24 เม.ย. 2022 เวลา 08:35 • ความคิดเห็น
เมื่อเรามามองดูตัวเอง ดูกายเราบ้าง ดูอารมณ์ความนึกคิดของเราบ้าง ความจริงที่น่ากลัว ก็คือ อารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา อารมณ์นั้นเป็นศัตรูของจิต มีแต่อารมณ์นี้ ที่เกิดขึ้นมาในกายนี้ มีความพอไม่พอ เห็นคนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี คนนั้นทำไมทำอย่างนั้น คนนี้ทำไมทำแบบนี้ ก็เผลอสติ ติเตียนเค้า เหมือนกับว่า ข้านี้รู้เรื่องทุกอย่าง รู้ไปหมดที่นอกกาย
แต่ไม่รู้ว่าข้างในกายที่มีตับไตไส้พุง มันจะอยู่ให้จิตได้อาศัยนานมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ว่ากรรมจะบั่นทอนชีวิตตน ให้มีความสุข หรือ ทุกข์ ทุกข์นั้นเกิดขึ้นที่กาย กายเจ็บป่วย จิตป่วย จิตเสียหาย ก็เนื่องด้วยการกระทำของตน ที่ไปกระทำขึ้น ไปกินยาบ้า มันก็บ้าสมใจ จะเอาสติที่ไหนมา ทำเรื่องราวดีให้แก่ตน ก็ไปทำให้สังขารที่ได้มาให้มันมึนเมา ตาก็เมา หูก็เมา หลอกหลอนจิต ให้จิคนั้นสำคัญผิดยึดในอารมณ์เมาว่าเป็นสุข
เราจึงมีการเห็นบุคคลที่มัวเมา เค้าเรียกว่าเกิดมาได้เป็นมนุษย์ แต่ไม่เห็นคุณค่าที่ได้กายมา ความจริงก็คือ เกิดมาอาศัยกายที่พ่อแม่ให้มาอาศัย แล้วกายนี้ก็แปรสภาพไปเรื่อยๆ จะเลือกทำดีทำชั่ว ก็อยู่ที่กรรมที่ปรุงกรรมกายวิญญาณของตนเอง ให้มีอารมณ์ทิฐิดีชั่วอย่างไร มีบุญกุศลมาดี ก็คงไม่มีนิสัยมิลักขะติดมากับจิต เมื่อขาดบุญกุศล ไม่สะสมมาเลย มาจากแดนมิลักขะ นิสัยที่มาจึงต้องเป็นมิลักขะไปใครก็ช่วยไม่ได้ เค้าย่อมมีอารมณ์กรรมคอยปรุงแต่งให้จิตนั้นหาความสุขไม่ได้เลย นั้นก็เป็นจริง
ถ้าหากเรามองดูตัวเอง จับผิดอารมณ์ของตัวเองได้ นั้นก็เป็นบุญกุศลของเราเหมือนกัน แต่เป็นด้วยเหตุที่เราเป็นผู้มีกรรม อารมณ์จึงทับจิต บังคับจิตให้นำกายไปสร้างกรรม เมื่อเรารู้จักว่าจิตเรานั้นมีกรรม เราก็แก้ไข นำกายนี้ไปสร้างบุญกุศล ให้กายนี้มีบุญผ่อนคลายทุกข์ เมื่อเราทำเป็นนิจสิน บุญกุศลก็ส่งให้เรามาประพฤติปฏิบัติธรรม ให้ได้มีปัญญา ใช้เรียบเหตุผล ให้จิตเรารู้จักสิ่งที่เกิดขึ้นในกาย เป็นอารมณ์ ที่จิตไปหลงใหลยึดถือ นำไปสร้างกรรม แล้วจิตก็เป็นผู้รับทุกข์เนื่องด้วนสิ่งที่ตนเองทำเอง
โฆษณา