10 เม.ย. 2022 เวลา 15:39 • ปรัชญา
เราคงได้ยิน คำว่า นิพานนัง ปรสัง สุขัง กันมาบ้าง แต่เราก็ไม่รู้เพราะยังไม่สามารถ ประพฤติปฏิบัติธรรม ให้ไปถึงคำๆนั้นได้ แต่มันก็เรื่องราว ของคำว่า เสวยสุข ในเป็นเทพเป็นพรหม เป็นสถานที่จิตได้ไปอาศัยในภพภูมิที่มีความสุข แต่ก็ยังต้องมาเกิดยังมีกรรมอยู่ ต้องลงมาเกิด เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ต้องลงมา พระอรหันต์ท่านก็มาจากชั้นดุสิตมาชำระสะสางกรรม ครั้งสุดท้าย ก่อนเข้านิพพาน คราวนี้ เมื่อเราไม่สามารถทำจิตไปถึงที่นั้นได้ หากเราได้พบเจอผู้ที่ที่กระทำได้ อธิบายเรื่องราวของจิต เรื่องราวขั้นตอน มีอะไร มีกฏเกณฑ์อะไร ที่จะทำให้ไปถึงสถานที่ที่มีความสุข หยุดการเกิดได้ เราก็จะค่อยเข้าใจ ว่าต้องทำอย่างไร บ้างเพื่อจะให้จิตไปสู่สถานที่ที่มีความสุขที่เราต้องการจะไป ที่มีผู้ที่บอกกล่าวให้ฟัง
สุขใด ไม่เท่ากับจิตสุข สุขของกาย สุขของอารมณ์ เดี๋ยวเดียว มันก็จากเราไปแล้ว
1
คราวนี้ เมื่อเรายังมีกายมีอารมณ์ จิตของเรานั้น ตกเป็นทาสของอารมณ์ อารมณ์ปรุงแต่งที่กายให้มีราคะ มีโทสะ ให้โลภ ให้หลง อะไรต่างๆ เมื่อเรานำกายไปเสพไปยินดี มันก็เกิดเป็นความสุขของอารมณ์ สุขที่ใช้กายไปเสพไปหลงในสิ่งนั้นสิ่งนี้ นั้นเป็นสุขของอารมณ์ สุขของอารมณ์มันเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ผ่านไป มอดลงไป แล้วเดี๋ยว..อารมณ์ ราคะ โทสะ โลภ หลง อะไรต่างๆ ก็เข้ามาใหม่ ..มาแล้วก็นำกายไปเสพอีก มีกายวาจาใจที่แสดงออกไป เป็นกิริยาแห่งความสุข มีเสียงร้องดีใจเสียใจ ว่ามีความสุข เป็นสุขสมหวังของอารมณ์เท่านั้น
คราวนี้เรามาดูสุขของจิตเป็นอย่างไร สุขของจิต นั้นเป็นบรมสุข ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีอารมณ์ เกิดขึ้นหรือผุดขึ้นมาในกายนี้ จิตก็มีความสุขเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่บอกกันยากมาก ฟังง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะมันมีเรื่องราวของกรรม ที่จะค่อยทักท้วง มิให้จิตเราไปหาสุข เหมือนกับว่า เราเคยไปทำให้ใครเค้าทุกข์ร้อน เค้าก็มาทำให้ทุกข์ร้อนเดือดร้อนบ้าง จิตเราก็ร้องเวรร้อนกรรมขึ้นด้วยอารมณ์ที่ที่เกิดขึ้นมา ทำให้กายมีทุกข์จิตต้องทุกข์ทรมานไปตามกายเหมือนกัน เพราะจิตอาศัยกายนี้อยู่
1
คราวนี้ เมื่อเราได้รู้จักคำว่า กรรม เราก็ค่อยๆสร้างบุญกุศลบารมีขึ้น บุญกุศลก็จะค่อยๆ หนุนนำให้กายเราจิตเรา มีความสุขขึ้น เหมือนกับว่าเราอาศัยกายนี้มีไข้ปวดหัวตัวร้อน อากาศข้างนอกก็เย็นสบาย แต่กายมันร้อนรุ่ม คันตรงนั้นตรงนี้ อยู่ไม่เป็นสุข พอมียามีอะไรมาบรรเทากายที่คัน ที่ร้อน กายนี้ก็สงบเป็นปกติ ใจเราก็มีความสุข ไม่ทุกข์ร้อนไปตามกาย ซึ่งเรื่องราวเหล่า นี้มันเกี่ยวเนื่องพัวพันด็วยกรรม ที่จิตไปอาศัยอยู่ รูปสัตว์ รูปเปรต รูปอสุรกาย รูปเทพยดา อินทร์ พรหมที่จิตจะไปอาศัย เป็นไปตามกรรมที่เราก็ทำขึ้นเมื่อได้กายมนุษย์
ถ้าจิตของเราได้ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ สัมผัสจิตที่มีทุกข์ สัมผัสจิตที่มีตชความสุข จิตเราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ซึ่งจะช่วยให้เรามีความเพียร เห็นเรื่องราวของการสร้างบุญกุบารมีมีความสำคัญแก่จิตของตัวเอง เพราะเรารู้จักว่า ธาตุที่เรามาอาศัยอยู่ประกอบขึ้นมา ส่งเสริม มาด้วยธาตุของสัตว์ผู้ที่มีกรรม เนื่อเป็ดไก้ปูปลาที่กินเข้าไปเป็นธาตุของผู้ที่มีกรรม เรากินเนื้อเค้าเรามาให้ร่างกายนี้หายหิว มีเรียวแรง ด้วยธาตุของกรรมที่สัตว์เหล่านั้นสละมา มาให้เราได้กิน เราก็อย่าไปกินด้วยความเอร็ดอร่อย นึกถึงเรื่องบุญกุศลบ้าง เราก็นำกายนี้ที่เค้าช่วยบำรุงกายเรามาสร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรม เนื้อที่เค้าสละมากก็เกิดเป็นบุญกุศล เป็นเนื้อนาบุญที่เกิดขึ้น ให้กับผู้ที่ที่สละเนื้อมาให้เรากินประทังสังขาร เมื่อกายนี้เป็นกายของบุญมีบุญ กายก็แข็งแรงมีความสุข ด้วยอารมณ์กรรมต่างๆบรรเทาเบาลงไปๆ จิตก็มีความสุข
คราวนี้ กลับมาเรื่องราวความสุขที่จิตของผู้ที่มีธรรมเข้าถึงธรรมได้ ท่านก็บรมสุขด้วยจิตที่เป็นธรรม ไม่มีเรื่องราวทุกข์ร้อนด้วยอารมณ์ที่จะเข้าปรุงแต่งจิตได้เลย ที่เค้าเรียกว่าจิตเป็นแก้วไปแล้ว กลับมาที่เรื่อง นิพพานนัง ปรมัง สุขัง นั้นก็เป็นเรื่องของแก้วเจียระไน ที่ต้องเผาเจียกันให้สะอาดสะอ้านจริงๆ ถึงจะเข้าพระนิพพานได้ ก็ได้แต่สะสมบุญกุศลกันไป เป็นชาตๆ ไม่รู้ว่าชาติไหน จะไปถึง แต่ก็คงมีสักชาติหนึ่งที่ไปถึง เมือจิตไม่ละความเพียรพยายาม เดืนทางให้พ้นทุกข์
โฆษณา