพื่อสำรวจใจตัวเองดูสักครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้นอยู่ข้างใน
...
...
“If you have the choice between being right and being kind, choose being kind” (Dr. Wayne W. Dyer)
...
...
สนใจรับบทความเพิ่มเติมได้ทาง
facebook:
https://www.facebook.com/FernAcounselor/
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย