26 เม.ย. 2022 เวลา 23:27 • ท่องเที่ยว
ไปอเมริกากันเถอะ !!!!
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ
เราชื่อ "ฟิว" เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ตัดสินใจลาออกจากงานข้าราชการที่ไทย
เพื่อมาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ที่อเมริกา
ก่อนที่จะมาที่นี่ เราเป็นครูบรรจุและสอนอยู่ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เราสอบบรรจุได้หลังจากที่เรียนจบ และทำงานในโรงเรียนเป็นเวลา 2 ปี
จากนั้นก็ได้ตัดสินใจลาออก หลายคนคงมีคำถามว่า "ทำไมถึงลาออก?"
"งานที่ทำก็ดีอยู่แล้ว มีหลายคนอยากเข้ามา เขายังไม่มีโอกาสเลย" . . .
เราอยู่ในจุดที่พูดอะไรได้ไม่มาก เพราะสิ่งที่ทำให้เราหมดไฟที่จะทำงานต่อ
มันเป็นที่ระบบ ที่ไม่สามารถรักษาคนที่ประกอบวิชาชีพให้ได้รับความเป็นธรรมได้
ระบบที่รู้จักการคัดคนเข้ามาทำงาน แต่ไม่รู้จักวิธีการรักษาและพัฒนาให้ไปข้างหน้าได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ
เราทำได้แค่ยิ้มให้กับคำถามเหล่านั้นพร้อมกับบอกได้แค่ว่า มันเป็นอาชีพที่
"คนข้างในอยากออก คนข้างนอกอยากเข้า"
3
แล้ววันนี้ เราก็ได้ตัดสินใจทิ้ง Safe Zone ตรงนั้นออกมา . . .
วันเริ่มต้นการเดินทาง . . .
เราได้ขึ้นเครื่องจากเชียงราย ไปยัง กทม. ล่วงหน้า 1 คืน โดยสายการบิน Thai SMile เหตุผลที่เลือกสายการบินนี้เพราะว่า กระเป๋าเรามีทั้งหมด 3 ใบ แล้วสายการบินนี้เขาให้เราโหลดกระเป๋าฟรีได้ 20 กก. เราจ่ายเพิ่มค่าโหลดกระเป๋าไปอีก 1,700 บาท
เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เราก็ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด เพื่อรับใบยืนยันที่จะใช้ในการเช็คอินก่อนเดินทาง กฎนี้เพิ่งเพิ่มเข้ามาในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเราเลือกตรวจแบบ ATK สถานที่ตรวจก็อยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิชั้น 1 ประตูทางออกที่ 3 เป็นบูธของ รพ. สมิติเวช รอรับผลภายใน 30 นาที
โดนค่าเสียหายไป 550 บาท
บูธนี้เปิดบริการ 24 ชม. ด้วยนะ
บูธตรวจหาโควิดโดยวิธี ATK ค่าใช้จ่าย 550 บาท
ได้รับผลเสร็จก็เข้าพักที่โรงแรมเพื่อเตรียมตัวในการเดินทางในวันพรุ่งนี้เช้า...
และแล้ววันเดินทางออกประเทศไทยก็มาถึง...
ไฟล์บินของเราคือสายการบิน ANA เป็นสายการบินสัญชาติญี่ปุ่น
โดยเครื่องบินจะเริ่มออกเดินทางเวลา 7.10 น. แต่เรามาถึงสนามบินวลา ตี 2.30น.
ตอนนั้นบูธเช็คอินยังไม่เปิดเราก็นั่งรอไปจนเวลา 4.00 น. บูธเปิด เราเลยรีบไปเข้าแถวก่อนที่แถวจะยาว
1
เราวิ่งไปได้คิวที่ 3 หลังจากที่ต่อแถวได้ประมาณ 15 นาที หันกลับไปดูคนเริ่มทยอยเข้ามา และคิวเริ่มแน่น รู้สึกโชคดีจังที่รีบวิ่งมาก่อน
บรรยากาศช่วงรอเช็คอิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ณ เวลา 4.00น. คนยังไม่ค่อยมี
เมื่อเช็คอินเสร็จแล้วหันกลับไปดู คิวเต็มเลยจ้า
คิวแน่นมาก หลังเวลาผ่านไปแค่ 20 นาที
แล้วเราก็เริ่มลากกระเป๋าเดินหาเกตเพื่อรอขึ้นเครื่อง
เดินมาจนเจอพี่ยักษ์ยืนอยู่ ทำให้รู้ว่าเรากำลังจะไปจากไทยแลนด์แล้วนะ
มาถึงจุดนี้ ก็รู้เลยว่าต้องโบกมือลาแล้ว
บันไดแห่งการจากลา คนที่เดินทางต่างประเทศทุกคนจะต้องเดินขึ้นบันไดนี้
เมื่อผ่านจุดเช็คสัมภาระ เราก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อหาเลขเกตที่จะต้องไปขึ้นเครื่อง แล้วนั่งรอจนเจ้าหน้าที่เรียกไปขึ้นเครื่อง
ตื่นเต้นมากกกกกก เพราะเดินทางออกต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกของชีวิ๊ตตตต
ขึ้นมาบนเครื่องแล้ว ต้องสวมหน้ากากตลอดการเดินทางนะจ๊ะ
หลังจากที่ขึ้นเครื่องก็นั่งยาวไปเลยจ่ะ
ทริปนี้เราจะบินจาก กทม. ไป สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
เวลาที่ใช้ทั้งหมด 6 ชม. ถือว่านานมากกับการต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอด
แนะนำใครที่จะเดินทางแล้วต้องสวมหน้ากาก
ให้ซื้อสติ๊กเกอร์ติดหน้ากากไว้ด้วยนะ มันช่วยได้เยอะมากจริง ๆ
บนเครื่องมีผ้าห่ม หูฟัง จอไว้ให้ดูหนัง-ฟังเพลง ชาร์จแบตโทรศัพท์ก็ได้นะ
อาหารบนเครื่อง
พอเครื่องออกไปได้สักพัก พนักงานจะเริ่มเสิร์ฟอาหารเช้า พร้อมกับเครื่องดื่มให้
กินเสร็จก็นั่งยาว ๆ ไปเลยจ้า
บนเครื่องมีมอนิเตอร์ให้ดู ว่าเราบินถึงตรงไหนแล้ว
และแล้วก็มาถึงสนามบิน นาริตะ
ถึงแล้วนาริตะเจ้าขา
พอถึงสนามบินนาริตะ ก็เข้าเช็คสัมภาระอีก 1 รอบ จากนั้นก็เดินไปดูตั๋วในมืออีกทีว่าจากนาริตะ ไปยัง สนามบินซานฟรานซิสโกต้องไปขึ้นเครื่องที่เกตไหน จากนั้นก็เดินหาเกตกันต่อเลยจ้าาาาา
พอหาเกตเจอแล้วก็นั่งรอขึ้นเครื่องต่อเลย เรามีเวลาต่อเครื่องแค่ 2 ชม. เลยไม่มีเวลาเดินซื้อของฝากเท่าไหร่
เลขเกตฮามาก เกต 55 กันไปเล้ย
พอขึ้นเครื่องแล้วก็นั่งยาวไปอีก 9 ชม. สายการบินจากนาริตะไปยัง ซานฟรานซิสโกของเรายังเป็น ANA
บินไปได้สักพัก พนักงานก็จะเสริฟอาหารเย็น อาหารอร่อยมากกกกกกก
กินเสร็จแล้วก็หลับยาว 9 ชม. พยายามหลับบนเครื่อง
แต่ก็ไม่เป็นผล เด็กร้องตลอดคืนเลยจ้า โอ้วแม่เจ้า อะไรกันเนี๊ยยยยยย
ถึงแล้ว ซานฟรานซิสโก
และแล้วก็ถึงสักที อเมริกาจ๋า ฟิวมาล้าววววววววว
หลังจากที่เครื่องบินลงจอดก็เดินตามทางไปยังด่าน ตม.
เนื่องจากเรามาด้วยวีซ่าคู่หมั้น พอถึงด่านตม. เราก็เข้าแถวรอเรียก
เมื่อเจ้าหน้าที่เรียก เราก็ยื่นซองสีน้ำตาลซึ่งเป็นซองเอกสารให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ตรวจดูเอกสารก็ถามว่าแพลนจะแต่งงานหรอ? แต่งเมื่อไหร่?
แล้วเข้ามาจะไปพักอยู่ไหน? ใครมารับ?
เสร็จแล้วก็ปั๊มวันที่ลงพาสปอร์ตพร้อมบอกว่า Welcome to America !!!!!
จากนั้นเราก็เดินไปรับกระเป๋าทั้งหมดที่มี
ที่นี่รถเข็นกระเป๋าไม่ฟรีนะจ๊ะ โดนค่าเสียหายไป 8$ ใครที่เอากระเป๋ามาหลายใบ
ให้แลกตังค์สกุล US Dollar มาด้วยน๊า เพราะต้องมาหยอดเครื่องเพื่อเอารถเข็น
เข็นมาได้สักพัก เจอด่าน Costume คือด่านตรวจกระเป๋า เจ้าหน้าที่ถามว่าเอาอะไรมาบ้างในกระเป๋า ของเราเอากระเป๋ามา 3 ใบ
ใบที่ 1 คือใบเล็กที่ถือขึ้นเครื่องเป็นเสื้อผ้า และเอกสาร
ใบที่ 2 ใบใหญ่เป็นเสื้อผ้าล้วน
และใบสุดท้าย เป็นเครื่องปรุง อาหาร น้ำพริกต่าง ๆ ที่ขนมาจากไทย
1
เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกว่างั้นขอให้ยกกระเป๋าเข้าเครื่องสแกนทั้งหมดทุกใบเลย
พอสแกนเสร็จเจ้าหน้าที่ขอเปิดกระเป๋าใบที่ขนอาหารเข้ามา
แต่ใบอื่นเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร
เจ้าหน้าที่เปิดดูน้ำพริกต่าง ๆ บางห่อที่ไม่มีฉลากภาษาอังกฤษก็ามว่าคืออะไร
เพราะมีอาหารบางประเภทที่ห้ามนำเข้ามา เช่น อาหารที่มีส่วนประกอบของหมู สักตว์ปีก และไข่ รวมถึงของสดก็ห้ามนำเข้านะจ๊ะ
ของเราไม่โดนยึดอะไร
เจ้าหน้าที่ปิดกระเป๋าแล้วบอกว่าคุณไปได้จ้าาาา
เย้ !!!!!!!!!!!! จะได้ถึงอเมริกาจริงๆ สักที 55555
เดินออกมาเจอป้าย Welcome to Sanfrancisco
เราถึงอเมริกาแล้วทุกโค้นนนนนนนนนนน
เดินออกไปเจอแฟนรออยู่หน้าประตู วู้วววววววว
เกือบ 18 ชม. กับการเดินทางและยังไม่รวมที่ตื่นเช้ามารอเช็คอินอีก
หลังจากนี้ก็เตรียมตัว เจ็ทแล็ก จ้าาาาาาาา
โฆษณา