25 เม.ย. 2022 เวลา 08:16 • กีฬา
เกาะประเด็นหลังเกม : Merseyside derby
1
จบไปแบบสุดเดือดกับดาร์บี้แมตช์แห่งเมืองลิเวอร์พูลที่ต่างฝ่าย ต่างมีเดิมพันสำคัญในต่างแง่มุมกัน รูปเกมที่อึดอัด และเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วม สุดท้ายจบลงไปด้วยชัยชนะของหงส์แดง 2-0 ซึ่งทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์ลีคกับเรือใบยังเปิดกว้าง
ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ประตูสู่ขุมนรกของพลพรรคท้อฟฟี่สีน้ำเงินเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้ก็หล่นไปอยู่ในโซนตกชั้นเรียบร้อยแล้ว และด้วยโปรแกรมที่เหลืออันหนักอึ้ง ก็คงต้องลุ้นหนักทีเดียวสำหรับอดีตยอดทีมที่โลดแล่นอยู่บนลีคสูงสุดมาเป็นเวลานานอย่างเอฟเวอร์ตัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและแทคติกอันเข้มข้นจากนักเตะและผู้จัดการทีมทั้งสองฝั่งทำให้ดาร์บี้แมตช์เกมนี้ก็ยังคลาสสิคเฉกเช่นที่ผ่านมา admin ขอเจาะประเด็นจากสิ่งที่พบในเกมออกมาเป็น 10 ข้อดังนี้
1. แลมพ์รู้สถานการณ์ดี และจัดทีมแบบตั้งใจเล่นฟุตบอลเพื่อการันตี 1 คะแนน หรือแบบที่หลายๆ คนเรียกว่า anti-football ถือเป็นความกล้าที่จะทำในเกมที่ค่อนข้างห่างชั้นกันในแง่คุณภาพของนักเตะ ดังนั้นการเปิดเกมสู้กับทีมที่เกมรุกดีที่สุดในลีค ไม่น่าใช่ทางเลือกในการต่อกรที่เหมาะสมเท่าไรนัก
2. นักเตะเอฟเวอร์ตันมีวินัย และเล่นได้ตามแผนใน 45 นาทีแรก จนเจ้าบ้านไม่มีโอกาสเจาะเข้าเขตโทษ และยิงตรงกรอบสักครั้งเลย กลับกัน การโต้กลับของท้อฟฟี่สีน้ำเงิน ก็ทำได้พอมีลุ้นด้วยการอาศัยความเร็วของกอร์ดอน และเหลี่ยมที่แพรวพราวของริชาริสัน
3. นักเตะเจ้าบ้านเนิบนาบในครึ่งแรก การเคลื่อนที่ และการส่งบอลไม่มีความกระชับฉับไว ทำให้ไม่สามารถทำเกมผ่านแผงรับสองชั้นที่แน่นหนาเข้าไปได้ การใช้มาเน่มายืน False 9 แล้วเอาโจต้าไปยืนปีกซ้าย ทำให้การทะลุทะลวงทางริมเส้นมีปัญหา ขณะเดียวกันก็ทำให้มาเน่ได้รับบอลค่อนข้างน้อย ส่วนบังโมขาดตัวสนับสนุนเกมรุก เพราะได้บอลทีก็จะมีกำแพงขวางอยู่ 2-3 คนตลอด ทำให้เกมออกมาน่าเบื่อ
4. ริชาลิสันหรือเนย์มาร์กันแน่นะ การที่นักเตะบราซิลรายนี้ ออกอาการเกินจริตแทบทุกครั้งที่มีการปะทะกัน มันเป็นการช่วยปะทุความมาคุของเกมการแข่งขันอีกทางนึง แบบท้ายครึ่งแรกที่คาดว่าอาจจะมีการเจ็บจริง แต่ด้วยที่ผ่านมาริชาลิสันสำออยแทบตลอดเวลา ทำให้เจ้าบ้านไม่สนใจ จนในที่สุดดูคูเร่ตัดสินใจจงใจฟาวล์ใส่ฟาบินโญ่ จนนักเตะกรูเข้ามาและเกือบมีเรื่องกัน ก็ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยในดาร์บี้แมตช์ของเมืองนี้ และเพิ่มความซาดิสม์ หรือเรียกให้สวยว่าคลาสสิคให้กับเกมนี้ไปด้วย
5. พิคฟอร์ด...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย การจงใจแอคติ้งล้มรับบอลเพื่อถ่วงเวลาและรอยแสยะยิ้มแบบยั่วอารมณ์ฝั่งลิเวอร์พูด ดูเหมือนเป็นชัยชนะในช่วงกลางเกมที่ทำให้เค้าหยิ่งผยองได้ แต่นั่นอาจเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้นักเตะลิเวอร์พูลมุ่งมั่นมากขึ้นในครึ่งหลัง เพราะสิ่งที่พิคฟอร์ดทำทิ้งไว้กับยอดกองหลังของหงส์แดง คงไม่มีใครลืมลง
กอร์ดอนมีความคล่องตัวสูงมาก และเกือบเรียกจุดโทษให้กับทีมได้อีกต่างหาก
6. จบครึ่งแรกคลอปรีบวิ่งเข้าอุโมงค์เพื่อเตรียมทำการบ้านชิ้นใหญ่ ซึ่งเราจะพบเห็นได้บ่อยในเกมที่ครึ่งแรกทีมเล่นได้ย่ำแย่ หรือเล่นเปาะๆ แปะๆ เพราะการกระตุ้นและแก้เกมของคลอป คือ พรสวรรค์นึงในตัวของยอดผู้จัดการทีมรายนี้ ซึ่งเมื่อแก้เกมมาแล้วรูปเกมหงส์แดงก็ดีขึ้นตามลำดับ มีการเปิดเกมเข้าตรงกลางมากขึ้น และทำให้กองหลังเอฟเวอร์ตันเริ่มออกอาการสั่นคลอน
7. จุดเปลี่ยนของทีมคือการเปลี่ยนตัวอย่างมีประสิทธิภาพของคลอป ด้วยการถอดมาเน่ที่เสี่ยงใบเหลืองที่สองและเกอิต้า โดยแทนที่ด้วยดิอาซและโอริกี้ ซึ่งทำให้นาทีนั้นลิเวอร์พูลมีคนที่เล่นในบทบาทแนวกองหน้าอยู่ถึง 4 ตัว
8. โอริกี้มักจะอยู่ถูกที่และถูกเวลาเสมอในทุกครั้งที่ได้โอกาสลงสนาม เพียงแค่ 2 นาทีที่เค้าลงสู่สนาม เค้าก็เป็นจุดเริ่มต้นในการพักบอลและแต่งจังหวะนึงให้ซาลาห์ ก่อนที่บังโมจะหยอดบอลต่อให้กับโรเบิร์ตสันวิ่งเข้ามาโหม่งเป็นประตูขึ้นนำให้เจ้าบ้าน
ลูกโหม่งของแอนดี้ สะใจและทำให้กองเชียร์ดีใจจนแทบคลั่ง (แค่คลั่งไม่เท่าตัวเค้าเอง 555)
9. ทีมเยือนเองเมื่อโดนประตูขึ้นนำไปก็ยังไม่ยุบง่าย ซึ่งเป็นเพราะว่าทุกเกมที่มีในมือมันโคตรสำคัญ ถ้ายังพอมีหวังก็ต้องตั้งเกมสู้ต่อไป ซึ่งพวกเค้าเองก็มีจังหวะยิงหวาดเสียวอยู่หลายหนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ ก็เป็นสิ่งที่หงส์แดงถนัดในการตามปิดบัญชีในช่วงท้ายเกม ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากหน้าเดิมอย่างโอริกิ้ที่กระโดดโหม่งบอลจากการจักรยานอากาศของดิอาซที่มาเข้าเหลี่ยมกบาลของเค้าพอดี เป็นประตูที่ตอกฝาโลงและทำให้เอฟเวอร์ตันแทบหมดลุ้นไปในทันที ขณะเดียวกันลิเวอร์พัดเลี่ยนก็ได้หายใจสะดวก และก็ยังมีโอกาสเปิดกว้างที่จะลุ้นแชมป์ลีคต่อไป
10. พี่หมีเรียก Content กับจังหวะเอาคืนพิคฟอร์ดด้วยการรับบอลแล้วสตั๊น...หยุดคิด 1 วินาที ก่อนจะล้มนอนไปกับบอล พร้อมกับหน้าที่ตายด้านไร้อารมณ์ ซึ่งช่วยเรียกเสียงหัวเราะกับแฟนบอลทั่วโลก และทีมสตาฟของลิเวอร์พูล เข้ากับคำพังเพยที่ว่า หัวเราะทีหลังดังกว่าโดยแท้จริง
2 ตัวสำรองสุดแสบ ดิแอซตีลังกาแอสซิสต์ให้กับโอริกี้โหม่งปิดกล่อง (จริงๆแล้วดิแอซคงน่าจะยิง)
เกมสำคัญอีกเกมนึงของทั้งสองทีมก็จบลงไปแล้ว พร้อมเห็นภาพลางๆ ในโค้งทุดท้ายแล้วว่าเอฟเวอร์ตันเองมีโอกาสสูงที่จะร่วงตุ๊บลงไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพ เพราะเส้นทางข้างหน้าช่างโหดร้ายเหลือเกิน แต่ในทางกลับกันลิเวอร์พูลเองก็เจองานหินเช่นกันในการที่จะต้องชนะทุกเกมที่เหลือ โดยยังต้องลุ้นให้เรือใบสะดุดอีก
ซึ่งถึง admin เองจะเป็นแฟนลิเวอร์พูล แต่ก็คิดว่าบทสรุปส่งท้าย แมนซิตี้น่าจะเป็นแชมป์ และเอฟเวอร์ตันน่าจะกลับไปเริ่มต้นใหม่ในลีกระดับต่ำกว่า
บทความนี้ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ถูกหรือผิดประการใด ขออภัยไว้ณ ที่นี้ครับ
โฆษณา