30 เม.ย. 2022 เวลา 16:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Fast and feelLove
ความฝันของเธอมันคือ แต่งงาน มีบ้าน มีลูก แค่นี้เองหรอ? - เกา
คนเรามันจะมีความฝันธรรมดาๆ บ้างไม่ได้หรอ - เจ
เฮียเขาเคลมว่า หนัง action ในชีวิตประจำวัน
สำหรับคนดูอย่างเรา...
หนัง action ก็ใช่ เพลงอย่าง epic Jump cut รัวๆ
หนังรักหรอ อืมมมม ก็ไม่เชิงก็มีพระเอกนางเอก
หนังตลก ก็ถูกนะ ขำแม่งตั้งแต่หนังเริ่มจนหนังจบ
แต่ที่แน่ๆ...
แม่งหนังล้อเลียนชั้นดีแบบไม่มีผิดเพี้ยน
ล้ออะไรบ้าง?
เท่าที่จำได้ก็มี
:
1/4 ไมล์ เพราะเราคือครอบครัว
There can be miracle, when you believe
I will find you and I will kill you
แม่บ้าน คนขับรถ ครูสอนภาษา
ฉากยืนแรกๆ ที่ทำให้นึกถึง inception (มั้งนะ)
(เออๆ ถ้าใครมี content ที่บอกว่าเขาล้อเรื่องไรบ้างก็ส่งมาได้นะ สงสัยเซมมม น่าจะยังไม่หมด😅)
เท่าที่จำได้ หนังแกที่เคยดู ก็มี
How to ทิ้ง, Die tomorrow, Freelance
แต่เรื่องสุดท้ายของแกเมื่อ 3 ปีที่แล้วคือ
How to ทิ้ง มันแบบดาร์คสัดดด
ฉากชุดออกขาวๆ คลีนๆ มาก
พล็อตเรื่องก็คือแบบเศร้าสัด เศร้าข้ามปี เศร้าตอนปีใหม่
มาเรื่องนี้คือ...
WTF คุณพรี่เป็นไบโพล่ารึเปล่า
How to ทิ้งโคตรเศร้า มา Fast คือ
เหมือนคนพึ่งหายจากซึมเศร้าแล้วกลับมาเป็นคน Hyper อะไรแบบนั้น 5555555
ปกติเวลาดูหนัง
ถ้า action อารมณ์หลังออกจากโรงคือความมันส์
ถ้า rom-com ก็คือความดิ่งๆ เศร้าๆ ปนเหงาหน่อยๆ
ถ้า mystery ก็จะออกมาพร้อมความดาร์คๆ หม่นๆ ปนสงสัย
หรือถ้าหนัง emotion จ๋าๆ ก็จะเศร้าสุดไรสุด
แต่เรื่องนี้...
ระหว่างที่ดูมันแบบ
ทั้งขำ ทั้งยิ้ม ทั้งซึ้ง ทั้งเเอบเศร้า ปนกันไปหมด
มันมีโมเม้นเชียร์เกา ซึ้งแม่ หึกเหิม ชี้นิ้วแล้วขำ แล้วก็ยิ้มให้กับเจ
เรียกได้ว่า สีเขียว สีฟ้า สีแดง สีเหลือง แย่งกันคุมแผง control ชั้นอ่ะ
ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ...
ลูกแก้ว Emotion มีทุกสีปนกันอย่างละ 25%
มันมีความ Balance ในอารมณ์มากๆ
แบบออกมากราฟอารมณ์ไม่ได้เหวี่ยงไปทางใดทางหนึ่ง
แต่มันอยู่ตรงกลาง
เชี้ย...พึ่งเคยดูหนังแบบนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต (ถึงชีวิตจะไม่ได้ดูหนังมากขนาดนั้นก็เถอะ
สำหรับเรื่องนี้ ผู้คนมักพุ่งเป้าไปที่ประเด็น
ความฝันที่โดนดูถูกมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตอันยุ่งเหยิง หรือความยุ่งยากของการผู้ใหญ่
เราก็เห็นแหละ แต่สำหรับเรา
เราไม่ได้ฟิลมันขนาดนั้น เหมือนหนังมันไม่ได้ impact กับเราในประเด็นขนาดนั้น
เหมือนมันไม่ได้ชี้ตรงๆ แต่เป็นการอธิบายอ้อม
ด้วยสันยะบางอย่างผ่านชีวิตตัวละครทุกตัว
มุมที่เห็นมากสุดน่าจะเป็นมุม Creative
- ผู้เสพติด คือคนที่กำลังพยายามใช้ทางออกที่มองเห็นได้ เพื่อแก้ปัญหาที่ทองไม่เห็น - from The little book of clarity (Jamie Smart)
ด้วยข้อมูลทั่วไป หรือหนังสือทั้งหลาย
จะบอกว่าคนเรามักจะ Creative ไม่ออกเวลาที่มันวุ่นวาย
สมองของเราต้องปลอดโปร่ง ไม่มีเสียงรบกวน พักผ่อนเพียงพอ มีอากาศบริสุทธิ์
นั่นจะเป็นสภาวะที่สมองเรา clear และสามารถที่จะคิดงานๆ ออกได้อย่าง flow smooth และดี
ซึ่งเป็นสิ่งเกาเชื่อมาตลอด
ว่าปัจจัยเหล่านั้น จะทำให้เขาเล่น Stack ได้เร็วขึ้น
ในตอนที่เขาถูกรบกวน เขาเลยจะหงุดหงิดมากๆ
จน...กระทั่ง ไผ่หลิวเป็นผู้ที่มาสอนเขาว่า
ไอ้ 'Drama' พวกนี้แหละ ที่มันจะสามารถ drive เราไปข้างหน้าได้
เรื่องจริงหรือเปล่าไม่รู้...แต่ตัวละครของเราดันทำได้ แถมทำได้ดีอีกด้วย
มันคือโมเม้นที่ทุกอย่างถาโถมเข้ามาเต็มไปหมด
จนเกาไม่มีเวลาที่สมองจะปลอดโปร่ง
แทนที่เขาจะมองหาความ clear ของสมอง
แต่ดันนำประโยชน์จากความวุ่นวายมาใช้งาน
สำหรับเรามัน Amazing มาก เพราะส่วนตัวก็มี mindset ที่ว่า
ถ้าสมองเราไม่โล่ง เราก็จะ creative ไม่ได้
จุดนี้โคตร impact มากในมุมของเรา
แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ (ตามความเข้าใจส่วนตัว)
มันคือการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ความวุ่นวาย
แล้วใช้วิธี 'แก้ปัญหาเฉพาะหน้า' จัดการมันเดี๋ยวนั้นเลย
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้นะ
สมมุติถ้าอยู่ๆไฟไหม้บ้าน จะมีคนประเภทไหนบ้าง
Freez ไปเลย ตกใจแต่ไม่รู้จะทำยังไง
Free วิ่งหนีไปเลยจ้ะ เอ้าทำไงล่ะ ไฟไหม้ก็ต้องหนีสิ
แต่ Fight เห้ยไฟไหม้ ต้องแก้ปัญหาดิ ไม่งั้นไหม้หมดแน่
อีคนประเภทสุดท้ายนี่แหละ ที่จะจัดการแก้ 'ปัญหาเฉพาะหน้า' ได้
และจะทำได้ดีด้วย ซึ่งมันมีคนแบบนี้จริงๆ
- มันยังไม่ถึง deadline คิดไรไม่ออกเลย
- ตอนนี้สมองแม่งโคตรวุ่นวาย มีทั้งงาน ทั้งดราม่า แมววุ่นวาย กับ
- เห้ยพรุ่งนี้ deadline แล้ว
- แต่ตอนนี้แม่งวุ่นวายโคตรๆ
- แต่คิดงานออกเฉย แถมยังคิดออกมาได้ดีด้วย
(ซึ่งชั้นไม่เข้าใจอะไรในคนพวกนี้เลย อีเวงกูเป็นพวกกลัว deadline เวลามันมาถึงก็จะลนลานทำไรไม่ถูก ทำผิดๆ ถูกๆ ด้วย)
มันก็เลยทำงานกับจิตใจและสมองของเราในข้อนี้แหละ
ก็เลยว้าวซ่าสุดๆ เห้ยมันได้ว่ะ มันคือได้ว่ะ
เป็น skill ที่จะลองไปฝึกฝนต่อ
เผื่อว่าจะกลัว deadline น้อยลง
:
อีกประเด็นหนึ่ง คือ...
เราเข้าใจความคิดของผู้ใหญ่วัย 30 มากขึ้นมั้ง
ที่มันมีทั้งความฝัน และความรับผิดชอบ
ครึ่งแรกก็ว่าไอ้นี่มันคนเท่เห้ย แม่งทำตามความฝันแบบลุย!อย่างเดียว
แต่ครึ่งหลังพอเกาได้มองกลับมา
เกาพบว่าเกาคงทิ้งความรับผิดชอบไว้ให้ใครทำแทนไม่ได้จริง
ความคิดของเจในวัย 30
ในใจก็คิดว่าทำไมว่ะ ทำไมมันไม่มาคืนดีกันเหมือนหนังอื่นๆ ว่ะ
แบบหนัง rom-com ที่ชั้นดูไง
เดี๋ยว! เชี้ยนั่นหนัง rom-com วัย 18-22 เท่านั้น
นี่แหละวัย 30
มันทำให้นึกถึง
La La land, Lost in transportation, 500 days summer
ว่าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง เราคงจะไม่ขอให้คนที่ความฝันไม่เหมือนกัน
ต้องเปลี่ยนความฝันของตัวเองเพื่อมาขึ้นรถคันเดียวกับเรา แล้วขับมันไปข้างหน้า
และเราเองก็คงไม่เปลี่ยนรถของเราเช่นกัน
นั่นแหละมั้ง...30
อย่างไรก็ตาม...เราก็ยังไม่รู้ว่าเราในวัย 30 จะเป็นยังไง
แต่ก็คงอวยพรให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตแบบ 1/4 ไมล์และมีความสุขไปเรื่อยๆ
:
เดี๋ยวจะทำตามความฝัน...
:
ปล.หลังดูจบแม่งฝันว่าตัวเองท้องเฉยเลย fu*k หนังเฮียทำอะไรกับผมมม
|
#FastAndFeelLove #หนังเต๋อ #หนังactionในชีวิตประจำวัน
โฆษณา