หรือจะให้อธิบายในอีกความหมายคือสมมติในน้ำหนักเชื้อเพลิงที่เท่ากันระหว่างเชื้อเพลิง A กับ B ถ้าเราสามารถสร้างแรงขับจากเชื้อเพลิงทั้งสองได้เท่ากัน โดยเชื้อเพลิง A สามารถใช้งานได้นานกว่าเชื้อเพลิง B หรือใช้น้ำหนัก A ได้น้อยกว่า B ต่อหนึ่งหน่วยเวลา เท่ากับว่าเราจะประหยัดการใช้เชื้อเพลิง A ได้มากกว่าอีกชนิด จึงเป็นประโยชน์อีกข้อหนึ่งของการใช้เชื้อเพลิงที่มี Isp ที่สูง ซึ่งไฮโดรเจนก็เป็นแบบ A เนี่ยแหละเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงตัวอื่น ๆ ที่ใช้กันอยู่ เนื่องด้วยลักษณะเฉพาะทางเคมี (ซึ่งเราจะไม่ของลงลึกในส่วนนี้ เพราะมันค่อนข้างยาว) ทำให้ Centaur ถูกพัฒนามาเพื่อคู่กับการใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง
ถังเชื้อเพลิงของ Centaur V ถังแรกของ ULA ระหว่างการทดสอบเพื่อรับการทดสอบ ที่มา – Tory Bruno
บทส่งท้าย
จากที่เล่ามาตรงนี้เราจะได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของวิศวกรที่มีต่อการพัฒนาจรวด ไม่จำเป็นต้องทำให้ล้ำเช่นการเอาจรวดทั้งลำกลับมาลงจอด แต่ทำให้คุ้มค่าที่สุดในวิธีที่ตัวเองทำได้เพื่อเพิ่มขีดจำกัดให้กับวงการอวกาศ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม ก็ไม่มีวิธีไหนที่ผิดที่สุด และทำให้เราได้เห็นถึงการพยายามค่อย ๆ ปรับตัวของบริษัทอวกาศที่พยายามเปลี่ยนตัวเองจากรูปแบบ Old Space ไปสู่ New Space (อ่านเกี่ยวกับ Old Space และ New Space
Vulcan Centaur ก็นับได้ว่าเป็นจรวดยุคถัดไปของสหรัฐฯ ที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในการสำรวจอวกาศครั้งใหม่ในโครงการ Artemis ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่มีจรวด Reuse แบบกลับมาลงจอดทั้งลำไม่ได้ไว้เป็นหนึ่งใน list ของจรวดที่ไว้ support โครงการที่มีสเกลที่ใหญ่ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำที่มีจรวดที่หลากหลายไว้สำหรับการส่งของขึ้นอวกาศที่มีความหลากหลายไม่แพ้กัน