18 พ.ค. 2022 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
"6 มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่เราอาจไม่ได้เห็นหลังสงครามในยูเครน"
ยูเครนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงาม ทิวทัศน์ของโบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีหลังคาโดมสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ และตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับความกล้าหาญของชาวยูเครน
ท่ามกลางไฟสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจแล้ว สงครามอาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อโบราณสถานและโบราณวัตถุที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของยูเครนได้
วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จัก 6 มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่อาจเราไม่ได้เห็นหลังสงครามในยูเครนกัน
1. อาสนวิหารนักบุญโซเฟีย (St. Sophia Cathedral & Kyiv Pechersk Lavra)
credit pic : https://studentaffairs.duke.edu/blog/flag-week-ukraine
อาสนวิหารนักบุญโซเฟีย ตั้งอยู่ในกรุงเคียฟ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 ในช่วงที่กรุงเคียฟเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิรุสเคียฟ (บรรบุรุษของชาวรัสเซีย ยูเครน และเบลารุส) อาสนวิหารนักบุญโซเฟียเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์สำคัญ ๆ ในประวัติศาสตร์ของยูเครน เช่น พระเจ้าวลาดิเมียมหาราช พระเจ้ายาโรสลาฟ เป็นต้น
cerdit pic : Depositphoto
ภายในประกอบด้วยตัววิหาร หอระฆัง และอาคารสภานครหลวง ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของยูเครนร่วมกับอารามมหาวิหารหลวงแห่งหมู่ถ้ำพอร์จเชตกาลาฟร่า (Kyiv-Percherk Lavra) หรือ อารามหลวงแห่งหมู่ถ้ำ ที่ถูกยกย่องว่าเป็นอารามที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามไม่แพ้อารามชื่อดังแห่งอื่นในยุโรป
credit pic : https://www.dailyartmagazine.com/saint-sophia-in-kyiv/
ภายในอาสนวิหารนักบุญโซเฟียตกแต่งด้วยภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังขนาดพื้นที่รวมกว่า 3,000 ตร.ม. ส่วนใหญ่เป็นภาพเขียนเกี่ยวกับพิธีกรรมของชาวคริสเตียน เช่น ภาพเขียนพระแม่มารี , ภาพเขียนพระเยซู เป็นต้น
credit pic : https://www.tourradar.com/t/197457
2. ลวิฟ กลุ่มศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ (Lviv Historic Centre Essemble)
credit pic : https://www.google.com/search?q=lviv+historic+centre+ensemble&client=ms-android-oppo-rvo2&prmd=minv&sxsrf=ALiCzsa-HztyZtm8gC1IHkV_XrA7NNDaPw:1652846195820&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=2ahUKEwi63fryk-j3AhXeT2wGHXh1CLMQ_AUoAnoECAIQAg&biw=360&bih=664&dpr=3#imgrc=X5jHEEkzsFJg6M&imgdii=i1Go03s-I4J6PM
ลวิฟ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันตกของยูเครน เป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางวัฒนธรรมที่สำคัญของยูเครนในปัจจุบัน เมืองลวิฟก่อตั้งขึ้นเมื่อปี คศ. 1254 และไม่เคยเปลี่ยนชื่ออีกเลย
credit pic : https://destinations.com.ua/events/night-in-lviv-festival-in-july-2016
ภายในเมืองอุดมไปด้วยอนุสรน์สถานทางสถาปัตยกรรมมากมาย ถูกยกให้เป็นเมืองที่มีจำนวนสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในยูเครน เช่น อาคารศาลากลางประจำเมือง (The Town Hall) , จตุรัสไรเนค (Rynok Squre) , พระราชวังคอร์นิอาร์ค (The Kornyakt Pallace) , โบสถ์เซนต์จอร์จ , เป็นต้น
credit pic : https://destinations.com.ua/news/big-cities-life/695-lviv-city-news-december-2018-digest
หากคุณได้มีโอกาสไปเยือนเมืองลวิฟในช่วงฤดูหนาวแล้วล่ะก็ อย่าพลาดที่จะนั่งจิบกาแฟหรือไวน์ท้องถิ่นพร้อมกับนั่งชมบรรยากาศของเมืองเก่า ให้ความรู้สึกโล่งสบาย สไตล์สโลว์ไลฟ์อย่าบอกใครเลยทีเดียว
3. หมุดสำรวจโลกแห่งสตรูฟ (Struve Geodatic Arc)
credit pic : https://commons.m.wikimedia.org/wiki/File:Struve_Geodetic_Arc-113658.jpg
หมุดสำรวจโลกแห่งสตรูฟ คือหมุดที่ตั้งอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ เป็นแนวเส้นรูปสามเหลี่ยมที่ทอดยาวจากแฮมเมอร์เฟสต์บนชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกในนอร์เวย์ไปจนถึงอิสมาอิลในยูเครนริมชายฝั่งทะเลดำ มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 2,820 กม. สร้างขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสหภาพนอร์เวย์-สวีเดน และจักรวรรดิรัสเซีย
ภายหลังจากที่สหภาพโซเวียต-รัสเซียล่มสลาย ทำให้เกิดประเทศเล็กประเทศน้อยต่าง ๆ ส่งผลให้จุดต่าง ๆ บนห่วงโซ่กระจัดกระจายอยู่ครอบคลุม 10 ประเทศ ได้แก่ นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เบลารุส ยูเครน และมอลโดวา
credit pic : https://m.pantip.com/topic/41347807?
การสำรวจนี้ดำเนินการระหว่างปี ค.ศ. 1816 ถึง ค.ศ. 1855 โดยหมุดเหล่านี้สามารถวัดส่วนที่ยาวของเส้นเมดิเตอร์เรเนียนได้อย่างแม่นยำจนน่าประหลาดใจ และสามารถช่วยให้เราบอกขนาดและรูปร่างที่แน่นอนของดาวเคราะห์ และยังเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาธรณีศาสตร์และทำแผนที่ภูมิประเทศ ด้วยความสำคัญตามที่กล่าวมานี้ ทำให้หมุดสำรวจโลกแห่งสตรูฟ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2005
4. ที่พำนักของมุขนายกมหานครแห่งบูโควีนาและแดลเมเชีย (Residence of Bukovinian and Dalmatian Metropolitans)
credit pic : https://en.m.wikipedia.org/wiki/Residence_of_Bukovinian_and_Dalmatian_Metropolitans
ที่พำนักของมุขนายกมหานครแห่งลูกโควีนาและแดลเมเชีย เป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของสถาปัตย์ชาวเช็กที่มีนามว่า โจเซฟ ฮลาฟก้า ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างร่วม 18 ปี (ค.ศ.1864 - 1882)
credit pic : https://commons.m.wikimedia.org/wiki/File:The_Residence_of_Bukovinian_and_Dalmatian_Metropolitans_in_Chernivtsi_DSC_9710.JPG
นอกจากเป็นสมบัติอันล้ำค่าทางสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 19 ที่นี่ยังเป็นโรงเรียนสอนศาสนาและอารามที่สำคัญอีกด้วย ภายในประกอบไปด้วยอาราม ที่พำนัก โบสถ์สอนศาสนาและสวนสาธารณะ ความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมของที่นี่ได้รับอิทธิพลมาจากสมัยไบเซนไทน์
credit pic : https://pin.it/3RxwMln
นอกจากนี้ที่นี่ยังแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโบสถ์ออโธดอกซ์ในช่วงที่ปกครองโดยฮับส์บูร์กและสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายทางศาสนาของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอีกด้วย ปัจจุบันที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเชอร์เนฟซี (Chernivtsi National University) หากท่านไปเยือนที่นี่ในฤดูหนาว ท่านจะได้เห็นปราสาทยุคกลางที่ปกคลุมด้วยหิมะที่สวยงามดังเมืองในนิยายเลยทีเดียว
5. โบสถ์ไม้แห่งคาร์เพเทียน (Woodern Churches of Carparthian Region)
credit pic : https://en.m.wikipedia.org/wiki/Wooden_Tserkvas_of_the_Carpathian_Region_in_Poland_and_Ukraine
โบสถ์ไม้แห่งทั้ง 16 หลัง ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนคาร์เพเทียน ซึ่งอยู่ระหว่างประเทศยูเครนและโปแลนด์ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013 โดยมี 8 หลังที่ตั้งอยู่ในยูเครน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 16 - ศตวรรษที่ 19
credit pic : https://www.atlasofwonders.com/2014/03/wooden-tserkvas-carpathians.html?m=1
โบสถ์ไม้เหล่านี้สามารถจำแนกตามสถาปัตยกรรมได้ 4 แบบ ได้แก่ กาลิเชีย (ตอนเหนือของสเปน) เลมโก , บอยโก , และฮุทซุล (เลมโก , บอยโก , และฮุทซุลคือชนพื้นเมืองในเขตคาร์เพเทียน) นอกจากเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาแล้วโยสถ์เหบ่านี้ยังเป็นตัวแทนของสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่นับวันจะหาดูได้ยากขึ้นอีกด้วย
credit pic : https://www.atlasofwonders.com/2014/03/wooden-tserkvas-carpathians.html?m=1
6. เคอร์โซนีส (Chersonese)
credit pic : https://khpg.org/en/1566744112
นครโบราณทอริกเคอร์โซนีส ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของไครเมีย สร้างขึ้นโดยชาวกรีกเมื่อประมาณ 442-443 ปีก่อนคริสตกาล
credit pic : https://m.wikidata.org/wiki/Q64532917
ในยุคโบราณเคอร์โซนีสมีความสำคัญทางการเมือง การค้า และเป็นศูนย์กลางงานฝีมือของคาบสมุทรไครเมีย เมืองเคอร์โซนีสยังเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกรีกโบราณ โรมัน ไบเซนไทน์ และเคียฟรุส ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งอาคารบ้านเรือน ป้อมปราการโรมัน ระบบประปาแบบโรมัน และยังคงเหลือสิ่งปลูกสร้างจากยุคหินและยุคสำริดไว้ให้เราได้ชมอีกด้วย
credit pic : https://khpg.org/en/1593990967
นอกจาก 6 มรดกโลกทางวัฒนธรรมที่กล่าวมาแล้ว ยูเครนยังมีอีก 1 มรดกโลกทางธรรมชาติ นั่นก็คือ "ป่าบีชโบราณและป่าบีชปฐมภูมิแห่งคาร์เพเทียน" ซึ่งถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งแล้ว พวกเราคงได้แต่ภาวนาให้สงครามสงบลงโดยเร็ว และขอให้มีดกโลกทั้ง 7 แห่งนี้ ไม่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้ลูกหลานของเราได้ชื่นชมและศึกษาเรื่องราวของชาวยูเครนผ่านสิ่งปลูกสร้างที่บรรบุรุษของชาวยูเครนหลงเหลือไว้ให้
โฆษณา