15 พ.ค. 2022 เวลา 13:04 • หนังสือ
คุณเคยสงสัยไหมว่า?...ทำไมบางคนเลือกซื้อหวย บางคนเลือกซื้อหุ้น คนนั้นเลือกลงทุนในพันธบัตร คนนี้เลือกออมเงินเฉยๆ คนโน้นซื้อคริปโต ฯลฯ อะไรคือเหตุผลในการตัดสินใจของคนเรานะ?
1
สรุปหนังสือ The Psychology of Money ตอนที่ 2
2
ในสัปดาห์สัปดาห์ที่แล้ว แอดก็ได้เล่าเกี่ยวกับบทนำไปแล้ว ว่าด้วยเรื่องของ “คำอธิบาย 2 ประการของความสำเร็จด้านการเงิน”ได้แก่ ประการที่ 1: โชค ความพยายาม และความฉลาดส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ประการที่ 2: ทักษะทางด้านอารมณ์ และการบริหารจัดการความคิด ซึ่งพฤติกรรมที่เราทำนั้นมีความสำคัญมากกว่าความรู้ที่เรามีในเรื่องเงินนั่นเอง ซึ่งผู้เขียนเน้นย้ำในข้อนี้มากๆ เลยค่ะ
1
ในสัปดาห์นี้แอดก็จะมาเล่าต่อในบทที่ 1 ว่าด้วยเรื่องของ “เหตุผลที่คนเราตัดสินใจเรื่องเงินไม่เหมือนกัน” ถ้าจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ ก็อย่างเช่น ทำไมบางคนถึงเลือกลงทุนใน cryptocurrency และลงทุนเป็นจำนวนเงินที่เยอะด้วย ในขณะที่บางคนมองว่านี่มันบ้าชัดๆ เสี่ยงมากๆ เป็นเขาจะไม่ลงทุนแน่นอน
แต่คุณเฮาเซิลผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กำลังจะบอกกับเราว่า...อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครเป็นคนบ้า มีเหตุผลเบื้องลึกว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจทำไปแบบนั้น รวมทั้งยกตัวอย่างเคสมาเล่าให้เราฟังด้วยค่ะ แม้จะเป็นเคสของคนอเมริกันแต่แอดก็คิดว่าน่าจะใช้กับคนไทยได้ค่ะ เช่น เหตุผลของคนที่ซื้อลอตเตอรี่ เป็นต้น
1
ถ้าใครอยากรู้แล้วว่า...เอ๊ะ! เหตุผลอะไรนะ ก็ตามมาอ่านกันได้เลยค่ะ
เฮาเซิลบอกว่า...เขาอยากจะเล่าปัญหาเรื่องหนึ่งให้เราฟัง มันอาจจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับสิ่งที่เราทำกับเงินของเรา และตัดสินสิ่งที่คนอื่นๆ ทำกับเงินของพวกเขาน้อยลง
ผู้คนทำเรื่องบ้าๆ กับเงินมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่เป็นคนบ้า
เหตุผลที่เป็นแบบนี้เพราะ...
- ผู้คนจากต่างยุคต่างสมัย ถูกเลี้ยงมาโดยครอบครัวที่ต่างกัน
- รายได้แตกต่างกัน
- ยึดถือคุณค่าต่างกัน ในส่วนต่างๆ ของโลก
- เกิดมาในระบบเศรษฐกิจที่แตกต่าง
- มีประสบการณ์ในตลาดแรงงานที่แตกต่างซึ่งมาพร้อมกับสิ่งจูงใจที่แตกต่าง
- และระดับของโชคที่ไม่เหมือนกัน เรียนรู้บทเรียนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทุกๆ คนล้วนมีประสบการณ์เฉพาะตัวในวิถีที่โลกเป็น และสิ่งที่คุณได้พบเจอกับตัวเองนั้นกระตุ้นความสนใจได้มากกว่าการเรียนรู้จากคนอื่น ดังนั้นพวกเราทุกคนต่างใช้ชีวิตผูกติดอยู่กับมุมมองเรื่องการทำงานของเงินอันแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละบุคคล สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบ้าสำหรับคุณ เฮาเซิลบอกว่าอาจเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลสำหรับเขาก็ได้
1
เฮาเซิลบอกว่า...
ผู้คนที่เติบโตมากับความยากจนจะคิดเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทนในแบบที่ลูกของนายธนาคารผู้มั่งคั่งนั้นคงไม่สามารถเข้าถึงหากเขาลองพยายาม
1
คนที่เติบโตมาในช่วงเวลาที่เงินเฟ้อสูงลิ่วจะได้รับประสบการณ์อะไรบางอย่างที่คนที่เติบโตมากับสภาวะราคาสินค้าคงที่ไม่เคยได้สัมผัส
1
นายหน้าค้าหุ้นผู้สูญเสียทุกอย่างในระหว่างช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Depression) จะได้รับประสบการณ์อะไรบางอย่างที่คนทำงานด้านเทคโนโลยีผู้กำลังดื่มด่ำกับความรุ่งโรจน์ของช่วงท้ายปี 1990 ไม่สามารถจินตนาการได้
ชาวออสเตรเลียผู้ไม่เคยได้เห็นสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงเวลา 30 ปี จะได้รับประสบการณ์อะไรบางอย่างที่ชาวอเมริกันไม่เคยมีมาก่อน
และอีกมากมาย รายการของประสบการณ์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด
1
คุณรู้เรื่องสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับเงินที่เฮาเซิลบอกว่าเขาไม่รู้ และในทางกลับกันเฮาเซิลก็บอกว่าเขาก็รู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้ คุณก้าวผ่านชีวิตด้วยความเชื่อ เป้าหมาย และการคาดการณ์ที่แตกต่างกันกับเขา ไม่ใช่เพราะว่าเราคนใดคนหนึ่งฉลาดกว่าอีกคน หรือมีข้อมูลที่ดีกว่า แต่เป็นเพราะเรามีชีวิตที่แตกต่างกันซึ่งถูกหล่อหลอมมาจากประสบการณ์และสิ่งจูงใจที่ต่างกัน
1
ประสบการณ์ส่วนตัวในการตบตาเรื่องเงินของคุณอาจเป็นเพียง 0.00000001% ของสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ แต่มันอาจเป็น 80% ของสิ่งที่คุณคิดว่าโลกนี้นั้นเป็นอยู่
ดังนั้นผู้คนที่มีความฉลาดพอๆ กันจึงสามารถเห็นต่างในเรื่องของสาเหตุและสิ่งที่ทำให้เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจ วิธีการที่คุณควรนำเงินของคุณไปลงทุน สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คุณควรรับความเสี่ยงมากแค่ไหน และอื่นๆ
ผลการศึกษาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่ง...
ในปี 2006 อูลริค มันเมนเดีย และสเตฟาน นาเจล นักเศรษฐศาสตร์จากสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ ได้ทำการค้นคว้าแบบสำรวจสินเชื่อผู้บริโภคเป็นระยะเวลา 50 ปี หรือพูดอีกอย่างก็คือรายละเอียดที่แสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันนั้นทำอะไรกับเงินของพวกเขา
2
ในทางทฤษฎี ผู้คนควรจะตัดสินใจลงทุนจากเป้าหมายและลักษณะของตัวเลือกในการลงทุนที่มีให้พวกเขาในช่วงเวลานั้น
1
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนทำ
นักเศรษฐศาสตร์พบว่าการตัดสินใจลงทุนตลอดชีวิตของผู้คนนั้นผูกติดอยู่กับประสบการณ์ที่นักลงทุนเหล่านั้นได้รับมาในยุคสมัยของพวกเขาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับในช่วงที่เป็นผู้ใหญ่
ถ้าหากคุณเติบโตมาในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง ต่อไปในชีวิต คุณจะลงทุนเงินของคุณในพันธบัตรน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนที่เติบโตมาในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ ถ้าหากว่าคุณบังเอิญเติบโตมาในช่วงที่ตลาดหุ้นแข็งแกร่ง ต่อไปในชีวิตคุณจะลงทุนเงินของคุณไปในตลาดหุ้นมากกว่าคนที่เติบโตมาในช่วงที่ตลาดหุ้นอ่อนแอ
2
นักเศรษฐศาสตร์เขียนว่า “งานวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า ความเต็มใจในการแบกรับความเสี่ยงของนักลงทุนส่วนบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้พบเจอมาในอดีต”
ไม่ใช่ความฉลาด การศึกษา หรือความช่ำชอง มันเป็นเพียงแค่เรื่องของโชคชะตาว่าคุณเกิดมาที่ไหนและเมื่อไหร่
เฮาเซิลเล่าว่า...
คนอเมริกันเสียเงินซื้อลอตเตอรี่มากกว่าตั๋วหนัง วิดีโอเกม เพลง การแข่งกีฬาและหนังสือทั้งหมดรวมกันเสียอีก
แล้วใครกันล่ะที่ซื้อมัน? ส่วนใหญ่คนที่ซื้อก็คือคนจนนั่นเอง
1
ครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดในสหรัฐอเมริกาเสียเงินซื้อตั๋วลอตโต้ 412 ดอลลาร์ต่อปี มากกว่ากลุ่มที่มีรายได้สูงสุดถึงสี่เท่า คนอเมริกัน 40% ไม่สามารถหาเงินจำนวน 400 ดอลลาร์ได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าคนที่ซื้อตั๋วลอตโต้จำนวน 400 ดอลลาร์เป็นคนกลุ่มเดียวกันกับที่บอกว่าไม่สามารถหาเงิน 400 ดอลลาร์ได้ในกรณีฉุกเฉิน พวกเขากำลังเดิมพันแผนป้องกันความเสี่ยงของตัวเองกับอะไรบางอย่างที่มีโอกาสถูกรางวัลใหญ่แค่ 1 ในล้าน
เฮาเซิลบอกว่านั่นเป็นสิ่งที่ดูบ้าบอสำหรับเขา และมันอาจฟังดูบ้าสำหรับคุณบางคนเช่นกัน แต่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำที่สุด คุณเองก็มีแนวโน้มที่จะไม่ใช่เช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเราหลายคนที่จะเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังจิตใต้สำนึกของคนซื้อตั๋วลอตเตอรี่ผู้มีรายได้ต่ำ
1
ต่อไปนี้คือเหตุผลที่พวกเขาได้กล่าวไว้
“พวกเราใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินเดือนชนเดือนและการเก็บออมนั้นก็ดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม โอกาสที่จะได้รับค่าจ้างสูงขึ้นของพวกเราก็ดูไกลเกินจะไขว่คว้า พวกเราไม่มีปัญญาที่จะมีวันหยุดพักผ่อนที่ดี ไม่สามารถซื้อรถใหม่ ประกันสุขภาพ หรือบ้านที่ตั้งอยู่ในย่านปลอดภัย เราไม่สามารถส่งลูกไปเรียนมหาวิทยาลัยได้โดยที่ไม่ก่อหนี้ก้อนโต...
...สิ่งของส่วนใหญ่ที่พวกคุณผู้อ่านหนังสือการเงินมีในตอนนี้หรือมีโอกาสที่จะคว้ามันมาได้ พวกเราไม่มี การซื้อลอตเตอรี่นั้นเป็นช่วงเวลาเดียวในชีวิตที่พวกเราจะสามารถมีความฝันในการได้สิ่งของดีๆ ที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วและมองไม่เห็นคุณค่าของมัน พวกเราจ่ายเงินเพื่อซื้อความฝัน และคุณก็อาจไม่เข้าใจมันเพราะคุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เราซื้อตั๋วลอตเตอรี่มากกว่าคุณ”
5
คุณไม่จำเป็นจะต้องเห็นด้วยกับการให้เหตุผลนี้ การซื้อตั๋วลอตโต้ในยามที่คุณถังแตกนั้นยังคงเป็นความคิดที่แย่
และไอเดียที่ว่า “สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่บ้า แต่เฮาเซิลบอกว่าเขาพอเข้าใจได้ว่าทำไมคุณถึงทำเช่นนั้น” เปิดเผยให้เห็นสาเหตุของการตัดสินใจทางการเงินหลายๆ อย่างของเรา
อ่านจบแล้วเป็นยังไงบ้างคะ?
สำหรับแอดเองคิดว่า...ไม่ว่าเราจะเลือกบริหารจัดการอย่างไรกับเงิน สิ่งที่สำคัญคือ ต้องไม่ทำให้ตัวเราเองเดือนร้อน ไม่ทำให้คนที่เรารักเดือดร้อน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และไม่ผิดกฎหมายค่ะ
2
ส่วนถ้าถามว่าแล้วจะเอาเงินไปลงทุนอะไรดีล่ะ? ตัวแอดเองสังเกตว่าในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน พันธบัตร ทอง คริปโต อสังหาฯ หรืออื่นๆ มักจะมีคน 2 กลุ่มเสมอ คือ คนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว ดังนั้นให้เลือกลงทุนในสิ่งที่เรามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ ดีที่สุดดีกว่าค่ะ
3
โฆษณา