22 เม.ย. 2022 เวลา 12:00 • กีฬา
Man Utd กับความเคว้งคว้างหลังยุคเฟอร์กี้
ปีศาจแดง ชื่อนี้ถ้าได้ยินเมื่อสิบปีที่แล้ว ไม่ว่าคู่ต่อสู้หน้าไหนมาเจอก็จะรู้สึกเกร็ง ยำเกรงในความยิ่งใหญ่ ในสไตล์เกมรุกที่ดุดัน ด้วยความที่มีท่านเซอร์ที่สามารถเนรมิตนักเตะโนเนม ปั้นจนก้าวสู่ระดับโลก
เมื่อท่านเซอร์วางมือจากไป ก็ทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่มากจน ณ เวลานั้นไม่มีใครคนใดในโลกนี้หรอก ที่จะเหมาะสมเทียบเคียงกับเค้าได้ เมื่อมีการวางตัวตายตัวแทนไว้อย่างเดวิด มอยส์ ซึ่งถึงจะไม่มีผลงานในการคุมทีมใหญ่เลย แต่ด้วยเลือดสก๊อตติช และผลงานที่ผ่านมากับทีมระดับเล็กและระดับกลาง มันก็ดูน่าค้นหาไม่น้อยว่ามอยส์คนนี้ จะยกระดับตัวเองแล้วก้าวกระโดดขึ้นมาคุมทีมระดับโลกแบบแมนยูได้หรือเปล่า
มอยส์ ทายาทเลือดสก๊อตต์ ที่เซอร์หมายมั่นปั้นมือว่าจะมาสืบต่อความสำเร็จให้กับปีศาจแดงได้
แต่อนิจจา เดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการคนแรกที่มารับงานต่อจากยอดคนโดยตรง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเปรียบเทียบผลงาน และสไตล์การเล่น รวมถึงการดึงผู้เล่นที่ดูแล้วก็ยังงงว่า เหมาะกับแมนยูตรงไหนเข้ามา และด้วยความประดังประเดในหลายๆ สิ่งเข้ามาพร้อมๆ กัน ก็ทำให้เค้าอยู่กับทีมได้เพียงไม่นาน
คนที่รับช่วงต่ออย่างฟานกัล เป็นคนที่มีภูมิหลังที่ดูดี แต่ด้วยคาแร็คเตอร์ครูใหญ่ ในสายตาคนนอกอย่างผม ก็ยังมีคำถามมากมาย ว่าเค้าจะมีพลังอันใดในการปลุกผีที่สตั๊นจากช่วงเวลา 1 ปีของมอยส์ขึ้นมาได้
ฟานกัล มากด้วยบารมี และได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างเต็มที่
ในยุคของครูกัล แมนยู เป็นทีมที่ดูเหมือนจะได้ลุ้นแชมป์อยู่บ้าง เค้ารักษามาตรฐานในการเกาะพื้นที่ UCL แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆ ต้องการ เพราะรูปเกมที่ไม่เร้าใจ ดูจะมีประสิทธิภาพในบางครั้ง แต่ก็ยังไม่มีทีเด็ดพอที่จะทำให้ลุ้นได้ในระยะยาว และก็ทำให้เค้าต้องจากกับทีมไปหลังจากคุมทีมได้ 2 ฤดูกาล
จากนั้นก็เข้าสู่ยุคของมูรินโญ่ อัจฉริยะคนนึงในวงการฟุตบอล ซึ่งชื่อนี้การันตีแชมป์ลีคได้เสมอกับทุกทีมที่เค้าคุ้ม แต่ด้วยสไตล์การเล่นที่อาจจะหมดยุคแห่งการตั้งรับและสวนโป้ง ทำให้แฟนๆ ไม่ชอบใจกับรูปแบบการเล่นเท่าไร เพราะนอกจากรูปแบบการเล่นที่โคตรง่วงแล้ว ประสิทธิภาพของเกมรุกก็ไม่ได้จัดจ้านเหมือนตอนเค้าคุมเชลซี รีลมาดริด หรืออินเตอร์มิลาน ทำให้แฟนแมนยูก็ต้องรอต่อไปกับการรีบอร์นหลังจากคุยของเฟอร์กี้
โคตรสเปเชียลอย่างมูรินโญ่ ก็เสียเครดิตพอดูกับผลงานที่โรงละครแห่งความฝัน
และหลังจากเกมที่คลอปสอนบอลผีแดง เวลาของมูก็จบไป และเข้าสู่ยุคผีปลุกผี ของน้าลูกอม ซึ่งมีผลงานในการคุมทีมในลีกนอร์เวย์ที่เยี่ยมยอด และเป็นตำนานกองหน้าของผีแดงอีกต่างหาก
การเริ่มต้นของโซลชาเปรียบเสมือนอัศวินขี่ม้าขาวมากอบกู้ชีวิต มั่นใจว่าในช่วงนั้นแฟนบอลคู่แข่งหลายๆ ทีมคงกังวลใจไม่น้อย เพราะคิดว่าปีศาจแดงน่าจะกระโดดขึ้นมาจากหลุมได้จริงๆ เสียที แต่ในช่วงที่บอร์ดบริหารแมนยูยึกยักว่าจะจัดสัญญายาวให้น้าลูกอมดีหรือไม่ ผลงานของปีศาจแดงก็ค่อยๆ ดรอปลงเรื่อยๆ แต่ยังงั้นก็ตาม น้าโอเล่ก็ได้รับสัญญาระยะยาวไปหน้าตาเฉย ซึ่งคนนอกเองก็งงในแบบที่ว่า ถ้าจะลากยาวขนาดนี้ ทำไมไม่รอจบฤดูกาลแล้วค่อยมาทบทวนเรื่องการหาผู้จัดการทีมถาวรแทนล่ะ
ปีศาจเท่านั้นที่จะปลุกปีศาจ...คิดถึงน้าลูกอมจัง อิอิ
ด้วยความที่เป็นตำนาน ทำให้น้าลูกอมได้รับการสนับสนุนจากแฟนบอลค่อนข้างดี และยังได้ใจจากการที่กล้าเข้ามาคุมทีมในช่วงที่สภาพทีมกำลังแย่ ดังนั้นในปีแรกไม่มีแฟนบอลคนใดใจร้อน และยังมีความหวังกับการค่อยๆ สร้างทีมของเค้า
แต่ยิ่งนานวัน ด้วยคาแรคเตอร์ที่เงียบขรึมและหน่อมแน้ม มันก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ประกอบกับผลงานและรูปแบบการเล่นที่สาละวันแย่ลง ทำให้เค้าต้องจากไปแบบเจ็บช้ำ แต่แน่นอนว่าแฟนๆ ผีแดงไม่มีใครเกลียดเค้าลงจากสิ่งที่เค้าเคยทำในฐานะนักเตะ
ต้นตำรับเกเก้น พ่อทุกสถาบันเพรสซิ่ง
คนที่เข้ามาแทนโอเล่ คือหนึ่งในบุคคลที่พอจะเรียกได้ว่าทำความสำเร็จมาบ้างทั้งเบื้องหน้าที่เป็นกุนซือ และเบื้องหลังที่เป็นผู้อำนวยการสโมสร แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมสาวกผีแดงบางส่วนถึงเนื้อเต้นกันนักหนา หลังจากทราบประวัติมาว่า รังนิกผู้นี้คือผู้คิดค้นเกเก้น และพากันวาดฝันไว้ว่า ระดับอาจารย์ของปรัชญาฟุตบอลแบบนี้ น่าจะพาให้ทีมไปได้ไกล
ซึ่งก็อย่างที่เห็นรูปแบบการเล่นของผีแดงก็ไม่ได้ดีไปจากเดิม หนำซ้ำเกมมหัศจรรย์แบบที่น้าลูกอมเคยทำได้ในแมตช์สำคัญๆ ก็ไม่เคยมีให้เห็น ก็เข้าใจว่าเค้าคือผู้จัดการทีมชั่วคราว แต่ถ้าหลุดจากพื้นที่ UCL ในปีนี้ มันก็อาจจะเป็นการคิดผิดก็ได้ เพราะมันจะทำให้ชื่อของแมนยู ไม่น่าสนใจกับนักเตะระดับท้อป เพราะการพลาดเล่น UCL
ก็ต้องตามดูว่าในยุคใหม่ของเทนฮาก ในฤดูกาลหน้าจะเป็นอย่างไร นโยบายการสร้างทีมถ้าเริ่มทุกอย่างใหม่จาก 0 และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาด้วยทีมที่เค้าสร้างเองมันก็ดูน่าสนใจ แต่บอร์ดบริหาร และแฟนบอลจะเข้าใจแค่ไหน และรอได้ไหม ก็ต้องรอดูคำตอบในฤดูกาลหน้าครับ
โฆษณา