14 พ.ค. 2022 เวลา 00:14 • ความคิดเห็น
[Classic Post]: หากเจ็บปวดจากคริปโต แนะนำให้อ่านหนังสือ The Psychology of Money
1
"จริงๆ แล้วคนเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือจะลงทุนอย่างไรเพื่อที่จะได้ไม่ต้องนอนกระสับกระส่ายในยามค่ำคืน"
4
ปลายปีที่แล้ว ผมเขียนบทความชื่อ "17 ข้อคิดจาก The Psychology of Money หนังสือเปลี่ยนชีวิตแห่งปี 2021"
เหตุการณ์คริปโตในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นึกถึง 4 ใน 17 ข้อนี้เป็นพิเศษ เลยขอนำมาแชร์ไว้ตรงนี้อีกครั้งครับ
ป.ล. หนังสือเล่มนี้มีแปลไทยแล้วนะครับ แต่ภาษาอังกฤษก็อ่านง่ายครับ
ป.ล. 2 Morgan Housel ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ลงทุนในคริปโตเลย
-----
8. ปัจจัยสำคัญที่สุดในการลงทุนคือ “เวลา” ที่เราอยู่ในตลาด
95% ของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของ Warren Buffett นั้นเพิ่งงอกเงยหลังจากบัฟเฟตต์พ้นวัยเกษียณมาแล้ว
มีนักลงทุนหลายคนที่ทำผลตอบแทนปีต่อปีสูงกว่าบัฟเฟตต์เสียอีก แต่เขาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าบัฟเฟต์เพราะไม่ได้ลงทุนมานานเท่า
เพราะ “เวลา” หรือ “t” นั้นคือ “ตัวเลขยกกำลัง” ในสมการผลตอบแทนการลงทุน
ผลตอบแทนต่อปีจะเยอะเท่าไหร่ จึงอาจไม่สำคัญเท่าเราอยู่กับมันยาวนานแค่ไหน
อีกอย่าง ผลตอบแทนนั้นควบคุมยากเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก แต่เราจะลงทุนยาวนานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับเราเป็นหลัก
ดังนั้น เพื่อจะอยู่ในตลาดให้ได้นานที่สุด เราจำเป็นต้องเป็นคนที่ “ฆ่าไม่ตาย” (financially unbreakable) เพื่อที่ว่าต่อให้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โลกจะผันผวนแค่ไหน เราก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดต่อไปได้
2
.
9. เงินสดในบัญชีเงินฝากที่ดอกเบี้ยเรี่ยดิน บางทีก็ให้ผลตอบแทนสูงล้ำ
เพราะเงินสดนั้นมอบ flexibility ให้กับเรา เมื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน เราจึงไม่จำเป็นต้องขายหุ้นหรือขายทรัพย์สินของเราเพื่อหมุนเงินมาใช้ (เพราะการขายหุ้นทำให้เราสูญเสีย “เวลาที่เราอยู่ในตลาด” ที่พูดถึงในข้อที่แล้ว)
การมีเงินเย็นอยู่กับตัว ทำให้เราสามารถที่จะเลือกงานที่เหมาะกับเราได้ ไม่จำเป็นต้องรีบรับงานที่ไม่ใช่หรือไม่ทำให้เรามีความสุข
ดังนั้นอย่ามองการถือเงินสดว่าให้ผลตอบแทนต่ำ เพราะเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ สิ่งที่ได้รับกลับมาจะคุ้มค่ามาก
.
14. สมเหตุสมผลนั้นสำคัญกว่าการมีเหตุมีผล (Reasonable > Rational)
ผู้เขียนยกตัวอย่างว่า แม้ดอกเบี้ยผ่อนบ้านจะถูกมาก แต่เขาก็เอาเงินไปโปะบ้านจนหมดเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่หากเขาเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนอย่างอื่น ย่อมจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า
ถ้ามองกันที่ตัวเลขเพียวๆ การตัดสินใจเอาเงินก้อนมาโปะบ้านนั้นไม่เมคเซ้นส์เอาเสียเลย แต่จริงๆ แล้วคนเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือจะลงทุนอย่างไรเพื่อที่จะได้ไม่ต้องนอนกระสับกระส่ายในยามค่ำคืน
1
เราไม่จำเป็นต้องมีเหตุมีผลกับทุกเรื่อง (rational) เราแค่เอาให้มันสมเหตุสมผลก็พอ (reasonable)
1
การโปะบ้านเสร็จเรียบร้อย ทำให้ผู้เขียนสบายใจว่าอย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็เป็นของเขาและภรรยาแล้ว ไม่มีใครจะมายึดบ้านหลังนี้ไปได้
เพราะแนวทางการลงทุนที่ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องของใครของมัน ไม่มีสูตรตายตัว ดังนั้นจงเลือกทางที่เหมาะกับเป้าหมายและจริตของเรา
2
.
1
17. สิ่งที่เราควรเรียนรู้จากเรื่องที่ไม่คาดฝัน คือโลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝัน ไม่ใช่พยายามไปทำนายเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ตอนปลายปี 2019 มีกูรูมากมายออกมาทำนายว่าอะไรจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2020 บ้าง
ไม่มีแม้แต่สำนักเดียวที่บอกว่าปัจจัยสำคัญที่สุดของเศรษฐกิจปี 2020 คือโรคระบาด
เพราะความเสี่ยงคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่หลังจากที่คุณคิดว่าคุณคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว
1
“Risk is what’s left over when you think you’ve thought of everything.”
-Carl Richards
สิ่งใดที่ถูกคาดการณ์ได้ สิ่งนั้นมักจะถูกป้องกันหรือลดความเสี่ยง
ส่วนสิ่งที่จะสร้างความเสียหายได้มากมาย ก็คือสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้และไม่มีใครพร้อมรับมือนั่นเอง
หน้าที่ของเราจึงไม่ใช่การทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่จะบริหารจัดการการเงินของเราอย่างไรให้ financially unbreakable เพื่อให้แน่ใจว่าจะยังเป็นผู้เหลือรอดเมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันต่างหาก
“The most important part of any plan is planning for your plan not going according to plan.”
-Morgan Housel
อ่านทั้ง 17 ข้อได้ที่ https://anontawong.com/2021/12/06/the-psychology-of-money/
โฆษณา