12 พ.ค. 2022 เวลา 21:37 • ปรัชญา
“จิตดวงนี้เป็นที่อยู่ของกิเลสตัณหา”
ชีวิตของพวกเราทุกๆคน ซึ่งถือว่าเป็นพวกที่มีบุญมีกุศลมีวาสนา ที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วได้มาพบพระพุทธศาสนา เพราะถ้าไม่มีทั้ง ๒ อย่างนี้แล้ว โอกาสที่จะบำเพ็ญประโยชน์อันประเสริฐนี้จะเป็นไปไม่ได้
เพราะถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์แต่ไม่ได้พบพระพุทธศาสนา ก็จะไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้ ก็จะถูกอำนาจของความหลงความอยากของกิเลส หลอกล่อให้ไปหาความสุขต่างๆ จากสิ่งที่ไม่ใช่เป็นความสุข แล้วก็ต้องวนเวียนอยู่กับวัฏฏะแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เวลาอยากได้ก็แสวงหามา พอหามาได้แล้วก็เกิดความอยากใหม่ขึ้นมา ก็ต้องไปแสวงหามาใหม่ วนเวียนไปอยู่อย่างนี้ ไม่มีที่จบสิ้น เพราะไม่รู้ว่าปัญหาของใจเราก็คือความอยาก เราคิดว่าเมื่อมีความอยากต้องการอะไร เราก็หาสิ่งที่เราอยากเราต้องการมา แล้วความอยากนั้นก็จะหายไป
แต่มันหาหายไปไม่ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นาน มันก็โผล่กลับคืนขึ้นมาอีก ก็อยากจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้อีก และก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะสิ้นชีวิตไป แต่จิตดวงนี้ไม่ตายไปกับร่างกาย ก็จะไปต่อ
จิตดวงนี้เป็นที่อยู่ของกิเลสตัณหาทั้งหลาย เมื่อไปเกิดใหม่ก็จะสร้างความโลภ ความอยากขึ้นมาใหม่ และก็ต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ วัฏฏะวนคือการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร จึงไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ไม่ได้ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้วได้เจอพระพุทธศาสนา
หลังจากที่ได้เจอแล้วเกิดศรัทธาขึ้นมา เชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน แล้วนำสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไปปฏิบัติ เพื่อชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด เท่านั้นแหละถึงจะแก้ปัญหาของดวงจิตดวงใจได้
ถ้าไม่ได้นำมาปฏิบัติ ไม่ได้นำ “ทาน ศีล ภาวนา” มาปฏิบัติ ชีวิตของเราก็จะเป็นแบบนี้ไป เหมือนตั้งแต่ที่เราเกิดมา เป็นแบบลุ่มๆดอนๆ มีความหิวมีความอยาก พอได้สิ่งที่ตนเองอยาก ก็พอใจไปสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็เกิดความอยากขึ้นมาใหม่ แล้วก็ต้องหาใหม่
เวลาสูญเสียสิ่งที่ตนเองหามาได้ ก็กลุ้มอกกลุ้มใจร้องห่มร้องไห้ นี่แหละคือชีวิตของพวกเรา ซึ่งไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้อง เพราะยังถูกรุมล้อมด้วยความทุกข์ชนิดต่างๆ นั่นเอง
กำลังใจ ๑๓, กัณฑ์ที่ ๑๘๕
วันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา