19 เม.ย. 2022 เวลา 12:11 • กีฬา
#MainStand : 2002R : จากรองเท้าวิ่งสุดแป้กของ New Balance สู่สนีกเกอร์สุดร้อนแรงแห่งปี 2022
2
2022 ยังคงเป็นปีที่วงการสนีกเกอร์คึกคักกันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะในไทยหรือในต่างประเทศ แต่ล่ะแบรนด์มีรองเท้าคู่ใหม่ ๆ ออกมาเรียกกระแสสร้างความนิยมจนทำให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดเก็บเงินกันแทบไม่ทัน เพราะรองเท้าหลายตัวที่ออกมาเรียกได้ว่าอยู่ในระดับ "ของมันต้องมี" ทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามในปี 2022 เราเริ่มได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในวงการสนีกเกอร์ หนึ่งในนั้นคือกระแสที่เริ่มซบเซาลงของสองโมเดลรองเท้าที่เคยมาแรงในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ทั้ง Jordan 1 และ Nike Dunk ที่เริ่มมีรองเท้าค้างสต็อกวางทิ้งไว้ตามหน้าร้านขายไม่หมด เนื่องจากราคารีเซลที่พุ่งสูงในช่วงก่อนหน้านี้
1
ในทางตรงกันข้ามเรากลับได้เห็น New Balance แบรนด์จากสหรัฐอเมริกา ปล่อยรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาตีตลาด Nike อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างความไฮป์จากคอสนีกเกอร์ได้จริง โดยเฉพาะรุ่น 550 ที่ฮิตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ชนิดที่วางจำหน่ายปุ๊บของก็แทบจะหมดในทันที
หรือรุ่นตระกูล 99X ที่ขายดีติดตลาดมาหลายปี จากอิทธิพลของ สตีฟ จอบส์ ผู้ล่วงลับ แถมมีกระแสจากซีรีส์ดัง Twenty Five Twenty One เพราะตัวละครหลักใส่รองเท้า New Balance ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะตัวละคร นา ฮีโด นางเอกของเรื่องกับรองเท้ารุ่น 993
ถึง NB จะมีรองเท้ามาแรงหลายรุ่นแต่ไม่มีรุ่นไหนจะพุ่งทะยานทั้งในแง่ของความนิยม ความหายาก ไปจนถึงราคารีเซลล์มากไปกว่ารุ่น 2002R ที่ดังด้วยตัวของรองเท้าเองโดยไม่ต้องมีแบรนด์หรือศิลปินชื่อดังมาร่วมคอลแล็บ แต่รองเท้าโมเดลนี้ได้สร้างชื่อจากความสวยงามที่แตกต่าง จนกลายเป็นกระแสใหม่ของวงการสนีกเกอร์อยู่ในปัจจุบัน
ทั้งที่ในอดีตรองเท้าโมเดลนี้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นรองเท้าวิ่งที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า New Balance สามารถหาจุดเปลี่ยนจนทำให้ 2002R กลายเป็นรองเท้าสายแฟชั่นที่ "ของมันต้องมี" ได้อย่างไร ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
[ รากฐานจาก 2002 ]
แรกเริ่มเดิมที 2002R ไม่ใช่โมเดลรองเท้าดั้งเดิมที่ทาง New Balance ตั้งใจคิดค้นขึ้นมา แต่เป็นรุ่น 2002 รองเท้าวิ่งที่ NB ตั้งใจทำด้วยแนวคิดที่กล้าและบ้าบิ่นอย่างมากในช่วงเวลานั้น
ย้อนไปในปี 2008 แบรนด์ดังจากสหรัฐฯ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำรองเท้าวิ่งที่มีความทนทานแถมสวมใส่สบายอย่าง New Balance ต้องการฉีกกรอบเดิม ๆ ของตัวเอง อยากทำรองเท้าวิ่งที่ยังคงประสิทธิภาพในการใช้งานเอาไว้เช่นเดิม แต่รูปลักษณ์ของโมเดลใหม่นี้จะต้องมีความหรูหราประหนึ่งว่ามาจากแบรนด์สายลักชัวรี่ชื่อดัง
1
New Balance ลงทุนกับรองเท้ารุ่นนี้โดยใช้เวลาออกแบบถึง 2 ปี จนในปี 2010 จึงได้วางขายในชื่อ New Balance 2002 ซึ่งทางแบรนด์ได้โปรโมตว่านี่คือโมเดลรองเท้าที่อยู่บนจุดสูงสุดของแบรนด์ที่ไม่มีรุ่นไหนจะมาเทียบเท่าได้
New Balance ตั้งใจกับรองเท้ารุ่นนี้มาก ถึงกับให้ทุกคู่ของ 2002 ผลิตในสหรัฐอเมริกา หรือ "Made in USA" ซึ่งเหล่าสนีกเกอร์เฮดรู้ดีว่ารองเท้าที่ผลิตในอเมริกาของ NB จะมีคุณภาพดีกว่ารองเท้าที่ผลิตในประเทศอื่น
อย่างไรก็ตามถึงคุณภาพจะโคตรดี แต่ New Balance มาตกม้าตายด้วยเรื่องของ "ราคา" เนื่องจากคอนเซ็ปต์ที่วางเอาไว้ให้เป็นรองเท้าสายหรูหราเหนือกว่ารองเท้าทุกรุ่น ทำให้ราคาก็พุ่งสูงตามไปด้วยเช่นกัน โดย NB เลือกวางขายรองเท้ารุ่นนี้ในราคา 250 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในปี 2010 ถือว่าแพงกว่ารองเท้าเรโทรยอดนิยมของแบรนด์ Jordan ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Jordan 1, Jordan 3, Jordan 4, Jordan 11 หรือรุ่นไหนก็ตามก็มีราคาถูกกว่า New Balance 2002 ทั้งสิ้น
"2002 ในเวลานั้นถือว่าเป็นรองเท้าที่โคตรแพงเลยล่ะ แถมยังตรงข้ามกับตัวตนของแบรนด์อีกด้วย ขนาดผมยังคิดเลยว่า 'ใครจะมาซื้อรองเท้าที่แพงขนาดนี้' แต่แน่นอนว่ามันเป็นรองเท้าที่ดีมาก ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้สวมใส่คุณจะรู้สึกว่ามันคุ้มกับราคาที่จ่ายไป" แอนดรูว์ นีสเซน ผู้ออกแบบรองเท้ารุ่น 2002 กล่าว
250 เหรียญสหรัฐในปี 2010 หากเทียบเป็นเงินไทยในปัจจุบันจะได้ประมาณ 11,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่โคตรแพง แม้แต่รองเท้าสนีกเกอร์ในปัจจุบันยังขายกันไม่แพงขนาดนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รองเท้าโมเดล 2002 จะเจ๊งเละเทะไม่เป็นท่าจนเลิกผลิตไปอย่างรวดเร็ว และถูกทิ้งไว้ให้เป็นรองเท้าที่ไม่มีใครจดจำอยู่นานหลายปี
[ คืนชีพกับ 2002R ]
10 ปีผ่านไป จนเข้าสู่ปี 2020 แบรนด์รองเท้าชื่อดังยังไม่มีวี่แววจะหยิบรองเท้าวิ่งสุดแป้กในอดีตกลับมาทำใหม่ จากความล้มเหลวอย่างหนักในสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งทาง NB ไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจว่าที่ไต้หวันและญี่ปุ่น เคยเกิดกระแสนิยมเล็ก ๆ ของรองเท้าโมเดล 2002 ขึ้นมาแล้ว
New Balance จึงได้โอกาสมานั่งทบทวนตัวเอง และพวกเขาได้เห็นทางสว่างว่าถึงรองเท้าบางรุ่นจะขายไม่ออกที่สหรัฐฯ จนไปนอนอยู่ที่เอาต์เล็ตเต็มไปหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าในประเทศอื่นจะขายไม่ออก คนบางพื้นที่ก็มีรสนิยมและมุมมองต่อสนีกเกอร์ต่างออกไปจากชาวอเมริกัน
ด้วยเหตุนี้ทาง NB ที่อยากหาโมเดลรองเท้าใหม่ ๆ ออกมาขายอยู่พอดีจึงชุบชีวิตรุ่น 2002 กลับมาใหม่ ภายใต้ชื่อ 2002R ด้วยการเปลี่ยนตัวพื้นรองเท้าใหม่ จากเดิมที่เป็นพื้นรองเท้าวิ่งก็เปลี่ยนพื้นให้เป็นพื้นรองเท้าไลฟ์สไตล์ธรรมดาที่ไม่เน้นใส่ออกกำลังกายอีกต่อไปเพื่อลดเทคโนโลยีในรองเท้าลง ซึ่งตามมาด้วยราคาที่ถูกลงเช่นกัน
New Balance 2002R วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2020 และขายเฉพาะในทวีปเอเชียเท่านั้น ด้วยราคาเพียง 130 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4,400 บาทเท่านั้น ด้วยราคาที่ลดลงมากกว่าครึ่งจากโมเดล 2002 แต่คุณภาพของรองเท้ายังคงเดิม ทำให้ 2002R ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในฝั่งเอเชียตะวันออก และส่งแรงกระเพื่อมกลับไปยังสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม New Balance ยังคงตัดสินใจเดินหน้าทำการตลาดกับรุ่น 2002R ที่เอเชียเพียงอย่างเดียว แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องมากขึ้นจากฝั่งอเมริกาก็ตาม เพราะที่เอเชียให้การตอบรับที่ดีกว่าและรับประกันว่าขายได้ชัวร์ ๆ ด้วยการลองทำการคอลแล็บรองเท้าโมเดลนี้กับ BAPE แบรนด์แฟชั่นชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันราคารีเซลของรองเท้ารุ่นนี้พุ่งไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย
ด้วยกระแสที่ไฮป์สุดขีดในฝั่งตะวันออก ส่งอิทธิพลจนเหล่าสนีกเกอร์เฮดเริ่มหันมาสนใจรองเท้ารุ่นนี้อย่างจริงจัง จนทำให้แบรนด์มั่นใจแล้วว่า 2002R เป็นรองเท้าที่สามารถเติบโตต่อไปได้ New Balance จึงออกรองเท้า 2002R ในคอลเล็กชั่นใหม่ที่เรียกว่า "Protection Pack"
[ ดังสุดขีดกับ Protection Pack ]
คอลเล็กชั่นใหม่นี้มาจากมันสมองของดีไซน์เนอร์เชื้อสายจีน อย่าง เย่ หวู่ ดีไซน์เนอร์หนุ่มของ New Balance ที่ได้โอกาสออกแบบรองเท้าครั้งแรกกับ 2002R และเขาเลือกทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน นั่นคือการฉีกตัวตนทุกอย่างของรองเท้าจากพื้นฐานดั้งเดิมของตัวมันเอง
ความเป็นออริจินัลของ 2002R คือเป็นรองเท้าที่มีภาพลักษณ์หรูหรามาจากรุ่น 2002 แต่สิ่งที่ เย่ หวู่ คิดคือทำอย่างไรก็ได้ให้รองเท้ารุ่นนี้มีความหรูหราน้อยที่สุด เขาไม่ต้องการให้รองเท้าดูดีแม้แต่นิดเดียว แต่อยากให้เป็นรองเท้าที่ดูเก่าตั้งแต่แกะออกจากกล่องที่ต่อให้ยังไม่ได้ใส่ก็ดูเก่าแล้ว (แต่ถึงจะตั้งใจทำให้เก่า รองเท้าก็ยังสวยมากอยู่ดี)
เหตุผลเพราะว่า เย่ หวู่ อยากให้ทุกคนที่ซื้อรองเท้าของเขาไปเอารองเท้าไปใส่ไม่ใช่เอาไปเก็บ เขาจึงออกแบบรองเท้าให้ดูเก่า เพราะคนจะไม่ได้อยากเอาไปเก็บและจะเอาไปใส่แทน นอกจากนี้แล้วตัวของหวู่ยังมองว่าตัวตนของ New Balance คือรองเท้าที่ไม่ได้สวยงามจนเกินไป แต่ทุกคนสามารถใส่ได้ในทุกช่วงเวลาของชีวิต และเขาอยากพาความรู้สึกนี้มาสู่โมเดล 2002R
คอลเล็กชั่น Protection Pack คือระเบิดลูกใหญ่ที่ทำให้ 2002R แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในวงการสนีกเกอร์ ด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่างแต่กลับมีความสวยงามอย่างลงตัว ทำให้โมเดลนี้ได้รับความนิยมจนขายหมดเกลี้ยงในทันที และราคารีเซลพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
เมื่อเข้าสู่ปี 2022 ทางแบรนด์เลือกเดินหน้าต่ออย่างจริงจังด้วยการเตรียมปล่อย New Balance 2002R กับ Protection Pack แบบเต็มตัวตลอดทั้งปี พร้อมกับสีสันที่หลากหลายไม่ใช่แค่สีพื้น ๆ แบบที่ทาง NB ชอบทำ แต่รวมถึงสีจัด ๆ เช่น สีม่วง สีชมพู และสีส้ม ก็จะถูกปล่อยมาวางจำหน่ายด้วยเช่นกัน
2
ล่าสุดกับ New Balance 2002R "Steel Blue" ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้และได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในไทยและในต่างประเทศ เรียกได้ว่าขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก และคนยังตามหารองเท้านี้ในราคารีเซลล์กันอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายแล้วการกลับคืนสู่ตัวตนที่เป็นของ New Balance 2002R ทำให้เหล่าสนีกเกอร์เฮดที่รอคอยจะได้เห็นรองเท้าที่สวยงามและเป็นมิติใหม่ของวงการที่ฉีกกรอบเดิม ๆ แบบรองเท้าจาก Nike, Jordan หรือ adidas เพราะรองเท้าแบบ New Balance มีแต่ New Balance ที่ทำได้ และแบรนด์ก็สามารถไขรหัสจนเจอจนก้าวขึ้นสู่ตลาดเมนสตรีมของตลาดสนีกเกอร์ได้เต็มตัว
1
2002R ถูกยกไปเปรียบเทียบกับ NMD และ Ultraboost ของ adidas เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ กับการเป็นรองเท้าทางเลือกใหม่ที่ผู้คนต้องการที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการ ดังนั้นคำถามสำคัญคือหลังจากนี้ New Balance จะต่อยอดความนิยมไปต่อสู้ในระยะยาวกับ Nike ได้หรือไม่ นี่คือเรื่องน่าสนใจที่ไม่ว่าจะเป็นสนีกเกอร์เฮดหรือผู้ชื่นชอบแฟชั่นสายสตรีทแวร์ต้องติดตามกันให้ดี
เรื่องโดย : ณัฐนนท์ จันทร์ขวาง
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา