22 เม.ย. 2022 เวลา 00:00 • ไลฟ์สไตล์
วัฒนธรรมตบซ่อมอิเล็กทรอนิกส์
เวลาเครื่องใช้ไฟฟ้าของเราเหมือนกำลังจะเสีย อ๋องๆ เบลอๆ ทุกคนทำยังไงกันครับ จะเอาไปซ่อมที่ร้านหรือหาวิธีการซ่อมเอาเองใช้ไหมครับ แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป เมื่อคุณใช้ฝ่ามือของคุณเองตบลงไปที่หลังเครื่อง เพียงเท่านี้เครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะสามารถกลับไปใช้ได้เหมือนใหม่เลยครับ
ครับตามที่ว่ามาเมื่อสักครู่นี้ ใครบ้างครับที่จะไม่เคยเห็นการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยการตบบ้าง ก็เป็นวัฒนธรรมแปลกๆ ที่สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่เคยลองวิธีการนี้ คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงอายุประมาณยุค 90s - 00s เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี จนกระทั่งได้มีวันหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นอาจจะมีอาการแปลกๆ เราก็คงจะหาทางซ่อมมันจนปวดหัว เครียด และเริ่มที่จะหัวร้อน หลังจากนั้นด้วยความโมโห มือของเราก็จะตบลงไปที่เครื่องเพื่อระบายความหัวร้อน แล้วในเวลานั้นเอง เครื่องก็ดันกลับมาใช้ได้แบบปกติเสียอย่างนั้น
 
ด้วยเหตุนั้นเองการตบเครื่องใช้ไฟฟ้าก็สืบทอดต่อมา ถ้าคุณไม่เชื่อลองสังเกตคนรอบข้างดูครับ อาจจะมีคนที่เผลอตัวตบเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ครับ ทั้งที่เขาก็รู้ว่าถึงจะทุบ จะตี เพื่อปลุกชีพให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้นั้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตามครับ
นอกจากนี้ก็มีอีกหลายอย่างครับที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไปทำไมเหมือนกัน อย่างเช่น การดัดสายหูฟังที่ดับไปข้างหนึ่งเพื่อให้กลับมาได้ยินอีกครั้ง แล้วเมื่อหาจุดเจอก็ต้องถือไว้แบบนั้น จนกว่าจะเลิกใช้, การตบก้นรีโมต เพราะคิดว่าแบตเตอรี่อาจจะเสื่อม, การขยับสาย USB เพื่อให้การเชื่อมต่อเสถียร ก็มีประมาณนี้ครับ
ในความเป็นจริงนั่นก็เป็นการยืดอายุการใช้งานทางจิตวิทยา แต่เพื่อลดการเสียเงินเก็บไปก็ถือว่าเป็น life hack ที่ดีเลยทีเดียว ถึงอย่างเพื่อยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์จริงๆ ควรศึกษาวิธีการซ่อมแซมที่ถูกต้อง หรือส่งซ่อมบำรุงเพื่อหาข้อผิดพลาดน่าจะดีกว่าครับ ถึงแม้จะไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินก็ตาม
ก็จบลงไปแล้วครับกับเรื่อง “วัฒนธรรมตบซ่อมอิเล็กทรอนิกส์” มีใครเคยใช้วิธีนี้กันบ้างครับ หรือมีความคิดเห็นอย่างไรก็ทิ้งคอมเมนต์ไว้ใต้นี้ได้นะครับ ขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านจนจบ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ หากท่านชอบบทความนี้ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
By Mii-Kun
โฆษณา