เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว สาวน้อยคนหนึ่งผู้เกิดห่างไกลความเจริญ
ปัจจุบันเป็นผู้มีชื่อเสียงและร่ำรวย
เครดิตภาพ: VOUGE
ตำนานไม่ได้สร้างขึ้นมาง่ายๆในชั่วพริบตาสำหรับวงการกีฬา ถ้าพูดถึงตำนานนักฟุตบอลก็คงไม่พ้น “เปเล่” ตำนานนักยัดห่วงก็คง “ไมเคิล จอร์แดน” ยอดฉลามหนุ่มโอลิมปิกคงไม่พ้น “ไมเคิล เฟ็ลปส์” หรือนักยิมนาสติกหญิงก็ “ซิโมน ไบลส์”
วงการแร็กเก็ต ฝั่งผู้หญิง ผู้หนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงเป็น “Maria Sharapova” ”มาเรีย ชาราโปว่า” อดีตนักเทนนิสหญิงมือ 1 ชาวรัสเซีย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมอ่านข่าวเห็นว่า เธอท้องลูกคนแรกเตรียมเป็นคุณแม่แล้ว หลังจากอำลาวงการเทนนิสได้ 2 ปี ตั้งแต่ปี 2020
บทความนี้ผมเลยอยากเขียนเกี่ยวกับประวัติให้พอรู้จักเธอกันเล็กน้อย กว่าจะมาถึงวันนี้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้างแบบคร่าวๆ
- ★ชีวิตในวัยเด็ก
- ✓ปี 1986 พ่อและแม่ของเธอยังอาศัยอยู่ในเบลารุส (ขณะนั้นแม่กำลังท้องเธออยู่) ก่อนที่คุณตาคุณยายของเธอจะร้องขอให้พ่อแม่เธอย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะกลัวจะได้รับผลกระทบกับลูกในท้องจากกัมมันตภาพรังสีจากเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในปีนั้น โดยย้ายไปอยู่ห่างไกลทางตะวันออก
- ✓ปี 1987 เธอเกิดที่หมู่บ้านห่างไกลชื่อ Nyagan ในไซบีเรีย (ขณะนั้นยังอยู่ในยุคสหภาพโซเวียต) โดยที่เธอให้ความเห็นภายหลังว่าเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญและไม่เหมาะที่จะเลี้ยงดูเด็กให้ได้ดีในยุคนั้น
มาเรีย ชาราโปว่า ตอนเด็ก ถ่ายคู่กับแม่ของเธอ เครดิต: Instagram
เมื่อเธออายุ 4 ปี ครอบครัวเธอได้ตัดสินใจย้ายบ้านจากไซบีเรียไปอยู่ที่เมืองริมชายทะเลดำที่ชื่อ Sochi (อยู่ใกล้ไครเมียของยูเครนที่รัสเซียผนวกเข้าอยู่ไปใต้การปกครอง) ประจวบกับที่โซเวียตล่มสลายพอดี เธอคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งในชีวิต
และเป็นช่วงที่เธอได้รู้จักกับเทนนิสเป็นครั้งแรก เธอให้สัมภาษณ์สื่อว่า เธอจำความได้ว่าเห็นคอร์ทเทนนิสเป็นครั้งแรกตอนที่ไปดูพ่อของเธอเล่นเทนนิส หลังจากนั้นเธอก็ฝึกซ้อมเล่นเทนนิสเป็นประจำ ถึงแม้ว่าหลายคนจะมองว่าเธอยังเด็กเกินไป ฝั่งตรงข้ามในสนามล้วนเป็นเด็กที่ตัวสูงกว่าเธอ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และตั้งแต่นั้นเธอมีความฝันที่จะเดินบนเส้นทางของกีฬานี้อย่างแน่วแน่แล้ว
...
- ✓ปี 1993 ฝีมือการเล่นเทนนิสของเธอเข้าตากับนักเทนนิสชื่อดังเชื้อสายอเมริกันและเกิดที่เช็ก คือ Martina Navratilova โดยเธอแนะนำให้มาเรียย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเพื่อฝึกเทนนิสอย่างจริงจัง
- ★ปี 1994 อีกก้าวในการเดินตามความฝัน ย้ายไปอยู่อเมริกา
เมื่อตอนเธออายุ 6 ปี เธอและพ่อได้เก็บข้าวของและออกจาก Sochi บินไปอเมริกา เพื่อเดินตามความฝัน โดยแม่เธอยังอยู่ที่บ้านเดิมในรัสเซียไม่ได้ไปด้วย
เธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC ว่า เธอกับพ่อตอนย้ายมาอยู่ที่อเมริกาครั้งแรก มีเงินติดตัวมา 700 USD โดยพ่อของเธอก็มุ่งมั่นหาเงินเพื่อมาส่งเสริมการเล่นเทนนิสของเธอ ส่วนเธอก็มุ่งมั่นแสดงฝีมือด้านการเล่นเทนนิสจนสามารถได้รับทุนเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนฝึกสอนเทนนิสชื่อดังได้
...
โดยขณะนั้นเธอได้เข้าไปอยู่ที่โรงเรียนการเทนนิสที่มีชื่อเสียงขนาดใหญ่ในฟลอริดาชื่อ Nick Bollettieri Tennis Academy เพื่อพัฒนาทักษะการเล่นเทนนิส โดยเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่ฝึกสอนให้กับสองพี่น้องตระกูลวิลเลียม
มาเรีย ชาราโปว่า เทิร์นโปร ตอนอายุ 14 ปี เครดิตภาพ: Brian Bahr/Getty Images
อายุ 14 ปี เทิร์นโปรเล่นอาชีพ ถือว่าเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่เข้าสู่วงการกีฬามืออาชีพ โค้ชของเธอ Nick Bollettieri เจ้าของโรงเรียนที่เธอฝึกสอน ชื่นชมเธอและบอกว่า Yuri (พ่อของเธอ) ตัดสินใจเลือกทางเดินให้ลูกของเขาถูกต้อง และส่งเสริมเต็มที่ให้มาเรียนกับเขา โดยเขาก็ปั้นเธอเต็มที่
- ★เส้นทางสู่แชมป์แกรนด์สแลมหลายสมัยของเธอ
ท่วงท่าการเล่นที่ดุดันของ มาเรีย ชาราโปว่า เครดิตภาพ: www.wbur.org
- ✓ปี 2003 เธอได้เข้าร่วมรายการแข่งแกรนด์สแลมทุกรายการ ซึ่งทำได้ดีที่สุดคือทะลุเข้ารอบ 4 รายการวิมเบิลดัน
หลังจากได้ปรากฏตัวให้ทั่วโลกได้เห็นในรายการแข่งขันต่างๆ จนได้รับฉายา “นางฟ้ามาเรีย” โดยรูปร่างหน้าตาสวยงามของเด็กสาวอายุ 17 ปี และมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เสิร์ฟรุนแรง และขยันวิ่งเก็บทุกลูก
...
ปี 2004 รายการวิมเบิลดัน มาเรีย ชาราโปว่า เอาชนะ เซรีน่า วิลเลี่ยมส์ ได้แชมป์แกรนด์สแลมรายการแรกในชีวิต เครดิต: Twitter
- ✓ปี 2004 ทั่วโลกจดจำเธอได้ หลังจากเธอสามารถเอาชนะ เซรีน่า วิลเลี่ยมส์ ในรายการวิมเบิลดัน และเป็นแชมป์แกรนด์สแลมสมัยแรกของเธอ
- ✓ปี 2006 ได้แชมป์แกรนด์สแลมที่ 2 คือ ยูเอส โอเพ่น
- ✓ปี 2008 ได้แชมป์แกรด์สแลมที่ 3 คือ ออสเตรเลียน โอเพ่น
หลังจากปีนี้เธอประสบปัญหาเรื่องหัวไหล่ จนต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากพักฟื้นเธอจึงต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นมาเป็นสายเทคนิคแทน ไม่สามารถเล่นดุดันได้เหมือนแต่ก่อน
- ✓ปี 2012 คว้าแชมป์ เฟร้นช์ โอเพ่น และได้รับการจัดอันดับเป็นผู้เล่นหญิงคนที่ 7 (ตามสถิติปัจจุบันมี 10 คน) ซึ่งสามารถเก็บได้ครบทุกรายการแกรน์สแลม และปีเดียวกันได้เหรียญเงินเทนนิสหญิงเดี่ยวในการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงลอนดอน
- ✓ปี 2013 เธอพ่ายแพ้ให้กับ เซรีน่า วิลเลี่ยมส์ คู่ปรับเก่าที่ทวงคืนได้ ในรอบสุดท้ายรายการ เฟร้นช์ โอเพ่น สืบเนื่องจากอาการบาดเจ็บหัวไหล่ของเธอ
- ✓ปี 2014 คว้าแชมป์ เฟร้นช์ โอเพ่น อีกสมัย
หลังจากนั้นอันดับของเธอก็ดรอปลงเรื่อยๆ
- ★การสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอมีหน้าตาที่สวย และรูปร่างดีเหมือนนางแบบ คือมีดีทั้งฝีมือแล้วยังมีดีที่ตัวเองด้วย เธอจึงเป็นเป้าหมายของแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่พร้อมจะทุ่มงบการตลาดเพื่อให้ได้เธอมาร่วมงานโปรโมทให้
- ✓นับตั้งแต่คว้าแชมป์วิมเบิลดันแรกในปี 2004 เธอก็กลายเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าดังๆอย่าง นาฬิกา แท็ก-ฮอยเออร์, กล้องแคนอน, โทรศัพท์มือถือ โมโตโรล่า และ โซนี่, รถยนต์ แลนด์โรเวอร์ กับ ปอร์เช่, น้ำอัดลมเป๊ปซี่, โรลออนดับกลิ่น ปาล์มโอลีฟ รวมถึงแหล่งรายได้หลักของเธออย่าง อุปกรณ์กีฬาไนกี้
- ✓นอกจากนี้นิตยสาร Forbes ได้ยืนยันรายได้ของเธอจากทุกแบรนด์ที่กล่าวมา ว่ามีมูลค่ารวมกว่า 285 ล้าน USD ตลอดอาชีพนักเทนนิสของเธอ และเธอยังครองแชมป์นักเทนนิสหญิงที่มีรายรับสูงที่สุดติดต่อกันถึง 11 ปี
มาเรีย ชาราโปว่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้ เอวิยอง อย่างยาวนาน เครดิตภาพ: Donell Woodson/Getty Images
หลายแบรนด์ชอบเธอเพราะความไนซ์ต่อสปอนเซอร์ทุกตัวที่เข้ามา เธอไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์ขี้วีนเท่าไหร่นักจากการเปิดเผยของผู้ร่วมงานกับเธอ ตัวแทนของ เอวิยอง แบรนด์น้ำแร่ที่เคยเซ็นสัญญากับเธอเล่าว่า เธอได้ตัดสินใจเลือกน้ำดื่ม เอวิยอง ให้เป็นสปอนเซอร์ เพราะตัวของเธอนั้นชื่นชอบน้ำยี่ห้อนี้อยู่แล้ว จึงทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นหนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ เอวิยอง จดจำไม่ลืม
- ★จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต สู่การเริ่มต้นสิ่งใหม่
- ✓ปี 2016 ในช่วงก่อนการแข่งขัน ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น ชาราโปว่า พบกับปัญหาเมื่อเธอไม่ผ่านการทดสอบการใช้สารกระตุ้น โดยสารที่พบในตัวเธอมีชื่อว่า Meldonium (ชื่อทางการตลาด Mildronate) ซึ่งเป็นยาที่เธอใช้เป็นประจำ แต่องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้น (WADA) เพิ่งบรรจุให้ยาชนิดดังกล่าวเป็นเป็นสารกระตุ้นต้องห้ามในปี 2016 พอดี จนทำให้สารยังค้างในร่างกาย นี่คือสิ่งที่เธออ้างด้วยตัวเอง
มาเรีย ชาราโปว่า แถลงข่าวยอมรับการใช้สารกระตุ้น เมื่อปี 2016 เครดิตภาพ: Kevork Djansezian/Getty Images
แต่ข้ออ้างของเธอฟังไม่ขึ้น เธอโดนโทษแบน 2 ปี ก่อนจะยื่นอุทธรณ์ลดเหลือ 15 เดือนได้สำเร็จ แม้เวลาจะสั้นลงแต่ผลกระทบยังคงเดินหน้าต่อไป แบรนด์ที่เป็นแหล่งรายได้ของเธอ เริ่มถอดเธอออกจากรายชื่อแบรนด์แอมบาสเดอร์ จนทำให้รายได้ของเธอหายไปเยอะ
มาเรีย ชาราโปว่า หันมาทำธุรกิจร้านขายขนมและลูกอมในแบรนด์ตัวเองชื่อ Sugarpova เครดิตภาพ: www.gotceleb.com
ในช่วงที่เธอโดนแบน เธอไม่ได้อยู่เฉยๆ เธอได้สร้างแบรนด์ของตัวเองที่ชื่อว่า Sugarpova ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ขายลูกอมและขนมหวาน ซึ่งเธอได้วางแผนเรื่องการสร้างธุรกิจใหม่นี้ตั้งแต่ปี 2012 ช่วงที่เธอมีอาการบาดเจ็บหัวไหล่แล้ว เธอมองว่าไม่สามารถเล่นเทนนิสอาชีพได้ตลอดชีวิต เธอจึงต้องหาแหล่งรายได้อื่นเพื่อเลี้ยงครอบครัวของเธอ ซึ่งนั่นเวลาก็มาถึงแล้ว
- ✓ปี 2017 เธอกลับมาเข้ารายการแข่งขันอีกครั้ง แต่ฟอร์มตกเป็นอย่างมาก ประกอบกับอาการบาดเจ็บหัวไหล่ที่ยังมีผลอยู่
- ✓ปี 2020 เธอประกาศอำลาวงการเทนนิสอาชีพอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวว่า “เส้นทางอาชีพของเธอผ่านความลำบากมามากมาย แต่เมื่อมองลงมาจากจุดสูงสุดถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ตลอดเวลา 28 ปี กับแชมป์รายการแกรด์สแลม 5 รายการ เป็นจุดผ่านที่ส่งเธอไปยังที่หมายต่อไปแล้ว” หลังจากนี้เธอจะได้ใช้ชีวิตแบบส่วนตัว และมีเวลากับครอบครัวมากขึ้น
เธอยังบอกอีกว่าตัวเธอเป็นคนรัสเซีย ถึงจะใช้ชีวิตอยู่อาศัยส่วนใหญ่ในอเมริกา แต่พอกลับบ้านที่รัสเซียเธอก็ยังพูดภาษารัสเซียกับครอบครัว แต่ก็ไม่ได้ผูกพันทั้งสองประเทศ เมื่ออยู่รัสเซียเธอคือคนรัสเซีย เมื่อเธออยู่นอกรัสเซีย เธอรู้สึกว่าเป็นคนอเมริกัน
- ★เริ่มต้นชีวิตครอบครัว
ธ.ค. 2020 เธอประกาศหมั้นกับ Alexander Gilkes นักธุรกิจชาวอังกฤษ หลังจากไม่กี่เดือนที่เธอแถลงข่าวอำลาวงการเมื่อต้นปี ก.พ. สื่อวิจารณ์ว่าอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจดังกล่าว
มาเรีย ชาราโปว่า กับคู่หมั้น เครดิตภาพ: Amy Sussman/Getty Images
- ✓19 เม.ย. 2022 ในวันเกิดฉลองครบ 35 ปีของเธอ ได้ประกาศข่าวดีว่าเธอได้ตั้งท้องลูกคนที่หนึ่งแล้ว
มาเรีย ชาราโปว่า ได้เป็นคุณแม่แล้ว เครดิตภาพ: Instagram
- ■แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- 27
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
