7 พ.ค. 2022 เวลา 01:33 • ความคิดเห็น
ช่วงที่ผ่านมา มีกระแสข่าวทางสื่อโทรทัศน์และโซเชียลมีเดีย เป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ในแง่ลบและส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าเรามองตามความจริง เรื่องนี้มีอยู่ 2 นัยยะ และเราศึกษาในพระไตรปิฎกจะพบว่า
ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ก็มีกรณีที่พระสงฆ์ประพฤติผิดวินัย เพราะพระวินัยทั้ง 227 ข้อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติขึ้นมาเอง จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นก่อน เช่น พระสงฆ์ไปทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมจนเกิดเป็นที่ตำหนิ
เมื่อเกิดเรื่องขึ้นพระพุทธเจ้าจึงเรียกประชุมสงฆ์ทั้งหมด สอบถามเรื่องราวเมื่อท่านทรงทราบก็ทรงตั้งข้อบัญญัติขึ้นว่าถ้าเมื่อใดสงฆ์ท่านใดกระทำเช่นนี้จะมีความผิด ถ้าถึงขั้นที่ผิดร้ายแรงก็ถึงขั้น ปาราชิก รองลงมาก็เรียกว่า สังฆาทิเสส ต้องไปอยู่กรรม ถัดมาก็เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งว่าตามแต่ละกรณี ฉะนั้นข้อบัญญัติทั้ง 227 ข้อที่มีมาจากการกระทำผิดที่เกิดจากการติฉินนินทา
เราต้องเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็แล้วแต่ สงฆ์หมู่ใหญ่ผู้คนจำนวนมากมาด้วยความตั้งใจ แต่ก็ยังไม่หลุดพ้นกิเลส ฉะนั้น จึงมีโอกาสที่จะทำความผิดอยู่เป็นธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อพระพุทธศาสนาปักหลักมั่นคง ลาภสักการะมีเพิ่มขึ้นก็อาจจะเป็นผู้ที่มาแล้วหวังในลาภสักการะก็มีอยู่ด้วยทางหนึ่ง แต่อีกทางหนึ่งเดิมอาจตั้งใจมาดี แต่เมื่อได้ลาภสักการะมากขึ้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
จุดแตกต่างระหว่างครั้งพุทธกาลกับปัจจุบันที่สำคัญคือ ในครั้งพุทธกาลเมื่อเกิดเสียงโจษจันก็โจษจันกันแต่ในวงสังคมพระภิกษุสงฆ์รูปนั้น เพราะไม่มีสื่อต่างๆ ทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่ปัจจุบันการสื่อสารเป็นไปอย่างกว้างขวาง
หากจะมีเรื่องพระสงฆ์ที่ไม่ดีเป็นข่าวและเป็นเรื่องจริง จะนำเสนอไปแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเพราะถ้าไม่นำเสนอเลยคงไม่ได้ แต่ขอความเป็นธรรมให้กับพระพุทธศาสนาด้วย เพราะเมื่อนำเสนอเรื่องที่ไม่ดีแล้วก็ขอให้นำเสนอเรื่องที่ดีด้วยให้ได้สัดส่วน
คือ เมื่อมีเรื่องดีๆ ก็นำเสนอ ไม่ใช่เสนอแค่เรื่องไม่ดีด้านเดียวเป็นการโจมตี โดยเฉพาะสังคมก็ชอบติดตามเรื่องไม่ดีและพร้อมกันโจมตี ถ้าหากจะนำเสนอเรื่องที่ไม่ดีอะไรที่ออกไป เนื้อหาต้องนำเสนอรอบด้าน
อย่าใส่อารมณ์บวกกับเรื่องเข้าไปและนำสังคมไปในทางที่ไม่ดี ขณะเดียวกันต้องสอดส่ายสายตาด้วยว่ามีพระที่ท่านประพฤติปฏิบัติดีด้วยหรือไม่ มีสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์กับพระพุทธศาสนาอย่างไรบ้าง และนำเสนอให้ได้สัดส่วนกัน สังคมจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ไม่เกิดความเข้าใจผิดเกิดความรู้สึกไม่ดี
เราต้องเข้าใจว่าแนวโน้มของสื่อทั่วไปมักเป็นไปในทางลบมากกว่าเรื่องทางบวก เพราะฉะนั้นเราเองเมื่อจะเสพสื่อแล้วต้องตระหนักเรื่องนี้ จะได้ไม่ถูกกระแสสื่อดึงไปในทางที่ผิด และทางที่ดีควรสอดส่ายสายตาหาสื่อดี ๆ ที่ทำให้เกิดสมดุลในแง่ข้อมูลข่าวสาร เพราะเมื่อสื่อจะนำเสนอควรให้ความยุติธรรมกับคณะสงฆ์และพระพุทธศานาด้วย
ซึ่งเป็นหลักการที่ควรทำ อาจจะมีบางท่านที่ทำตามหรือไม่ทำตาม สิ่งนี้คือด้านของสื่อเราไม่สามารถเปลี่ยนสื่อให้นำเสนอให้สมดุลทั้งด้านบวก ด้านลบทั้งหมดในทีเดียว ได้แต่หวังว่าต่อไปคงจะออกมาในทางที่ดีขึ้น แต่ในแง่ของผู้เสพสื่อก็ต้องฉลาดในการเสพสื่อ เพราะกระแสของสื่อมักจะนำเสนอทางลบมากกว่าทางบวก
Cr : ศูนย์พุทธศาสตร์ศึกษา DCI
ยุคนี้หรือยุคใดก็ตามถ้าทำตามหลักพระพุทธเจ้าจะได้ผลดี เมื่อบวชแล้วต้องมีการฝึกอบรมไม่ใช่บวชแล้วปล่อยผ่าน แต่บวชแล้วต้องฝึก กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีทั้งหมด 100% อย่างที่ยกตัวอย่างสมัยพุทธกาลที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์และวางหลักเกณฑ์ไว้อย่างดี
เพื่ออบรมบ่มนิสัยอย่างดี พระอรหันต์มีมากมายเป็น 10,000-100,000 รูป ก็ยังมีพระที่ไปกระทำผิดกฎไม่ถูกต้อง เกิดเสียงโจษจัน นินทา จนกระทั่งต้องบัญญัติพระวินัยเพิ่มขึ้นทีละข้อ
แต่โดยภาพรวมคณะสงฆ์ดีทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีพร้อม 100% ไม่มีผู้ที่บกพร่องแม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะทุกคนเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา แต่เมื่อครองผ้าเหลืองแล้วจะกลายเป็นผู้วิเศษ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต้องค่อย ๆ ฝึกฝนอบรมตนไป เพราะมีส่วนที่บกพร่องผิดพลาดเป็นเรื่องปกติธรรมดา ต้องตักเตือนแก้ไข อบรมและกล่อมเกลา
ฉะนั้น เดินตามแนวพระพุทธเจ้าแล้วภาพรวมคณะสงฆ์จะดี เมื่อมีข้อบกพร่องผิดพลาดขึ้นมาก็ไม่เพิกเฉยละเลย แต่ร่วมกันลงมือปรับปรุงแก้ไข ทำตามหลักพระพุทธเจ้าท่านทรงวางไว้ดีที่สุด
เจริญพร
โฆษณา