5 เม.ย. 2022 เวลา 02:59 • กีฬา
แล้วบอกพวกกัน : 10 อันดับเพื่อนรักที่ซัดกันเองในสนาม | Main Stand
ทะเลาะกันเพราะเกลียดขี้หน้า ต่อยกันเพราะปมเก่ามันฝังใจ หรือใส่กันเพราะหมอนี่วางตัวเป็นจิ๊กโก๋จนน่าหมั่นไส้
1
ไม่ว่าจะเรื่อง ๆ ใด สิ่งที่กล่าวมาล้วนเคยเกิดขึ้นมาแล้วในโลกกีฬา และนี่คือ 10 อันดับเพื่อนร่วมทีมที่ทนไม่ไหวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนต้องหันมาใส่เดี่ยวกันเอง
ติดตามได้ที่ Main Stand
1. คีรอน ดายเออร์ vs ลี โบว์เยอร์
นิวคาสเซิล รวมเหล่าขาโจ๋ไว้ด้วยกันพอตัวในช่วงปี 2005 และ 2 ตัวชูโรงคือ คีรอน ดายเออร์ กับ ลี โบว์เยอร์
เวลาปกติก็เลือดร้อนกันอยู่แล้ว แต่นี่ทีมกำลังโดน แอสตัน วิลล่า บุกมานำถึงบ้าน 0-3 เมื่อไม่รู้จะระบายอารมณ์กับใครก็ถึงคราวใส่กันเองเสียเลย เพราะคำไม่กี่คำที่ฟังไม่เข้าหูเลยสักนิด
จังหวะดังกล่าว ดายเออร์ ครองบอลอยู่และ โบว์เยอร์ ก็ขอบอลอยู่นาน แต่ที่สุดแล้วปีกความเร็วสูงก็ไม่ยอมจ่ายให้ เหตุผลน่ะเหรอ ? ก็เพราะเขาไม่อยากจ่ายให้โบว์เยอร์ยังไงล่ะ
"ส่งมาให้ฉันสิวะไอ้บัดซบเอ๊ย" เสียงตะโกนจากแดนไกลของโบว์เยอร์ดังขึ้น และดายเออร์ตอบกลับแบบสมควรแล้วที่ต่อยกัน "ใครจะไปส่งให้ไอ้ปัญญาอ่อนอย่างแกวะ"
จบประโยคนี้เท่านั้น ทั้ง 2 คนก็เข้าบวกกันแบบไม่ต้องมีใครมาท้าใครให้เจ็บคอ เหมือนว่าเพื่อนร่วมทีมจะเอือมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่มีใครมาห้ามทัพ ร้อนถึง แกเรธ แบร์รี่ กองกลางของวิลล่า ที่ต้องเข้ามาช่วยห้ามคู่แข่งต่อยกันเองเสียอย่างนั้น
2. วิลฟรีด ซาฮา vs ราเวล มอร์ริสัน
สมัยวัยรุ่นทีนเอจ ทั้ง วีลฟรีด ซาฮา และ ราเวล มอร์ริสัน ต่างก็เป็นดาวรุ่งสัญชาติอังกฤษตัวท็อปที่ใครก็มองว่าจะได้เติบโตกลายเป็นยอดนักเตะทีมชาติอังกฤษในอนาคต ทว่าทั้งคู่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ... แถมยังเคยหวดกันมาก่อนด้วย
เกมดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมระหว่างศึกฟุตบอลยูโรรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบคัดเลือกที่ อังกฤษ เจอกับ ลิทัวเนีย แน่นอนว่าการเจอกับทีมที่มีศักยภาพด้อยกว่าเยอะทำให้นักเตะเทคนิคสูงอย่างทั้ง ซาฮา และ มอร์ริสัน ต่างก็ได้เวลาโชว์เทคนิคลากเลื้อยเขย่าโลก และช่วยให้ทีมนำไปถึง 5-0
อย่างไรก็ตามต่อให้เล่นดีขนาดไหนแต่เสือสองตัวก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เมื่อต่างฝ่ายต่างติดเลี้ยงจนไม่ยอมส่งจนมีปัญหากัน โดย ซาฮา ตะโกนใส่ มอร์ริสัน ประมาณว่า "จะเลี้ยงไปถึงไหนเฮ้ย" มอร์ริสัน จึงได้ทีสวนกลับว่า "เอ็งก็บ้าเลี้ยงไม่แพ้ข้าหรอก"
แบบนี้ก็ได้เรื่อง ต่างฝ่ายต่างมาเดินมาผลักอกบีบคอและฮึดฮัดใส่กันดอกใหญ่ ก่อนที่จะมีการสาวหมัดจนเพื่อนร่วมทีมต้องมาช่วยห้าม
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้า แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นกุนซือทีมชุดยู-21 ในเวลานั้น ... แม้ เซาธ์เกต จะบอกหลังเกมว่าทั้งคู่เคลียร์ใจกันแล้ว แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ไม่เคยได้โอกาสจากเซาธ์เกตอีกเลย โดยเฉพาะในทีมชาติชุดใหญ่
บทสรุปของทั้งคู่ลงเอยด้วยการเลือกเล่นให้กับชาติที่ตัวเองมีเชื้อสาย ซาฮา เลือกเล่นให้ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ส่วน มอร์ริสัน เลือกเล่นให้จาเมกา
3. คาร์ลอส ซัมบราโน vs ไมเคิล บาร์เร็ตต์
ในปี 2007 ทีม ชิคาโก คับส์ ทีมเบสบอลในลีก MLB กำลังฟอร์มตกอย่างหนักเล่นยังไงก็แพ้ และมันทำให้ผู้เล่นของพวกเขาที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอย่าง คาร์ลอส ซัมบราโน ไม่ชอบใจนัก และพร้อมจะหาทางระบายกับใครสักคน
เนื่องจากในการแข่งกับทีมชิคาโก ไวท์ซ็อกซ์ นั้นทีมคับส์ ก็ตั้งท่าจะแพ้อีกแล้ว และคนที่ซวยก็คือ ไมเคิล บาร์เร็ตต์ ผู้เล่นตำแหน่งแคชเชอร์ที่เล่นผิดพลาดจนทำให้ทีมโดนนำ จนถึงช่วงพักที่บาร์เร็ตต์เดินเข้ามาในซุ้มม้านั่งของผู้เล่นขณะที่ซัมบราโนกำลังกัดกรามกรอด ๆ บาร์เร็ตต์ก็ดันเดินผ่านหน้าเขาแบบไม่คิดว่าจะมีอะไร นั่นจึงทำให้ซัมบราโนของขึ้นมาในทันที
เขาเดินไปชี้หน้าด่าบาร์เร็ตต์ แต่บาร์เร็ตต์กลับด่ากลับในเชิงที่ว่าซัมบราโนก็ไม่ได้เล่นดีอะไร ไม่มีสิทธิ์อะไรมาด่าคนอื่น ๆ นั่นแหละครับความมันก็บังเกิด ซัมบราโนเปิดด้วยหมัดขวา จากนั้นก็มีการสวนกันโบ๊ะบ๊ะอยู่ 3-4 หมัด จนเพื่อนร่วมทีมช่วยกันมาแยกออกไป
หลังเกมทั้งคู่โดนเรียกเข้าห้องเย็นปรับความเข้าใจกันโดยมี ลู ปินิเอลลา เฮดโค้ชของทีมเป็นตัวกลาง ผลก็คือจอมหัวร้อนอย่าง ซัมบราโน โดนแบนจากพฤติกรรมดังกล่าว ขณะที่ ไมเคิล บาร์เร็ตต์ แค่ถูกตักเตือนเท่านั้น
4. เดวิด แบตตี vs แกรม เลอ โซซ์
หลังจากเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดยิ่งใหญ่ เหล่านักเตะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็เริ่มมีความเยอะในแบบสตาร์ฟุตบอลมากขึ้น โดยเฉพาะ 2 ดาวเด่นดีกรีทีมชาติอังกฤษอย่าง เดวิด แบตตี และ แกรม เลอ โซซ์ ที่นับวันชักจะมีเรื่องให้ต้องเบื่อหน้ากันมากขึ้น ๆ
แน่นอนการเป็นแชมป์ทำให้พวกเขาต้องเข้าไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเกมดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ แบล็คเบิร์น ต้องไปเยือน สปาร์ตัก มอสโก ถึงรัสเซีย ระหว่างที่เก็บตัวซ้อม แบตตี กับ เลอ โซซ์ มีปัญหาและมีปากเสียงกันบ่อย ๆ พวกเขาต่างมองว่าอีกคนมีความพยายามน้อยเกินไป ด้านฝั่ง เลอ โซซ์ ก็มองว่า แบ็ตตี้ เป็นกองกลางจุดอ่อนของทีมที่มักจะส่งบอลผิดพลาด
กลายเป็นว่าปัญหาในสนามซ้อมมาระอุเอาในการแข่งขันจริง หลังเกมเริ่มได้ไม่นาน เลอ โซซ์ กับ แบตตี ก็ด่ากันอยู่สักพัก ... และอย่ากระนั้นเลย หลังเก็บมานานพวกเขาก็เดินหน้าซัดกันกลางสนามแบบออกหมัดจริงจัง โดยคนห้ามในเวลานั้นคือ ทิม เชอร์วูด มิดฟิลด์อีกคนของทีม
นักเตะของสปาร์ตักยอมรับตามตรงว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ขณะที่กุนซือของพวกเขาที่ชื่อ โอเล็ก โรมันเชฟ ก็งงไม่ต่างกัน หลังจบเกม สปาร์ตัก เอาชนะ แบล็คเบิร์น 3-0 โอเล็กให้สัมภาษณ์แบบสุดจี๊ดว่า "ก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นผมบอกกับนักเตะของเราว่าพวกเขาจะต้องเจอกับ 11 คนที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อกันและกัน ไม่ใช่มาต่อสู้กันเองแบบนี้นะ"
5. จอห์น ฮาร์ทสัน vs เอยัล เบอร์โควิช
หากใครทันดูฟุตบอลยุค 90s ก็จะเข้าใจได้ว่า จอห์น ฮาร์ทสัน ดาวยิงชาวเวลส์ คือนักเตะประเภทปากว่ามือถึงที่ใส่ไม่ยั้งเบอร์ต้น ๆ ของวงการ ความเลือดร้อนของ ฮาร์ทสัน แสดงออกมาหลายครั้งในเกม แต่ครั้งที่รุนแรงที่สุดคือการซัดใส่เพื่อนร่วมทีมของตัวเองอย่าง เอยัล เบอร์โควิช
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 1998 ในการซ้อมของทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เบอร์โควิชพยายามเข้าปะทะฮาร์ทสันที่แบ่งทีมอยู่คนละฝั่ง แต่คงจะแรงปะหน่อยเลยทำให้ฮาร์ทสันฉุนขาด แม้จะบ่นด่าไปแล้วแต่ดูเหมือนเบอร์โควิชจะไม่สลด ดังนั้นจึงต้องมีการสั่งสอนกันหน่อย
ฮาร์ทสันพยายามไล่เตะเบอร์โควิชตลอดการซ้อมครั้งนั้น ทำให้เบอร์โควิชเริ่มฉุนบ้าง และในจังหวะที่เขาล้มลงหลังโดนเตะ เบอร์โคชวิชได้เหวี่ยงหมัดใส่สะโพกฮาร์ทสันและจากนั้นช็อตเด็ดก็เกิดขึ้น
เมื่อฮาร์ทสันลุกขึ้นมาได้ เขาจึงจัดการเตะสวนหวดเข้าปากเบอร์โควิชแบบเน้น ๆ ทำให้ดาวเตะชาวอิสราเอลต้องพักเป็นสัปดาห์จากเหตุการณ์นั้น โดยปัจจุบันฮาร์ทสันได้ขอโทษเบอร์โควิชแล้ว และยอมรับว่านั่นเป็นเหตุการณ์ที่น่าอายที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว
6. เทอร์เรลล์ โอเว่นส์ vs โดโนแวน แม็คแน็บบ์
เทอร์เรลล์ โอเว่นส์ คือหนึ่งในนักอเมริกันฟุตบอลที่ปากแซบที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มักจะมีปัญหาจนไม่สามารถอยู่ยาวจบครบสัญญาได้สักที และกับการเล่นที่ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ก็เช่นกัน
คู่กรณีของโอเว่นส์ คือ โดโนแวน แม็คแน็บบ์ ผู้เล่นตำแหน่งควอเตอร์แบ็กของทีม ซึ่งเป็นคนที่มีปัญหานอกสนามกับโอเว่นส์มาพักใหญ่ นำพาให้โอเว่นส์มักจะพูดอะไรในเชิงการแขวะและดูถูกฝีมือของแม็คแน็บบ์ที่เป็นดาราประจำทีม และวันที่แม็คแน็บทนไม่ไหวก็มาถึง ทั้งสองคนได้ฟาดปากกันในสนามซ้อมหลังขิงกันมานาน
เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนจะเป็นเรื่องแย่แต่ปลายทางกลับเป็นเรื่องดี เพราะมีการเรียกผู้เล่นทั้งสองคนเข้ามาเปิดใจสร้างความเข้าใจกันมากขึ้น และจากนั้นทั้งคู่ก็พยายามทำเพื่อทีม โดยปลายทางที่จับต้องได้คือในปี 2004 ที่ทั้งคู่พาอีเกิลส์เข้าไปถึงศึกซูเปอร์โบวล์ แม้จะแพ้ นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ในยุคของ ทอม เบรดี้ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของอีเกิลส์ ณ ตอนนั้นแล้ว
7. มณีพงศ์ จงจิตร vs บดินทร์ อิสสระ
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับ 2 นักแบดมินตันทีมชาติไทยประเภทชายคู่ ที่เป็นเพื่อนกันอย่าง เอ-มณีพงศ์ จงจิตร และ อาร์ท-บดินทร์ อิสสระ โดยทั้งคู่เคยไต่กันไปถึงคู่มือ 6 ของโลกมาแล้ว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งโลกจำได้ก็เกิดขึ้นใน แคนาดา โอเพ่น เมื่อปี 2013
แผลใจเล็ก ๆ เกิดขึ้นจากการแยกทางบนความไม่เข้าใจของกันและกัน ในศึกแคนาดา โอเพ่น 2013 ที่ทั้ง 2 คนต้องมาเจอกันเอง นั่นทำให้ปมในอดีตถูกเอามาพูดโต้ตอบกันไปมาตลอดทั้งเกม ท้ายที่สุด บดินทร์ อิสสระ ก็ไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้จึงพุ่งตรงเข้าไปชก มณีพงศ์ จงจิตร และมีการวิ่งไล่ปะทะจนอาร์ทมีบาดแผลเลือดออกตรงบริเวณกกหู ผลพวงจากเหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งคู่ตกเป็นข่าวดังไปทั่วทั้งโลก
1
สหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ BWF มีคำสั่งแบน บดินทร์ อิสสระ เป็นเวลา 2 ปี ส่วน มณีพงศ์ จงจิตร โดนโทษแบน 3 เดือน นับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดของทั้งสองนักแบดมินตันที่ครั้งหนึ่งเคยกอดคอเป็นเพื่อนรักกัน
อย่างไรก็ตามหลังผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวมา 5 ปี ทั้งคู่ต่างก็กลับมาเปิดใจพูดคุยกันอีกครั้ง และกลับมาเล่นคู่กันเหมือนในอดีต และช่วยรักษาปมในใจในอดีตจนหายสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
1
“ผมยังเคยพูดคุยกับเอนะว่า ถ้าวันนั้นเราไม่ตัดสินใจเร็ว ไม่ใจร้อน ไม่แยกคู่กันจนเกิดเรื่องแบบนั้น ป่านนี้เราอาจจะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอ่ะ ก็ต้องลืมมันไปแล้วเดินหน้าลุยอย่างเดียว มีอะไรก็ต้องประคับประคองกันไป” บดินทร์ พูดถึงเพื่อนรัก มณีพงศ์ ซึ่งเป็นตอนจบที่สวยงามของเรื่องนี้
8. แดร์รีล สตรอว์แบร์รี่ vs คีธ เอร์นานเดซ
นิวยอร์ก เม็ตส์ ทีมเบสบอลทีมดังประจำมหานครนิวยอร์ก ได้เรียกสื่อทุกเจ้าในประเทศมางานสำคัญของทีมพวกเขา นั่นคืองานถ่ายรูปรวมก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ พวกเขาอยากจะให้ภาพที่เผยแพร่ออกไปแสดงถึงความยิ่งใหญ่ที่รออยู่ ... ทว่าสิ่งที่สื่อได้กลับไปดันกลายเป็นภาพที่ร้อนแรงยิ่งกว่านั้นเยอะ
ต่อหน้าสื่อหลายเจ้า แดร์รีล สตรอว์เบอร์รี่ กับ คีธ เอร์นานเดซ 2 ผู้เล่นของทีมที่เป็นคู่แค้นกันมานาน มองตากันอยู่สักพัก จนกระทั่งมีคนเปิดตามสั่งนั่นคือสตรอว์แบร์รี่ที่บอกเอร์นานเดซว่า "เมื่อไหร่เอ็งจะไปสักทีวะ เบื่อหน้ามาหลายปีแล้ว"
1
เอร์นานเดซ เก็บอารมณ์อยู่สักพัก จนกะทั่งมาถึงช่วงถ่ายรูปทีมที่ทั้งสองคนดันถูกจับให้มาอยู่ข้างกัน ทำให้สตรอว์แบร์รี่บอกว่า "ทำไมต้องมายืนข้างไอ้นี่ด้วย ?" เอร์นันเดซจึงได้ทีตอบกลับว่า "โตสักทีสิไอ้หนู งอแงเป็นเด็กอยู่ได้" เท่านั้นแหละการวางหมัดที่นัวจนมองตามไม่ทันก็เริ่มขึ้น ทั้งสองคนซัดกันมันหยด แม้เพื่อนร่วมทีมหลายคนจะเข้ามาห้าม แต่ห้ามยังไงก็ไม่น่าจะทัน เพราะตอนนี้ช่างภาพทุกสำนักได้บันทึกภาพแห่งความทรงจำนี้กันไปแล้ว
9. บรูซ กร็อบเบลาร์ vs สตีฟ แม็คมานามาน
บรูซ กร็อบเบลาร์ ผู้รักษาประตูของ ลิเวอร์พูล คือนักเตะที่สมาชิกทีมหงส์แดงต่างก็รู้จักดีกรีความร้อนแรงของเขาคนนี้จนยกให้เขาเป็นขาใหญ่ อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวมาเจอคนแหกกฎ คน ๆ นั้นคือดาวรุ่งดวงใหม่ของทีมอย่าง สตีฟ แม็คมานามาน
เหตุการณ์เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 1993 ระหว่างศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่กูดิสัน พาร์ก บ้านของ เอฟเวอร์ตัน เรื่องทั้งหมดเริ่มจากจังหวะเตะมุมของเจ้าบ้าน
1
จากลูกเตะมุมที่ลอยไม่มีน้ำหนัก แม็คก้าที่เป็นดาวรุ่งก็เลือกที่จะหวดบอลทิ้งทันที แต่กลายเป็นว่าเขาเตะผิดเหลี่ยม บอลไปเข้าทาง มาร์ค วอร์ด นักเตะของเอฟเวอร์ตัน และวอร์ดก็ยิงตามนํ้าจากความผิดพลาดนั้นตูมเดียวเข้าประตูไป และเรื่องดังกล่าวทำให้กร็อบเบลาร์ฉุนแม็คก้ามาก
แม็คก้าที่อยู่ในวัยแค่ 21 ปี ยืนประจันหน้าด่าต่อปากต่อคำกับกร็อบเบลาร์อยู่สักพัก จนกระทั่งแม็คก้าเดินหนี แต่กร็อบเบลาร์ก็ไม่ยอมหยุดตามมาตะคอกไล่หลัง จนแม็คก้าหันขวับมาด่าคืน แล้วต่างคนก็ผลักหน้ากันคนละที โชคดีที่ไม่มีการแลกหมัดกัน แต่เหตุการณ์นี้ก็มีไม่บ่อยนักกับทีมอย่างลิเวอร์พูล
10. สตีฟ สมิธ vs เคน ลูคัส
สตีฟ สมิธ คือตัวแสบแห่งทีม แคโรไลนา แพนเธอร์ส ผู้เล่นตำแหน่งปีกนอกคนนี้มักจะชอบวางตัวเป็นใหญ่และปากว่ามือถึงเป็นประจำ ครั้งนี้เกิดขึ้นในการซ้อมของทีมที่เขาเดินหน้า "ยำใหญ่" ใส่ เคน ลูคัส ผู้เล่นเกมรับของทีมที่โดนจ้วงไม่ยั้งจนตาแทบปิด
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะลูคัสเล่นเกมรับได้ไม่ดีนักในการซ้อมจึงทำให้สมิธไม่พอใจ เขาเดินตามไปบ่นลูคัสอยูนานเพื่อเรียกร้องฟอร์มที่ดีขึ้น แต่พอลูคัสเริ่มพูดกลับด้วยอารมณ์ยัวะ สมิธก็เปิดใส่เขาทันที
เหตุการณ์วุ่นวายร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะตัวสมิธเองก็ได้รับบาดเจ็บจนกระดูกมือหัก ขณะที่ลูคัสก็กระดูกหน้าแตกต้องพักหลายสัปดาห์ เรื่องดังกล่าวทำให้สมิธโดนส่งกลับบ้านและโดนสั่งแบนจากพฤติกรรมนั้น
โฆษณา