"The Secrets of the Little Blue Box" ความลับของกล่องสีน้ำเงิน จุดเริ่มต้นที่สองผู้ก่อตั้งแอปเปิลใช้เปลี่ยนโลก
ก่อนที่โลกจะมีเครือข่ายไร้พรมแดน ไม่ว่าจะอยู่ทวีปไหนก็สื่อสารกันได้เช่นในปัจจุบัน เราสื่อสารกันด้วยวิธีโบร่ำโบราณ ไม่ว่าจะเป็นนกพิราบ พลม้าเร็ว ก่อนจะมาเป็นเครือข่ายสายโทรศัพท์บ้าน
ซึ่งเครือข่ายโทรศัพท์ในช่วงแรกนั้น จะติดต่อสื่อสารกันได้ต้องลากสายจากอีกเมืองหนึ่งมายังอีกเมือง และหนึ่งในผู้ให้กำเนิดเครือข่ายโทรศัพท์บ้าน นั่นก็คือ “อเล็กซานเดอร์ เกร์แฮม เบลล์” เขาเป็นผู้ค้นพบการส่งเสียงตามสายผ่านการใช้สายตัวนำไฟฟ้า ต่อมาจึงได้จดสิทธิบัตรในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1876
และเบลล์เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสื่อสารโทรคมนาคมชื่อว่า “AT&T” ซึ่งดำเนินธุรกิจมาถึงปัจจุบันเป็นองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 5 ล้านล้านบาท
นับได้ว่าเบลล์คือหนึ่งในบุคคลที่พาโลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การสื่อสารแบบเครือข่าย “มีสาย” อย่างแท้จริง
แต่ในบทความนี้ เราไม่ได้มาพูดถึงเรื่องราวของ เกร์แฮม เบลล์ แต่เรากำลังจะพูดถึงเรื่องราวของหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “Apple” เพราะเป็นหนึ่งในบริษัทที่นำพาโลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคการสื่อสารแบบ “ไร้สาย”
และเรารู้กันดีว่าผู้ก่อตั้งแอปเปิ้ลคือสองคู่หูอัจฉริยะ “สตีฟ จอบส์” และ “สตีเฟน วอซเนียก”
รู้ไหมว่าจุดเริ่มต้นของบริษัทเปลี่ยนโลกอย่างแอปเปิลมาจากกล่องแห่งความลับ “Blue Box”
แล้วกล่องแห่งความลับที่ว่านี้จะน่าสนใจอย่างไร เทคฮีโร่จะพาไปหาคำตอบกับ.. “The Secrets of Little Blue Box”
ความลับของกล่องสีน้ำเงินเริ่มจากสตีเฟน วอซเนียก
วอซเนียกเป็นคนที่มีนิสัยไม่เหมือนกับจอบส์ที่มีหัวด้านการค้า แต่เขาใกล้ชิดกับพ่อผู้เป็นวิศวกรมาตั้งแต่ยังเด็ก เลยทำให้สนใจสร้างสรรค์เทคโนโลยีมากกว่าการเป็นผู้นำธุรกิจ
วอลเตอร์ ไอแซคสัน นักเขียนชาวอเมริกัน เคยเล่าความสามารถอันน่าทึ่งของวอซเนียก ในวัยเกรด 4 หรือประมาณ ป.4 ในประเทศไทย ไว้ว่า..
“วอซเนียกในวัยเกรด 4 กลายเป็นเด็กอิเล็กทรอนิกส์ เขาจ้องมองทรานซิสเตอร์มากกว่าการมองสาวเสียอีก ในขณะที่สตีฟ จอบส์ อายุเท่านี้ เขายังงงว่าไมโครโฟนผลิตขึ้นมาได้อย่างไร แต่วอซเนียกสามารถใช้มันสร้างระบบอินเทอร์คอม ที่มีทั้งเครื่องขยายเสียง และส่วนประกอบอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับห้องนอนเด็กของบ้าน 6 หลังในย่านเดียวกัน”
“พอเรียนถึงเกรด 8 หรือประมาณ ม.2 วอซเนียกสามารถสร้างเครื่องคิดเลขโดยใช้ทฤษฎีไบนารี่ และสามารถใช้มันประกวดจนได้รับรางวัลชนะเลิศที่จัดโดยกองทัพอากาศ ซึ่งรุ่นพี่คู่แข่งในวัยเกรด 12 ยังไม่สามารถเทียบชั้นวอซเนียกได้แม้แต่นิด”
จากเรื่องราวของวอลเตอร์ ไอแซคสัน ชี้ให้เห็นว่าชีวิตวัยรุ่นของสตีเฟน วอซเนียก ทุ่มเทให้กับงานสร้างเทคโนโลยีแทบทั้งหมด
ตอนวอซเนียกเรียนอยู่ชั้นเกรด 12 เขาได้งานพาร์ทไทม์ที่บริษัท Sylvania ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ณ เวลานั้น วอซเนียกมีเป้าหมายในการออกแบบคอมพิวเตอร์ดีไซน์เดิมโดยใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้น้อยที่สุด และเขาก็สามารถออกแบบคอมพิวเตอร์แบบเดียวกับบริษัทผู้ผลิต แต่ใช้ชิปน้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ความหลงไหลในเทคโนโลยีของวอซเนียก ทำให้ผลการเรียนช่วงมหาลัยปี 1 แทบจะดิ่งลงเหว เขาใช้เวลาไปกับการทดลองสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ และไม่สนใจการเรียนจนสอบตกหลายวิชา แถมยังถูกภาคทัณฑ์
แต่เขาก็พาตัวเองออกจากเหวจนได้มาฝึกงานช่วงฤดูร้อนในบริษัทแห่งหนึ่งตอนเรียนมหาลัยปีสุดท้าย และยังคงหมกมุ่นอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เช่นเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ฤดูร้อนนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง นั่นคือเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับรุ่นน้องโรงเรียนเก่าที่มีชื่อว่า “สตีฟ จอบส์”
จอบส์อายุน้อยกว่าวอซเนียกถึง 5 ปี แต่ทั้งคู่มีความสนใจหลายอย่างที่ตรงกัน เรียกได้ว่าคุยกันถูกคอ และเข้าใจงานของกันและกัน
ความสนใจที่ตรงกันทำให้ทั้งคู่ชอบสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สนุกๆ เอาไว้แกล้งคน ทำไปเพื่อความสะใจ สนุกสนานเท่านั้น
ทว่าวันหนึ่งวอซเนียกไอ้อ่านนิตยสาร Esquire ฉบับเดือนกันยายน 1971 เป็นบทความชื่อว่า “The Secrets of Little Blue Box”
ซึ่งบทความดังกล่าว ว่าด้วยเรื่องของพวกแฮกเกอร์กับพวกแอบใช้โทรศัพท์ค้นพบวิธีโทรทางไกลแบบไม่ต้องเสียเงิน โดยการเลียนเสียงสัญญาณโทรศัพท์บนโครงข่ายของ AT&T
วอซเนียกเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กับจอบส์ฟัง และพวกเขาก็เริ่มสร้าง Blue Box ขึ้นมาด้วยความคึกคะนอง แต่ความคึกคะนองอย่างเดียวไม่พอ สตีฟ จอบส์ ดันคิดไปในทางการค้าอีกว่า “มันไม่ควรเป็นงานอดิเรก แต่มันควรจะทำเงินให้เราได้”
ทั้งสองเดินไปตามหอพักนักศึกษา ถามว่าใครอยากได้บ้าง พร้อมกับสาธิตการใช้งานให้ลูกค้าดู โดยการต่อ Blue Box เข้ากับโทรศัพท์และลำโพง แล้วโทรไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง เช่น โรงแรมในลอนดอน หรือรายการวิทยุที่ออสเตรเลีย
ผลลัพธ์ที่ได้คือ Blue Box ประมาณ 100 ชิ้น ขายได้เกือบหมด ถ้าว่ากันตามจริง นี่ถือเป็นเทคโนโลยีแรกที่ทั้งคู่ขาย ก่อนจะสร้างอาณาจักรแอปเปิล
และมันนับเป็นความลับของกล่องสีน้ำเงินที่เปลี่ยนโลกไปทั้งใบ เพราะแม้จะเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพราะความคึกคะนอง แต่พวกเขากลับทำในสิ่งที่ทั้งโลกต้องการ นั่นก็คือ “เครือข่ายไร้สาย”
แล้วใครจะรู้ล่ะว่าจุดเริ่มต้นจากความคะนองของวัยรุ่นบ้าทรานซิสเตอร์ 2 คนในวันนั้น จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ถึงขนาดนี้
เพราะหลังจากนั้นแค่ไม่กี่ปี Apple ก็ได้ถือกำเนิด และพัฒนาเทคโนโลยีหลายอย่างที่ไม่ต้องพึ่งสายตัวนำเช่นเดิม แต่เปลี่ยนเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและดาวเทียมแทน
ปัจจุบัน ผู้คนที่ใช้สมาร์ตโฟน 100 คน จะมีมากถึง 23 คน ที่ใช้สมาร์ตโฟนจากแอปเปิล ซึ่งไม่นับรวมสินค้าเทคโนโลยีประเภทอื่นอีก
อย่างไรก็ดี แม้จะไม่ใช่แค่แอปเปิลจากฝีมือของจอบส์และวอซเนียกที่เปลี่ยนผ่านโลกเข้าสู่การสื่อสารไร้สาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้น
และหนึ่งในจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของโลก ก็มาจากความลับของกล่องสีน้ำเงิน “The Secrets of Little Blue Box”
ติดตามเทคฮีโร เพิ่มเติมได้ที่..
ไม่พลาดทุกคอนเทนท์ของเทคฮีไร
Line Official: https://lin.ee/cB2Muk0
Source
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
