4 เม.ย. 2022 เวลา 11:05 • สุขภาพ
➡️ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา​ 3% diquafosol sodium​⬅️
💦น้ำตาประกอบไปด้วย3ชั้น
1.ชั้นไขมัน (Lipid Layer) สร้างจากต่อมไขมันที่เรียกว่า Meibomian Gland อยู่ภายในเปลือกตา / หนังตา มีส่วนช่วยให้น้ำตาไม่ระเหยไปอย่างรวดเร็ว
2.ชั้นที่เป็นน้ำ (Aqueous Layer) สร้างจากต่อมน้ำตาที่เรียกว่า Lacrimal Gland ชั้นนี้เป็นส่วนประกอบ​หลักของน้ำตา
3.ชั้นเมือก (Mucin Layer) สร้างจากเซลล์ที่เรียกว่า Goblet Cell ในเยื่อบุตาและในกระจกตา เคลือบอยู่ด้านในสุดของผิวตา
👁️3% diquafosol sodium เป็นยากระตุ้นการสร้างน้ำตา​ (Secretogogue) เพิ่มการสร้างน้ำตาชั้นเมือกและชั้นน้ำ​ ใช้กับผู้ที่เป็นตาแห้งที่มีความรุนแรง​ระดับ​ 2 ที่มีอาการตาแห้งปานกลาง​ และจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น​
.
กลไกการออกฤทธิ์ของยาเป็น P2Y2 receptor agonist โดย P2Y2 receptor นี้พบได้ที่ meibomian gland, conjunctival epithelium และ goblet cell เมื่อ diquafosol sodium 3% ไปจับกับ receptor ทั้ง 3 ตำแหน่ง​ จะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำตาที่ชั้น Lipid, Aqueous และ Mucin กระตุ้นให้ดวงตาสร้างน้ำตาธรรมชาติขึ้นเอง
.
🤖มีการศึกษาการใช้ยา 3% diquafosol sodium ในผู้ป่วยโรคตาแห้งที่เคยใช้ยากลุ่มน้ำตาเทียมมาก่อนแต่อาการยังไม่ดีขึ้น เมื่อเปลี่ยนจากน้ำตาเทียมเป็น 3% diquafosol sodium แทน โดยหยอดครั้งละ 1 หยด วันละ 6 ครั้ง ต่อเนื่องระยะเวลา 2 สัปดาห์ พบว่าอาการตาแห้งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ อาการแพ้แสง (photophobia), อาการคันตา (itching), รู้สึกตาแห้ง (dry feeling), การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน (blurred vision), อาการตาล้า (eye fatigue) และตาแดง (Red eye)
.
นอกจากนี้มี meta-analysis สรุปประโยชน์และความปลอดภัยของ 3% diquafosol sodium สำหรับผู้ป่วยโรคตาแห้งที่เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันและกลุ่มผู้ป่วยหลังผ่าตัด เช่น อาการตาแห้งหลังทำ LASIK อาการตาแห้งหลังจากผ่าตัดต้อกระจก ตาแห้งที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น ตาแห้งจากการใช้หน้าจอหรืออุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ต่าง ๆ แสดงว่ายามีประสิทธิผลดีในการลดอาการของโรคตาแห้ง​ และเพิ่มความคงต้วของฟิล์มน้ำตา
.
🤡ผลข้างเคียงจากยา
อาจพบอาการเคืองตา เมือกในตาหรือมีขี้ตาใส ๆ
มีอาการตาแดง​ และอาการข้างเคียงอื่นๆ ในระดับน้อย
นอกจากนี้พบว่า​ ถ้าใช้ยา 3% diquafosol sodium ต่อเนื่อง 1 เดือน ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยจะพบว่าอาการข้างเคียงเหล่านั้นจะค่อย ๆ ลดลง
.
💦ขนาดการใช้ยา แนะนำให้ใช้ 3% diquafosol sodium หยอดตา ครั้งละ 1 หยด วันละ 6 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์
จากนั้นปรับลดขนาดยาเป็น หยอดตา ครั้งละ 1 หยด วันละ 4 ครั้ง ​​
.
เมื่อเริ่มใช้ยา 3% diquafosol sodium อาการตาแห้ง
หรือความรู้สึกไม่สบายตาจะไม่ลดลงหรือหายไปทันทีหลังใช้ยา
ซึ่งแตกต่างจากการใช้น้ำตาเทียมเมื่อหยอดแล้วจะรู้สึกสบายตาทันที
เนื่องจากยา 3% diquafosol sodium จะค่อย ๆ ไปกระตุ้น P2Y2 receptor เพื่อให้เกิดการสร้างน้ำตาตามธรรมชาติ
.
ดังนั้นในระยะแรกของการรักษาแนะนำให้ผู้ป่วยใช้น้ำตาเทียมควบคู่ไปกับ 3% diquafosol sodium โดยหยอดยาทั้งสองชนิดห่างกันประมาณ 5 นาที เพื่อให้ยาชนิดแรกดูดซึมเข้าสู่ดวงตาก่อน โดยสามารถใช้ยาชนิดใดก่อนก็ได้
ซึ่งเมื่อใช้ยาทั้งสองชนิดคู่กันพบว่าผู้ป่วยพึงพอใจต่อผลการรักษา
เนื่องจากการได้รับน้ำตาเทียมในช่วงแรกของการรักษาจะช่วยบรรเทาอาการตาแห้งได้ทันท่วงที ขณะที่ยา 3% diquafosol sodium จะให้ผลกระตุ้นการสร้างน้ำตา ทำให้อาการตาแห้งดีขึ้นในระยะยาว
.
👨‍🔬ดังนั้นเมื่ออาการตาแห้งดีขึ้น แนะนำให้ผู้ป่วยปรับลดความถี่ของการใช้น้ำตาเทียมลงจนสามารถหยุดใช้น้ำตาเทียมได้​ หรือลดการใช้น้ำตาเทียมเฉพาะเมื่อมีอาการ
ขณะที่การใช้ยา 3% diquafosol sodium ควรใช้ตามคำแนะนำ
คือ หยอดตา ครั้งละ 1 หยด วันละ 6 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ จากนั้นปรับลดขนาดยาเมื่ออาการตาแห้งดีขึ้นเป็นหยอดตา ครั้งละ 1 หยด วันละ 4 ครั้ง และค่อยๆ ปรับลดความถี่ลง เมื่ออาการตาแห้งหายแล้วสามารถหยุดการใช้ยาได้
.
Diquafosol sodium เป็นยาหยอดตาที่ขึ้นทะเบียนเพื่อรักษาอาการตาแห้งทั้งในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไทย
โดยในประเทศไทยได้รับอนุมัติทะเบียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558
ปัจจุบันจัดเป็นยาอันตรายตามกฏหมาย ​
.
.
💢
เนื้อหาจาก
.
ยาที่กระตุ้นการสร้างน้ำตา (tear secretagogues): มิติใหม่ของการรักษาโรคตาแห้งโดยการกระตุ้นการสร้างน้ำตา
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
.
.
ภาพจาก
.
.
.
.
บทความอื่นๆ
🤯ตาแห้ง​ และ​ น้ำตาเทียม
EYE น้ำตาเทียม
POSTED 2022.04.04
โฆษณา