16 พ.ค. 2022 เวลา 05:08 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
"แนะหนัง" ก่อนจะ TAKE OOF กันพร้อมหน้า ไปกับ TOP GUN MAVERICK
ว่ากันด้วยหนังที่เป็นตำนานอมตะ แห่งอเมริกันยุค 80s อย่าง TOP GUN ก่อนจะ TAKEOFF กันพร้อมหน้า
ไปกับ TOP GUN MAVERRICK
ย้อนกลับวันวานแห่งความเท่ห์ของ T0P GUN ภาคแรก ผู้เขียนรักและชอบหนังเรื่องนี้มากเป็นอีกเรื่องที่อยู่ในใจตลอดการ วันนี้หนังเรื่องนี้จะพาทุกท่านย้อนวันวานที่หวานหยดในยุคนั้นให้ตัวหนังกลับมามีชีวิตและทำให้เราติดปีกบินไปกับมัน
(ไม่มีประโยชน์ที่จะเป็นสอง) บทพูดหนึ่งใยหยัง
ก่อนที่จะเทคออฟกันในโรงภาพยนตร์ เราจะพากัน LANDING กลับสู่วันเก่าๆ ย้อนดูความยอดเยี่ยมที่เหนือการเวลา ของผลงานสุดอมตะ ย่าง TOP GUN ฟ้าเหนือฟ้า
ย้อนกลับไปในวัยเด็กก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงหนุ่มเจ้าบทบาทอย่าง TOM CRUISE เข้ามีเพียงสองสิ่ง คือนักแสดงกับนักบินรบ สิ่งที่ดึงดูดในใจให้เขาอยากลอยสู่เวหาไม่ใช้ภาพของสงครามแต่เป็นรูปร่างรูปทรงที่สง่างามของเครื่องบินรบ พาหะหะที่จะทำให้คนในห้องขับออกไปสู่อิสระภาพมองดูโลกในมุมมองที่ต่างจากคนทั่วไป ภาพจากห้องเครื่องในCALIFORNIA MAGZINE ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 1983
จากใจผู้สร้างอย่าง JERRY BRUCKHEIMER (ผู้อำนวนการสร้าง) วินาทีแระที่เปิดอ่าน เขาตัวสินใจยกหูหาคู่หูผู้สร้างอย่าง DON SIMPSON (ผู้อำนวนการสร้าง) ก่อนติดต่อขอซื้อเนื้อหาลิขสิทธิ์ในบทความ เพื่อนำมาดัดแปลงเป็นถาพยนตร์ สองนักเขียนบทอย่าง JACK EPPS JR. และ JIM CASH
(สองผู้เขียนบทภาพยนตร์) ได้รับคำสั่งให้เข้าไปสังเกตการณ์ในหน่วย TOP GUN โดยมี PETE “VIPER” PETTIGEW (ที่ปรึกษาภาพยนตร์) อดีตนักบินแห่งกองทัพเรือ ฉายาไวเปอร์ ที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาภาพยนตร์
ก่อนจะได้เรื่องราวของนักขับเครื่องบิน F24 อย่าง PETE MITCHELL เจ้าของฉายา (MAVERICK) สังกัดกองทัพเรือสหรัฐ ไม่ว่าจะอยู่บนฟ้าหรือบนตินเขาคือนักบินหนุ่มหัวรั้นผู้มีทักษะการบินที่มีฝีมือหาตัวจับได้ยากห้าวหารบนความฮึกเหิม MAVERICK และนักบินผู้ช่วยอย่าง NICK BRADSHAW (GOOSE)
ถูกทาบทามให้เข้าร่วมฝึกในโปรแกรมท็อปกัน ที่ท็อปกันมีเพียงเหล่านักบินชั้นยอดแนวหน้าที่ถูกคัดมาเป็นพิเศษ เพื่อฝึกการบินแบบยุทวิธีขั้นสูง ที่นั้น MAVERICK ต้องแข่งขันกับเพื่อนนักบิน รวมถึงอดีตฝังใจที่สูญเสียพ่อที่เป็นต้นแบบในชีวิตที่ตายในสงครามทุกความคึกคะนองที่ MAVERICK ทำไปไม่ใช้เพื่อโชว์เหนือใส่ใคร แต่ถว่าต้องการเป็นที่สุดเหมือนพ่อผู้เป็นตำนาน
โปรเจ็คท็อปกัน คือที่สุดในหารสร้างหนังในยุคนั้น แม้เทคโนโลยีที่มีข้อจำกัดมากมาย ทีมงานถ่ายทำที่ไม่ได้อยากถ่ายหนังแค่ใน BLUE SCREEN อย่างเดียวแต่ก็อยากได้ภาพบนฟ้าที่ผาดโผนซ่งเป็นสิ่งไม่เคยมีทีมสร้างไหนเคยทำมาก่อน ที่สำคัญคือ กองทัพเรือสหรัฐสนับสนุนทรัพยากรมาเข้าฉากอย่างมากมายล้นมือ ด้วยความหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ที่มีฉากการบินสมจริงที่สุดในโลก
นั้นคือช่วงเวลาที่ทุกคนสานฝัน กับชายนักแสดงที่มีชื่อว่า ทอม ครูช ด้วยความติใจที่มีต่อเครื่องบินขับไล่เลยทำให้เขารับข้อเสนอเล่นหนังเรื่องนี้ในทันที พร้อมหมายหมุดที่จะทำให้ท็อปกันเป็นการเฉลิมฉลอง และเชิญชูเกียรติให้กับเหล่านักบินผู้ห้าวหาญ (จดหมายรักแด่วิชาการบิน)
ท็อปกันไม่เคยวางตัวเป็นหนังแอ็คชันอย่างที่หลายๆคนเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้คือการเป็นหนังกีฬาที่ว่าด้วยเครื่องบิน การแข่งขัน ความรัก มิตรภาพ และการเสียสละ
ตลอดความยาวของหนัง 1 ชั่วโมง 50 นาที เต็มไปด้วยเรื่องราวที่จับใจผู้ชมอย่างล้นเปลี่ยมทั่งบนภาคพื้นและเหนือเวหาชักชวนให้คนคนอยากเข้ามามีส่วนร่วมในโลกของ ฟ้าเหนือฟ้า TOM KAZANSKY (ICEMAN) รับบทเป็นสุดหล่อแห่งยุค VAL KILMER (ICEMAN)
ฉากบอลเล่ย์บอลที่เป็นตำนานเดิมทีฉากนี้ที่ทำสตูดิโอหัวหมุนเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำมัยต้องมีฉากนี้ในหนังแต่ที่สุดแล้วฉากนี้ก็บรรยายตัวมันเองให้มีความเท่ห์ที่สุดจะบรรยายของเหล่านักบินหุ่นเกเรที่มาแบบล่ำๆ รวมถึงความผูกพันที่พวกเขามีให้แก่กัน หรือจะเป็นโมเมนต์แสนโรแมนติกระหว่างสองนัดแสดงอย่าง TOM CRUISE และสาวสวยในตาคมอย่าง KELLY McGILLIS (CHARLIE)
ฉากที่สุกประทับใจในหนังร่วมมากับเพราะประกอบเพราะๆติดหูอย่าง TAKE MY BREATH AWAY – BERLIN / DANGER ZONE – KENNY LOGGINS ไม่ว่าจะเป็นเพลงตรีมอย่าง TOP GUN ANTHEM HAROLD FALTERMEYER ผนวกเข้ากับการมองของผู้กำกับอย่าง TONY SCOTT (ผู้กำกับภาพยนตร์)
ที่ต้องการให้ท็อปกันเป็นที่ความบันเทิงที่อร่อยสะใจรสชาติแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ทำให้ผู้ชมยิ้มแก้มแตก พาคนดูนั่งไม่ติกกับฉากแอ็คชั่น ก่อนจะตบด้วยฉากน้ำตากับฉากซ้อมบินที่ผิดพลาด เมื่อความกระหายชัยนะของ MAVERICK มีส่วนให้ GOOSE เพื่อนสนิทต้องตายไปต่อหน้า ถึงจะสรุปว่ามันเป็นอุบัติเหตุ (ในหนังเด้อ)
กับเหตุสะเทือนขวัญในครั้งนั้น ทำให้เขาทบทวนตัวเองใหม่เมื่อภรรยาของเพื่อนของกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายวัยน่ารักที่ต้องมากำพร้าพ่อ จากนั้น MAVERICK กับเปลี่ยนไปจากคนที่ไม่เคยใส่ใจใคร ต้องกลายมาเป็นคนอบอุ่นและห่วงใยคนรอบข้าง เมื่อสงคารมมาเยือนมันไม่ได้มีแค่ความว่าชัยชนะอีกต่อไป เพราะ MAVERICK ต้องการให้ทุกคนต้อง TAKEOFF กันพร้อมหน้า
หนังที่ยืนโรงฉายในอเมริกายาวนานถึง 7 เดือน ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 525,000,000 เหรียญ ปัจจุบันภถูกบันจุเป็นหนึ่งในผลงานภาพยนตร์ชิ้นสำคัญของอเมริกา นักวิจารณ์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นภาพยนตร์ที่บันทึกภาพความเป็นอเมริกันยุค 80s ที่ดีที่สุดตลอดการเพราะทุกความเท่ห์ยังฝังอยู่ในใจของผู้ชม
หลังความสำเร็จของตัวหนังที่มากล้น แฟนๆจึงอยากให้ทำ TOP GUN ภาคต่อตามออกมา แต่ก็ยังปฏิเสธมาแล้วตั้งสามทศวรรษ เพราะยังไม่เคยเจอเรื่องราวที่ทรงคุณค่าที่จะบอกต่อ จนกระทั่งการมาถึงของ JOSEPH KOSINSKI (ผู้กำกับภาพยนตร์) ผู้กำกับมากความสามารถอย่าง TRRON LEGACY กับ OBLIVION และ JOSEPH KOSINSKI
ก็เป็นอีกคนที่รียกร้องให้ทำหนังภาคต่อ และเขาไม่ได้มามือเปล่าเพราะมาพร้อมกับไอเดียที่จะมาสานต่อตำนานของวีรบุรุษเจ้าเวหาของ MAVERICK เมื่ออดีตนักบินสุดหัวรั้นต้องมาเป็นครูสอนท็อปกัน แบ่งปันทุกวิชาทักษะที่ตัวเองมี ให้แก่นักบินรุ่นใหม่ พร้อมต่อยอดสู่ภารกิจที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนทำได้มาก่อนแต่ปัญหาก็คือนักบินรุ่นที่เขาต้องสอนมี ROOSTER (BRADLEY BRADSHAW)
ลูกชายของ GOOSE ภารกิจครั้งนี้จึงไม่ใช้แค่หาใครที่เก่งกาจมากพอ จะเป็นฟ้าเหนือฟ้า แต่ก็เป็นการปรับความสำพันที่เคยขาดสะบั้นระหว่างเจเนเรชั่น นี้ไม่ใช้ภาคต่อที่ใหญ่ในทุกด้าน แต่ทีมงานยังส่งนักแสดงเข้าไปอยู่ในค็อกพิทของเครื่องบินรบจริงๆ บันทึงทุกวินาที่ที่อยู่บนฟากฟ้าเพื่อให้ผู้ชมด้รับถึงความรู้สึกที่เหมือนว่าอยู่ในค็อกพิทจริงๆ นี้คือสิ่งที่ไม่มีหนังเรื่องไหนแคยทำมาก่อน
(ปลายทางคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คนแบบคุณไม่นานก็คงสุดทาง) บทพูดหนึ่งในหนัง
TOP GUN: MAVERICK 26 พฤษภาคม ในโรงภาพยนตร์
#จิปาถะและอรรถรส
โฆษณา