7 เม.ย. 2022 เวลา 04:06 • อาหาร
กระเจี๊ยบแดง : ว่าที่ "รส" ยอดฮิตที่จะเข้ามามีบทบาทในวงการอาหารและสุขภาพมากขึ้นในปี 2022
ก่อนหน้านี้เราได้เคยเขียนถึง "เห็ด" ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอด "วัตถุดิบแห่งปี" (Ingredient of the Year) กันไปแล้ว แต่เมื่อพูดถึงเรื่อง "รสชาติ" ของอาหารโดยเฉพาะกับของหวานและเครื่องดื่ม รสชาติที่คนมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อต้องเลือกรับประทานอะไรสักอย่างอาจจะวนเวียนอยู่กับช็อกโกแลต วานิลลา หรือชาเขียว อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนอกเหนือจากรสชาติเบื้องต้นที่กล่าวมาที่หลากหลายขึ้นไปอีกระดับก็เห็นจะเป็นรสของผลไม้อย่างพีช แตงโม หรือมะพร้าวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
ทว่าในเร็ว ๆ นี้ อาจจะมีอีกหนึ่งรสชาติใหม่ที่เพิ่มเข้ามาให้เลือกรับประทานกันมากขึ้น เพราะมันได้ถูกนำไปทำเป็นชา ไอศกรีม หรือแม้กระทั่งสเปรดสำหรับทาขนมปังมาแล้ว รสชาติที่ว่าคือรสชาติของ "ฮิบิสคัส" หรือ "กระเจี๊ยบแดง" (Roselle) ที่เรารู้มักรู้จักกันในฐานะของเครื่องดื่มนั่นเอง
ทำไมฮิบิสคัสถึงเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในแวดวงอาหารจนกลายเป็น Hottest Flavor ของปีนี้ ?
มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand
[ชนิดหนึ่งใช้รับประทาน อีกชนิดใช้ตกแต่งสวน]
 
ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจกันว่าทำไม "ฮิบิสคัส" หรือ "กระเจี๊ยบแดง" ที่เราคุ้นเคยกันในฐานะน้ำกระเจี๊ยบ คู่หูของน้ำเก๊กฮวยตามร้านก๋วยเตี๋ยวเรือถึงกลายมาเป็นรสชาติที่น่าจับตามองแห่งปี 2022 เราอาจจะต้องมาทำความรู้จักกระเจี๊ยบแดงกันให้มากขึ้นเสียก่อน
1
ฮิบิสคัส, กระเจี๊ยบแดง หรือ กระเจี๊ยบเปรี้ยว (Roselle) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Hibiscus Sabdariffa เป็นพืชสกุลชบา (Hibiscus) ที่อาจไม่ใช่ "ของใหม่" ในวงการอาหารสำหรับคนไทย เพราะมันเป็นพืชที่นิยมรับประทานกันอยู่แล้วในรูปแบบของเครื่องดื่มและชา อีกทั้งยังสามารถรับประทานได้ทั้งแบบร้อนและเย็น เป็นพืชที่มีตระกูลค่อนข้างใหญ่ หลากหลายสายพันธุ์ มักพบได้ในพื้นที่อบอุ่นในเขตร้อน (Tropical) ในทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้
พืชในสกุลชบาอาจจะสร้างความสับสนให้กับใครหลาย ๆ คนได้เล็กน้อย เนื่องจากความคล้ายกันในเรื่องของชื่อและสกุลของมัน แต่เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันเราจะจำแนกพืชสกุลนี้ออกเป็น 2 ประเภทหลักอันได้แก่ Roselle Hibiscus และ Tropical Hibiscus
Tropical Hibiscus คือไม้ดอกชบาหลากสีที่มีไว้เพื่อตกแต่งเป็นหลัก แต่ Roselle Hibiscus คือกระเจี๊ยบแดงเป็นพืชที่เราจะพูดถึงกันในที่นี้ที่สามารถรับประทานได้ตั้งแต่ส่วนของดอก ใบ และ ฝัก แต่ที่มักนิยมรับประทานกันจะเป็นส่วนของ กลีบเลี้ยง (Calyx) ที่มีรสชาติคล้ายกับของรสแครนเบอร์รี่
ลักษณะเด่นของฮิบิสคัสคือพืชที่มีสีสันดึงดูด ตอนที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีใดจะเป็นสีแดงเลือดนก (Crimson Red) แต่เมื่อกลายเป็นเครื่องดื่มจะมีสีออกชมพู มีรสเปรี้ยว อุดมไปด้วยวิตามินซีและประโยชน์อีกมาก เช่น ชาฮิบิสคัสที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญ ลดความดันโลหิตและโคเลสเตอรอล เป็นเครื่องดื่มที่นิยมรับประทานกันเพื่อควบคุมน้ำหนักหรือบางครั้งก็มาในรูปแบบของอาหารเสริม เช่น Vital Proteins Tropical Hibiscus Beauty Collagen ที่เป็นอาหารเสริมสำหรับเรื่องความสวยความงามโดยเฉพาะที่ช่วยบำรุงเส้นผม เล็บ และผิวหนัง
จากฮิบิสคัส ชาชบา หรือน้ำกระเจี๊ยบที่เราคุ้นเคย ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่จะกลายมาเป็นรสชาติยอดนิยมที่สุดในปี 2022
[รสชาติแห่งปี]
เป็นที่น่าสนใจว่าในวงการอาหารของต่างประเทศได้เริ่มมีการนำฮิบิสคัสมาประกอบอาหารกันมากขึ้นแล้ว รสและกลิ่นของมันฮอตฮิตขนาดที่มีการคาดการณ์ว่ามันจะกลายมาเป็น Flavor of the Year หรือรสชาติแห่งปี ประจำปี 2022 โดยสื่อเจ้าใหญ่อย่าง The New York Times หรือ Forbes อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮิบิสคัสเคยได้รับการเสนอชื่อเป็นรสชาติแห่งปี เพราะในปี 2019 มันเคยถือครองตำแหน่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง โดย FIRMENICH บริษัทเครื่องหอมจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
จากผลสำรวจของ Food and Beverages Flavor Trend Report ประจำปี 2022 ในประเทศสหรัฐอเมริกาโดย T.Hasegawa บริษัทผู้ผลิตเครื่องปรุงและเครื่องหอมรายใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่น รายงานว่าความนิยมของการปรุงรสฮิบิสคัสได้เพิ่มขึ้นมาถึง 24 เปอร์เซ็นต์มาตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2021 และความนิยมของการใช้ฮิบิสคัสในรูปแบบวัตถุดิบประกอบอาหารเพิ่มขึ้นถึง 65 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากความนิยมของอาหารละตินอเมริกาที่มักจะมีฮิบิสคัสประกอบอยู่ด้วย เช่น เอนชิลาดาส์ และ Chicken Al Pastor ที่มีการประยุกต์นำฮิบิสคัสมาใช้ร่วมด้วย (หมายเหตุ : จากผลสำรวจ ของผู้ทำแบบสำรวจออนไลน์ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 950 คนในสหรัฐอเมริกา)
ความนิยมดังกล่าวยังสอดคล้องกับเทรนด์ของวงการอาหารที่เริ่มมีการนำฮิบิสคัสเข้ามาผสมกับอาหารมากยิ่งขึ้น อาทิ คุกกี้ฮิบิสคัส (Hibiscus-Spiraled Ginger Cookies) โดย Food Stylist ชาวไนจีเรียที่ชื่อ "เยอวาน โคโมลาเฟ่" ที่ถูกเผยแพร่ใน The New York Times, สูตรชีสเค้กเบลนด์จาก The Spicery เว็บไซต์สอนทำอาหารจากประเทศอังกฤษหรือแม้กระทั่งการนำมาทำเป็นโดนัทโดยร้าน Yellow Light Coffee and Donuts ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของรสก็ยังจับฮิบัสคัสมาเป็นหนึ่งในรสโดนัทของร้านด้วย
ฮิบิสคัสยังเป็นพืชที่ได้รับความสนใจในหมู่วีแกนทั้งในแบบของคาวและของหวาน โดยเริ่มมีการนำไปประยุกต์เป็นไอศกรีมแบบ Soft Serve คล้ายโยเกิร์ตโดยร้านอาหารที่ชื่อ Hibicus Brew ในบรูคลิน นิวยอร์ก หรือทาโก้ส์และเกซาดีญ่าแบบวีแกน สองเมนูเม็กซิกันที่มักจะหยิบฮิบิคัสมาชูเป็นวัตถุดิบหลักโดยนำฮิบิสคัสมาทดแทนในส่วนของเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมไม้แพ้กันสำหรับวัตถุดิบชนิดดังกล่าว
นอกเหนือจากเรื่องอาหาร ในผลสำรวจเดียวกันยังปรากฏชื่อของฮิบิสคัสติดโผอยู่ในรายการรสของเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมอยู่ ณ ขณะนี้ เพราะคนส่วนมากมีความต้องการอยากที่จะลองเครื่องดื่มที่มีรสชาติแปลกไปจากเดิมที่มีเพียงแค่น้ำกระเจี๊ยบแดงดับกระหายและชาเพื่อสุขภาพ และตอนนี้ก็มีให้เลือกเพิ่มขึ้นในรูปแบบของโซดาและเครื่องดื่มค็อกเทลสำหรับการนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับการสังสรรค์อย่างหลากหลาย
อย่างแบรนด์ "ซอเรล" (Sorel) จากสหรัฐอเมริกา ก็ได้นำฮิบิสคัสมากลั่นเป็นสุราร่วมกับเครื่องเทศอย่างอบเชย กานพลู และขิง ที่กำลังได้รับความสนใจ หรือเครื่องดื่มม็อกเทลปลอดแอลกอฮอล์จากแบรนด์ "เพียร์สันซ์" (Pearson’s) จากประเทศสกอตแลนด์ ก็มีการนำฮิบิสคัสมาเป็นส่วนประกอบหลักในการทำเครื่องดื่มจินปลอดแอลกอฮอล์ที่นำไปบ่มร่วมกับกลีบกุหลาบ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
การเกิดขึ้นใหม่ของสินค้าสำหรับการบริโภคที่มีรสตั้งต้นมาจากฮิบิสคัสเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าวัตถุดิบดังกล่าวได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในแวดวงอาหารอย่างแท้จริง อาจเปรียบได้กับตอนที่ส้มยูสุเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นในฐานะวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มรสชาติให้มีความหลากหลายและน่าสนใจมากกว่าที่เคยเป็น รวมถึงการเป็นมิตรทั้งกับคนที่รักสุขภาพและนักชิมทั่วไปที่ไม่อยากรับประทานอะไรซ้ำเดิมไปเรื่อย ๆ
แม้ว่า ฮิบิสคัส จะไม่ใช่ "ของใหม่" ขนาดที่ต้องมานั่งวิจัยกันตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อศึกษาถึงสรรพคุณและธรรมชาติของมัน แต่ความหลากหลายจากวัตถุดิบหลักที่เพิ่มมากขึ้นเหล่านี้ก็มอบ "ทางเลือก" ในการกินให้กับเรามากขึ้น ความน่าตื่นเต้นของฮิบิคัส จริง ๆ แล้วอาจจะอยู่ที่ความเป็นไปได้ในการประยุกต์เพื่อนำมาประกอบอาหารและเครื่องดื่มเสียมากกว่า
ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเมนูกาแฟที่น่าสนใจ เช่น "อเมริกาโน่-กระเจีี๊ยบแดง" มาอยู่ในตัวเลือกต่อจาก "อเมริกาโน่-ยูสุ" ก็เป็นได้
บทความโดย ณัฐพล ทองประดู่
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา