20 พ.ค. 2022 เวลา 13:43 • ความคิดเห็น
เมื่อเราจะอ่านคนอื่น เค้าก็คน เราก็คน ต้องถามตัวเองก่อนว่า ..เราจะเอา ..จิตใจแบบไหน จิตที่ประกอบด้วยอารมณ์ของเราไปอ่านหรือ หรือ ว่าเราจะทำใจนิ่งๆ อ่าน ..นิ่งเพื่อที่ดู..ตัวอย่างของกายวาจาใจ ..ที่แสดงพฤติกรรม ตามกิริยาของกายวาจาใจที่มีอารมณ์เกิดขึ้นมาครองสติ ครองใจของเค้า..เราดูเราอ่านเพื่อสศึกษาเรื่องราวของอารมณ์ เพื่อที่จะกลับมาสอนตัวเอง เมื่อเค้าแสดงอารมณ์ไม่ดี เราก็อย่าไปทำแบบเค้า
แล้วเมื่อตาเราไปมองเค้า ที่กำลังแสดงกิริยาของอารมณ์ เราสามารถที่จะทำจิตของเราให้นิ่งได้หรือไม่ เพื่อที่มองอ่านอารมณ์นึกคิดอะไร ที่เกิดขึ้นที่กายเราของเรา เรามองอารมณ์นึกคิดที่กายเรา เราสามมารถอ่านอารมณ์ของเราออกมั้ย อ่านอารมณ์ว่าดีหรือไม่ดี มันมีอาการอย่างไร แล้วเราจะหยุดยั้ง อารมณ์ที่กายหรือสลัดอารมณ์นั้นออกจากจิตได้หรือไม่
หากมีอารมณ์นึกคิด เนื่องด้วยสิ่งที่เราจะไปมองเค้า อารมณ์นั้นก็มาเกิดที่เรา เช่น เราไปมีคนมาด่าเรา เราก็จะมีทิฐิเกิดที่เรา มาด่าว่าฉันทำไม ..ฉันอยู่ของฉันดีๆ ทิฐิมันก็เกิดที่เรา อาจจะโมโหโกรธาเกิดขึ้น ..ทั้งที่เราก็รู้ว่า โกรธนั้นไม่ดี แล้วเราหยุดโกรธได้มั้ย ฉะนั้น ก่อนที่เราจะไปอ่านใคร อ่านอารมณ์ใคร เราก็ต้องรู้จักจิตของตัวเราเอง อ่านจิตของตัวเองให้ได้เสียก่อนก็เป็นการปลอดภัย
เมื่อเรารู้จักอ่านจิตอ่านใจเราเป็น อ่านอารมณ์ที่ตัวเราเป็น เราก็สามารถอ่านอารมณ์ คนอื่นได้ ซึ่งบางครั้ง สีต่างๆที่ตํวคน..ก็แสดงออกมา เป็นสีดำสีม่วง..สีชี้กรรม แสดงให้เห็นชั่วขณะหนึ่ง
เราก็ต้องสามารถสำรวมจิต ระมัดระวังวิญญาณตาหูของเรา ควบคุมกายวาจาใจ ของเรา เตือนสติว่า เรากำลังดู..ดูตัวละครที่กำลังแสดงบทบาท การกระทำที่อารมณ์กรรมกำกับให้แสดง เราก็ดูเฉย..แล้วก็เตือนสติของเรา ว่าเค้ากำลังแสดงให้เราดูให้จิตเราศึกษา
หากเราเผลอไปว่า ไปติเตียน..ผู้ที่แสดง เห็นว่าตัวเองดีแล้ว นั้นก็กรรมของเราอีก อารมณ์นั้นก็จะย้อนเข้าสู่จิตของเรา ให้นิ่งเฉยไม่ได้ ..ก็จะมีอารมณ์กรรมอย่างเค้า เราก็เป็นๆเหมือนที่เค้า ..ดีหรือไม่ดี ..
..เค้าก็เป็นกระจกให้เราดู …ว่าเรามีสิ่งที่ดี หรือไม่ดีในตัวตนของเรา แล้วเราสลัดมันออกจาก กายวาจาใจของเราได้หรือไม่ ..เรามีตัวดีตัวร้าย..อยู่ในตัวตนของเราหรือไม่ ถ้ามีตัวร้ายๆ เราจะจัดการอย่างไรกับตัวเรา ที่จะละตัวร้ายนั้นออกไป หรือเห็นว่าเป็นเรื่องปกตินิสัยเวรกรรมของตัวเราเอง เราก็จมอยู่ตรงที่เห็นตัวเองดีแล้วนั้นเอง ไม่สามารถแก้ไขตัวเราได้ เพราะมันยึดดี หลงว่าดีแล้ว เลยไม่กลับมามองตัวเอง
เรื่องการอ่านนี้ ถ้าจิตของเรา..ไม่ฝึกสติ จิตไม่มีสมาธิ ควบคุมกายวิญญาณของเรา
สิ่งที่เกิดขึ้น ..ตาของเราหูของเรานั้นแหละ ที่จะไปรับอารมณ์ ไปสัมผัสอารมณ์ของเค้า แล้วอารมณ์ของเราก็จะเกิด..ตัวเห็นเค้าไม่ดี ..เห็นเค้าผิด..ตำหนิติเตียน ถ้าดี..ก็ชื่นชมสรรเสริญ..เราก็ต้องควบคุมกายของเราทั้งหมดให้ดี …จิตเราต้องนิ่งเฉยได้ถึงจะดี ..ไม่เช่นนั้น..เราก็จะไม่คล้องเวรกรรมกับเค้า คือ อารมณ์ที่ผุดขึ้นที่ตัวเรา แล้วเราก็อ่านตัวเองไม่ได้
สิ่งที่ปลอดภัย..ก็คือ อ่านอารมณ์ของตัวเอง รู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเอง อารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเอง นั้นแหละที่เป็นศัตรูของจิตเราเอง เกิดมาทุกภพทุกชาติ ..ก็เพราะอารมณ์นั้นแหละ เพราะเราหลงใหลอารมณ์ นำพาจิตสร้างแต่กรรม ..ทำอย่างไรจิตจึงจะหยุดยั้งอารมณ์ รู้จักอารมณ์ ละอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตัวตนที่เราอาศัยได้เสียทีน่ะ จิตจะได้เบาบางจากเวรกรรม
สิ่งที่จะช่วยเหลือให้จิตเรามีกำลัง ดูแลจิตใจเราเอง รู้จักอารมณ์ของเราเองได้ นั้นก็คือเรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมี เพื่อให้จิตของเรามันโตขึ้นมา จิตน้อยๆโตด้วยบุญกุศล หล่อเลี้ยงจิต เพราะเบื้องหลังของอารมณ์นั้น ก็คือกรรม ..เราจึงอาศัยบุญกุศลช่วย คือสร้าง กายให้มีบุญจิตเรามีบุญ กายก็แข็งแรง จิตก็แข็งแรง เพราะมีบุญกุศลหนุนนำทั้งกายทั้งจิต มิใช่ให้กายมีแต่กรรม
1
คนเจ้าอารมณ์ ..คนที่มากมายด้วยอารมณ์ ก็มากกรรม มีกรรมมาก..เค้าจึงว่า ขี่หงุดหงิด ขี้รำคาญ ขี้โมโห ชี้เกียจ .มันจึงมีแต่ของไม่ดีทั้งนั้น ใครมันอยากอยู่ใกล้..คนอยู่ใกล้ชิด มันจะมีความสุขมั้ย แล้วเราก็ พิจารณาเหตุผลได้ว่าดีหรือไม่ดี แล้วคนที่มีบุญเค้ามีแบบนี้มั้ย
แล้วมันก็เรื่องแปลก ..คนมีกรรมมาก..ก็ไม่เข้าใกล้คนมีบุญ เป็นเพราะอะไร..เป็นเพราะคนมีกรรมมาก ..เข้าใกล้คนมีบุญ ยิ่งมีบารมีด้วยแล้ว ..พวกคนมีแต่กรรม เค้าก็ร้อนเวรร้อนกรรม คือ อารมณ์กรรม ที่เกิดขึ้นเผาใจเค้าเอง เมื่อไปเข้าใกล้คนมีกุศลบารมี เหมือนกับ ว่าคนหนึ่งต้องการสร้างแต่กรรม อีกคนหนึ่งสร้างบุญบารมีหนีกรรม จิตมันต่างสีกัน มันก็เลยเข้าใกล้กันไม่ได้ นี่ก็เป็นเรื่องของจิตศึกษาจิตอีกเหมือนกัน
โฆษณา