Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
18 พ.ค. 2022 เวลา 10:40 • กีฬา
โววีนัม : ศิลปะการต่อสู้จากเวียดนามที่คนไทยเคยคว้าแชมป์โลก | Main Stand
โววีนัม ถือเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของเวียดนามที่มีมานานกว่า 100 ปี ไม่ต่างจากที่ประเทศไทยมีมวยไทย เกาหลีใต้มีเทควันโด หรือญี่ปุ่นมีกังฟู คาราเต้
แต่ที่น่าสนใจก็คือศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นกีฬาและเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีการจัดแข่งขันมาแล้วทั้งระดับทวีปและระดับโลก รวมถึงในซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพด้วยเช่นกัน
และที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือก่อนหน้านี้เมื่อ 15 ปีที่แล้วในสมัยที่เมืองไทยยังไม่มีใครรู้จักโววีนัม ได้มีนักกีฬาชาวไทยรายหนึ่งที่เดินทางไปคว้าแชมป์โลกได้ถึงแผ่นดินต้นกำเนิดมาแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร ติดตามได้ที่ Main Stand
จากเวียดนามสู่เมืองไทย
โววีนัม (Vovinam) ถูกคิดค้นขึ้นโดย มาสเตอร์ เหวียน ลอค ในปี 1938 เพื่อฝึกฝนให้ชาวเวียดนามได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวเมื่อครั้งที่พวกเขายังตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส
โดยผสมผสานรูปแบบการต่อสู้ที่หลากหลายในแถบเอเชียเข้ากับศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของเวียดนาม มีทั้งการเตะ การต่อย ตลอดจนการใช้อาวุธที่เต็มไปด้วยความแข็งแรงแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนช้อย รวดเร็ว ว่องไว คล้ายคลึงกับมวยไทย มวยจีน และเทควันโด
vovinamstmartin.com.au
มาสเตอร์เหวียน ลอค ได้เดินทางเผยแพร่ศิลปะโววีนัมทั่วเวียดนามจนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังนานาประเทศผ่านทางชาวเวียดนามที่อพยพย้ายถิ่นฐานหลังสงครามสงบ จนเกิดเป็นโรงเรียนสอนโววีนัมมากมายกว่า 60 แห่ง ทั้งในสหรัฐอเมริกา สเปน เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย อินเดีย อิหร่าน ไต้หวัน กัมพูชา สิงคโปร์ ฯลฯ
เมื่อเริ่มได้รับความนิยมและมีการฝึกสอนมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ โววีนัมจึงค่อย ๆ ถูกพัฒนาให้กลายเป็นกีฬามากขึ้น โดยมีการจัดชิงแชมป์ทั้งในระดับทวีปและระดับโลก จนกระทั่งในปี 2009 ที่ได้รับการบรรจุเข้าชิงชัยในศึกเอเชียนอินดอร์เกมส์เป็นครั้งแรกที่ประเทศเวียดนาม และนั่นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวไทยได้เริ่มรู้จักกับกีฬาชนิดนี้
“ตอนปี 2007 ผมเห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าในเอเชียนอินดอร์เกมส์ 2009 จะมีการบรรจุกีฬาโววีนัมเข้าไปเป็นกีฬาใหม่ มีรูปแบบคล้ายมวยไทยผสมกับเทควันโด คือสู้แบบมวยไทยแต่ให้แต้มแบบเทควันโด ผมเป็นนักเทควันโดทีมชาติอยู่แล้วเลยอยากลองอะไรใหม่ ๆ ดู เพราะตอนนั้นคนไทยยังไม่มีใครรู้จักโววีนัมเลย” ปราโมทย์ สุขสถิตย์ หรือ “โค้ชปลา” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทัพนักกีฬาโววีนัมทีมชาติไทยในปัจจุบัน กล่าว
facebook.com/Vovinam-Association-of-Thailand
ปราโมทย์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำโววีนัมเข้ามาเผยแพร่ในเมืองไทยเป็นคนแรก โดยหลังจากที่เห็นข่าวและอยากจะลองเล่นกีฬาชนิดนี้ เขาได้ค้นคว้าเพิ่มเติมจนเจอข้อมูลบนเว็บไซต์และได้ติดต่อผ่านอีเมลกับทางมาสเตอร์ เหวียน วัง จิว ซึ่งเป็นประธานสมาพันธ์โววีนัมของเวียดนามในขณะนั้น เพื่อขอเดินทางไปร่ำเรียนศาสตร์และซึมซับวิชาการต่อสู้ด้วยตนเองถึงแผ่นดินโฮจิมินห์
เมื่อไปถึงเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยฝึกฝนอยู่ที่สวนหลังบ้านของมาสเตอร์เหวียน วัง จิว อยู่นานกว่า 1 เดือน เพื่อเรียนรู้เทคนิคและทำความเข้าใจกับกฎกติกาของโววีนัมให้กระจ่างแจ้ง ก่อนจะเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อฟอร์มทีมหาคนที่สนใจมาร่วมเดินบนเส้นทางเดียวกัน โดยมีเป้าหมายคือลงแข่งขันในศึกชิงแชมป์โลก หรือ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ 2007 ที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ
แชมป์โลกคนแรก
ในขณะที่ปราโมทย์เดินทางกลับถึงเมืองไทยด้วยความฝันและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม เขาได้ไปเจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังฝึกซ้อมมวยไทยอยู่ในฟิตเนสย่านใจกลางเมืองกรุง เมื่อเห็นวี่แววและหน่วยก้านที่เข้าตาจึงไม่รอช้าที่จะบอกเล่าความฝันและชักชวนมาร่วมทีม ก่อนจะรู้ภายหลังว่าเด็กหนุ่มรายนี้มีดีกรีที่ไม่ธรรมดา
ศิริชัย มงคลเสถียรเลิศ หรือ “อั๋น” คือเด็กหนุ่มคนนั้น … ภาพในตอนนั้นเขาอาจดูเหมือนเป็นเพียงพนักงานขายสินค้าที่มาชกมวยเพื่อออกกำลังกายทั่วไป แต่หากย้อนกลับไปสมัยเด็กเขาขึ้นชื่อว่าเป็นนักมวยไทยดาวรุ่งอนาคตไกลรายหนึ่งเลยทีเดียว
อั๋นชกมวยไทยมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ หลังจากที่คุณพ่อพาไปฝากฝังตัวกับค่ายศิษย์ยอดธง ของ “ครูตุ้ย” ยอดธง เสนานันท์ บรมครูมวยของไทย พร้อมผ่านการขึ้นชกบนเวทีลุมพีนีและราชดำเนินมาแล้วภายใต้ชื่อ “ไม้ดัด ศิษย์ยอดธง” และ “มังกรฟ้า ลูกทัพฟ้า”
โดยเคยทำสถิติชกชนะ 10 ไฟต์รวด และน็อกถึง 6 ไฟต์ ไม่แพ้ใคร ก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้วงการตอนอายุ 14 เนื่องจากเบื่อกับการฝึกซ้อม อยากจะออกไปใช้ชีวิตอิสระเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นทั่วไป
การที่เขาได้มาเจอกับโค้ชปลาและได้รู้จักกับกีฬาโววีนัมจึงเหมือนเป็นการปลุกจิตวิญญาณนักสู้ให้กลับมามีความท้าทายอีกครั้ง
“ตอนนั้นผมอายุ 24 แล้ว หลังจากเลิกชกมวยไทยก็ไม่เคยชกรายการอะไรเลย โค้ชปลาเขาคงเห็นแววเราเลยชวนไปคัดตัวเป็นนักกีฬาโววีนัม
ตอนแรกผมไม่รู้จักเลย โค้ชปลาก็บอกว่ามันเหมือนมวยไทยเลยแค่ห้ามตีเข่ากับฟันศอก เลยลองเปิดคลิปดู มีการกระโดดหนีบ กระโดดถีบขาคู่ด้วย เหมือนเทควันโดผสมมวยไทยผสมกังฟู คิดว่ามันน่าสนใจดี ผมชอบกีฬาต่อสู้อยู่แล้วด้วย คิดว่าน่าจะไปได้ เลยตัดสินใจว่าจะลองไปคัดตัวดู” ศิริชัย เผยถึงวินาทีแรกที่ทั้งคู่ได้มาพบเจอกัน
เด็กหนุ่มตัดสินใจไปคัดตัวที่มหาวิทยาลัยมหิดลตามคำเชิญก่อนจะได้ติดทีมเข้าเก็บตัวเพื่อเตรียมความพร้อมเดินทางไปแข่งขันศึกชิงแชมป์โลก 2007 ที่เมืองโฮจิมินห์ ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่ที่ติดมาด้วยล้วนแต่เป็นนักมวยไทยอาชีพและนักเทควันโด อาทิ บิ๊กเบน ช.พระราม 6 กำปั้นดีกรีแชมป์เวทีราชดำเนิน และ วิชิต สิทธิกัณฑ์ หรือ “โค้ชชิต” ผู้ฝึกสอนกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยในปัจจุบัน
“เป็นนักมวยไทยปรับตัวง่ายเลย ต่อยเหมือนกัน มีอัปเปอร์คัท มีเตะหัวเหมือนกัน ถีบก็ได้ แค่ห้ามเตะขา ห้ามตีเข่า ห้ามฟันศอก และมีท่าเฉพาะของโววีนัมที่ต้องบังคับใช้ในการแข่งขันด้วยเท่านั้น ตอนนั้นผมเอาจริงเอาจังเลย
ถึงแม้จะเป็นกีฬาที่ไม่นิยม ยังเป็นแค่ชมรมไม่มีสมาคมรองรับ ไม่มีเบี้ยเลี้ยงฝึกซ้อม ค่าเครื่องบิน ค่าอาหาร ต้องสปอนเซอร์ตัวเองหมด ไปด้วยใจล้วน ๆ แต่ก็ได้ไปแข่งในนามทีมชาติไทย ได้ความภาคภูมิใจและได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วย”
“พอไปถึงเวียดนาม ตื่นเต้นมาก เขามีการโปรโมต ติดธงตามถนน คนดูให้ความสนใจเข้ามาดูเป็นร้อย มีการถ่ายทอดสดด้วย ส่วนนักกีฬาที่เข้าแข่งขันก็มีหลายประเทศทั้ง เวียดนาม เยอรมนี รัสเซีย เบลเยียม ฝรั่งเศส บูร์กินาฟาโซ” ศิริชัย เล่าย้อนถึงความหลัง
แม้จะแข่งโววีนัมอย่างเป็นทางการครั้งแรก แต่ทักษะด้านมวยไทยที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็กของอั๋นก็ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยรอบแรกพลิกสถานการณ์ทำแต้มแซงเฉือนชนะรัสเซียไปอย่างหวุดหวิดทั้งที่ตอนออกสตาร์ทเป็นฝ่ายโดนไล่ถลุงอยู่ข้างเดียวจนเมาหมัดสะบักสะบอม
ก่อนที่รอบสองจะโชว์เตะก้านคอชนะน็อกคู่แข่งจากเบลเยียมไปอย่างไม่ยากเย็น ผ่านเข้าสู่ตัดเชือกไปเจอนักกีฬาไทยด้วยกันเอง แต่รุ่นน้องได้เสียสละให้เจ้าตัวชนะบายเข้ารอบเพื่อที่รักษาความสมบูรณ์ของร่างกายเอาไว้ เนื่องจากรอบชิงชนะเลิศต้องพบกับเจ้าตำรับอย่างเวียดนาม
“พวกยุโรปจุดเด่นคือใช้หมัดได้ดีและตัวใหญ่ ส่วนเวียดนามเขาจะครบเครื่องทั้งหมัดทั้งเตะ และมีลูกเล่นมีเทคนิคที่เยอะกว่า เพราะเขาฝึกมาทางนี้โดยเฉพาะ เช่น การกระโดดหนีบ หมัดกลับหลังชก ซึ่งเขาจะทำได้ดีกว่าพอสมควร”
“พอถึงรอบชิงฯ สิ่งที่ผมคิดคือถ้าไม่ชนะน็อกก็คงแพ้อยู่ดี เพราะเขาเป็นเจ้าภาพด้วยเป็นต้นตำรับด้วย ตอนแข่งปกติเราต้องใส่สนับแข้งกันเจ็บเอาไว้ แต่ผมถอดออกเลย เพราะคิดว่าแมตช์สุดท้ายแล้วเป็นไงเป็นกัน”
“ปรากฏว่าไอแข้งของผมที่ต่อยมวยไทยมาเนี่ยมันแข็งกว่า พอเขาเตะมาผมยกบังแล้วก็เตะสวนไป ขาเขาเหมือนจะกระดูกแตกจนลุกมาสู้ต่อไม่ไหว ผมก็เลยชนะน็อกตั้งแต่ยกแรก ได้เหรียญทองมา ดีใจมาก” อั๋น กล่าวด้วยในหน้าภาคภูมิใจ
หลังจากสร้างชื่อเป็นนักโววีนัมไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ อั๋นเฝ้าฝันถึงอนาคตอันสดใสที่รออยู่ข้างหน้าเพราะนอกจากจะมีแข่งในเอเชียนอินดอร์เกมส์ 2009 แล้ว ยังมีบรรจุในซีเกมส์ 2011 ที่อินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพด้วยเช่นกัน … แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ความฝันพังทลาย
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น “แชมป์โลก” แต่อั๋นและวงการโววีนัมไทยก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เขาไม่ได้รับรางวัลหรือเงินอัดฉีดใด ๆ จากภาครัฐและเอกชน แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ย่อท้อมุ่งมั่นฝึกซ้อมต่อเพื่อรอเข้าชิงชัยใน 2 ทัวร์นาเมนท์ที่รออยู่ข้างหน้า
“หลังจากคว้าแชมป์โลกกลับมาก็ไม่มีโปรแกรมแข่ง ผมได้แต่ฝึกซ้อมและต้องทำงานควบคู่กันไปด้วย ระหว่างซ้อมก็คิดตลอด เอาเว้ย อีก 2 ปีก็จะได้แข่งแล้ว จนถึงช่วงก่อนเปิดเอเชียนอินดอร์เกมส์ ซึ่งทางเวียดนามก็ส่งหนังสือเชิญเราไปแข่งพร้อมเตรียมออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป”
“ตอนนั้นเราเป็นเพียงชมรมไม่ได้เป็นสมาคม ยังไม่มีสมาคมโววีนัมแห่งประเทศไทย ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยจะส่งเราไปแข่งในนามชมรมมันไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ให้เราไปแข่ง ผมเลยผิดหวัง ก็ไม่รู้จะเล่นไปทำไม ไม่มีเงินสนับสนุน ไม่มีอนาคต ก็เลยเลิกเล่นไปเลย” ศิริชัย เผยถึงวินาทีที่ยุติเส้นทางการเป็นนักโววีนัมของตัวเอง
การตัดสินใจเลิกเล่นโววีนัมของอั๋นซึ่งมีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกได้สะท้อนภาพของกีฬาชนิดนี้ในเมืองไทยเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากเลิกเล่นเจ้าตัวก็แทบจะปิดรับข่าวสารทุกอย่างไปเลยเช่นกัน
โดยเปลี่ยนไปลองเล่น MMA ต่ออยู่พักหนึ่ง ก่อนผันตัวมาทำธุรกิจเปิดศูนย์ฟิตเนสเพื่อสุขภาพ ดูแลรักษาอาการบาดเจ็บโดยการออกกำลังกาย สำหรับ บุคคลทั่วไป ผู้สูงวัย คนท้อง ตลอดจนคนที่มีโรคประจำตัว ในชื่อ “โค้ชอั๋น Exclusive Rehab Gym” บริเวณแยกอสมท. ถนนพระราม 9 จนถึงปัจจุบัน
facebook.com/Vovinam-Association-of-Thailand
เช่นเดียวกับ “โค้ชปลา” เขาผิดหวังไม่ต่างจากลูกศิษย์ แม้จะพยายามยื้อเพื่อหวังก่อตั้งสมาคมต่ออยู่อีก 2 ปีแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและต้องเลิกเล่นไปเช่นกัน … ทั้งผู้บุกเบิกและนักกีฬาแชมป์โลกต่างเลิกเล่นกันหมดเพราะไร้การสนับสนุน โววีนัมในเมืองไทยจึงแทบจะสูญสลายหายไปเลยเช่นกัน
กระทั่งในปี 2014 สันติภาพ อินทรพัฒน์ อดีตนายกสมาคมมวยไทยแห่งประเทศไทย และประธานสหพันธ์มวยไทยแห่งเอเชีย (ฟามา) ได้ให้ความสนใจและต้องการที่จะฟื้นฟูกีฬาโววีนัมในเมืองไทยให้กลับมามีการแข่งขันอีกครั้ง จึงได้เชิญ “โค้ชปลา” มาร่วมงานในฐานะผู้ฝึกสอน
ทั้งคู่พยายามเดินหน้าทำเรื่องจัดตั้งสมาคมต่อทันที ควบคู่กับการจัดแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย เพื่อเฟ้นหานักกีฬาส่งแข่งขันในระดับนานาชาติทั้งชิงแชมป์อาเซียน ชิงแชมป์เอเชีย จนถึงชิงแชมป์โลก
1
ตลอดจนระดับเยาวชนอย่างกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน จนเริ่มมีผลงานต่อเนื่องและได้รับการจดทะเบียนก่อตั้งเป็น “สมาคมกีฬาโววีนัมแห่งประเทศไทย” สำเร็จในปี 2018 โดยมีเป้าหมายคือส่งชิงชัยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม
facebook.com/Vovinam-Association-of-Thailand
“หลังก่อตั้งสมาคมได้สำเร็จ ได้รับการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย โววีนัมในเมืองไทยก็เหมือนก้าวกระโดด เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งเราต้องส่งแผนการทำงานให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีการจัดอบรมผู้ฝึกสอน จัดชิงแชมป์ประเทศไทยเพื่อคัดเลือกนักกีฬาอันดับ 1-3 มาเก็บตัวเข้าแคมป์ทีมชาติ”
“ถัดมาในปี 2019 เราส่งนักกีฬาไปแข่งขันชิงแชมป์โลกอีกครั้ง ได้มา 3 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง ได้อันดับ 4 จาก 27 ประเทศ ซึ่งถือว่าดีกว่าปี 2007 ที่ได้เพียง 1 เหรียญทองจากอั๋นแค่คนเดียว และได้อันดับ 6 จาก 24 ประเทศ ทุกอย่างพัฒนาขึ้นมากก่อนจะมาชะลอเพราะโควิด” โค้ชปลา กล่าว
แม้จะมีการพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน แต่คำถามที่ทุกคนคงอดสงสัยไม่ได้ก็คือ กีฬาชนิดนี้จะยั่งยืนขนาดไหน เพราะแม้จะมีการจัดแข่งระดับโลกแต่ก็ไม่ได้เป็นกีฬาอาชีพ แถมยังไม่มีชิงชัยในเอเชียนเกมส์และโอลิมปิก … หรือพูดง่าย ๆ ว่าเราจะมาเล่นโววีนัมไปเพื่ออะไรเพราะยังมีกีฬาอีกหลายประเภทที่ดูมีอนาคตสดใสมากกว่า ?
เส้นทางที่ต่อยอด
อย่างที่กล่าวไปในว่าเวียดนามถือเป็นต้นตำรับของกีฬาโววีนัม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พลาดที่จะบรรจุกีฬาชนิดนี้ลงบนผังชิงชัยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ตนเองเป็นเจ้าภาพ โดยจัดชิงชัยมากถึง 15 เหรียญทอง (แถมยังจัดแข่ง 5 วันสุดท้ายเพื่อหวังโกยเหรียญทองในช่วงปลายเสียด้วย) มีทั้งประเภทต่อสู้ 6 เหรียญทอง และการแสดงโชว์ทักษะ ท่ารำมือเปล่า รำประกอบอาวุธ ตลอดจนการแสดงคิวบู๊แบบคู่และกลุ่ม 4 คน อีก 9 เหรียญทอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือการเป็นเจ้าครั้งนี้ของเวียดนามอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กีฬาโววีนัมถูกต่อยอดอย่างยั่งยืนมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งต่อไปปี 2023 คือ กัมพูชา ที่มีความนิยมในกีฬาชนิดนี้ไม่แพ้กัน ต่อด้วยปี 2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งตามกฏมนตรีซีเกมส์กีฬาชนิดไหนที่ถูกจัดแข่งต่อเนื่อง 3 ครั้งติดต่อกันก็มีโอกาสสูงที่จะได้บรรจุในผังซีเกมส์ไปตลอด
“ในปี 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ เราซึ่งเป็นสมาคมกีฬาแห่ง
ประเทศไทยแล้วก็คงบรรจุกีฬาโววีนัมด้วยแน่นอน ตรงนี้จะเป็นก้าวสำคัญอย่างมาก เพราะหลังจากนั้นหากได้มีบรรจุในซีเกมส์อย่างถาวรก็จะมองถึงเอเชียนเกมส์ต่อได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องอยู่ที่ประเทศเจ้าภาพและประเทศสมาชิกที่อยู่ในสหพันธ์โววีนัมเอเชียว่าแข็งแรงพอไหม” โค้ชปลา กล่าว
เฮดโค้ชโววีนัมไทยยังเผยต่อว่าปัจจุบันนี้กีฬาโววีนัมได้รับการพัฒนาขึ้นมาก มีการแสดงแต้มบนสกอร์บอร์ดไฟฟ้าชัดเจน ต่างจากแต่ก่อนที่อาศัยเพียงการชูธงหลังจบยกโดยที่นักกีฬาไม่รู้เลยว่าตนเองมีแต้มนำหรือตามอยู่เท่าไหร่ เช่นเดียวกับกฏกติกาต่าง ๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น จนเริ่มมีผู้สนใจเริ่มต้นฝึกเบสิคของโววีนัมล้วน ๆ แล้วเช่นกัน
จุดเด่นและจุดขายของโววีนัมก็คือท่าเฉพาะตัวที่เรียกว่า “ดอง ชิง ถัง กัง” เช่นการกระโดดใช้ขาหนีบ หรือการกระโดดถีบขาคู่
ชมท่าทางได้ที่
youtube.com
21 ท่า Don chan tan cong (DCTC) ดอง ชิง ถัง กัง ของ กีฬา Vovinam (โววีนัม)
21 ท่า Don chan tan cong (DCTC) ดอง ชิง ถัง กัง ของ กีฬา Vovinam (โววีนัม)“𝑫𝒐𝒏 𝒄𝒉𝒂𝒏 𝒕𝒂𝒏 𝒄𝒐𝒏𝒈 “ (𝑫𝑪𝑻𝑪)🤼♂️ ทั้งหมด 21 กระบวนท่าวันนี้เรามาด...
ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ทั้งโค้ชปลาและอั๋นมองว่าสามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ในการเป็นนักแสดงหรือสตั๊นท์แมนในอนาคต และสามารถฝึกได้ตั้งแต่เด็กจนถึงอายุ 50-60 ปี
“พวกท่าบังคับต่าง ๆ นี่ถือเป็นจุดขายเลย แต่ละท่าสวย ๆ ทั้งนั้น ยิ่งถ้าได้ดูการแข่งประเภทโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์ที่มีบทมีคิวบู๊ยิ่งตื่นตาตื่นใจ ผมมองว่าท่าพวกนี้สามารถต่อยอดไปใช้ในการแสดงหรือเป็นสตั๊นท์แมนได้เลย มันมีเสน่ห์เฉพาะตัวจริง ๆ เป็นแนวใหม่ที่ไม่ค่อยมีใครเห็นการต่อสู้สไตล์นี้”
“กีฬาทุกอย่างมันก็ดีหมดแหละ เราไปเล่นก็ได้สุขภาพเป็นอันดับแรก ถือเป็นกำไรแล้ว ยิ่งถ้าเป็นกีฬาต่อสู้ก็ได้ใช้ป้องกันตัวเองได้ด้วย ทำให้ร่างกายตัวเองแข็งแรง อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะต้องได้เงินทองชื่อเสียงกลับมาอย่างเดีย แค่เราชอบและสนุกก็พอแล้ว” อั๋น แชมป์โลกโววีนัมคนแรกของไทยทิ้งท้าย
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย