22 พ.ค. 2022 เวลา 04:22 • สุขภาพ
วิเคราะห์และรู้จริง เรื่องฝีดาษลิง : 5 ประเด็นที่เบาใจ และ 5 ประเด็นที่น่ากังวล
1
ฝีดาษลิง (Monkeypox) เกิดจากไวรัสคนละชนิดกับฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ (Smallpox) แต่เป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกัน (Orthopoxvirus)
ขณะนี้พบการระบาดเป็นกลุ่มย่อย(Outbreak ) ใน 12 ประเทศนอกทวีปแอฟริกาได้แก่ สเปน โปรตุเกส อังกฤษ อิตาลี แคนาดา เบลเยียม ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สวีเดน เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์
ฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อในสัตว์เป็นหลัก มักติดระหว่างสัตว์สู่สัตว์ มีมาตั้งแต่ปี 2501 พบเฉพาะในทวีปแอฟริกา
โดยเริ่มจากลิงแอฟริกา และต่อมาพบในหนู กระรอก กระต่าย ที่เป็นกลุ่มสัตว์ฟันแทะ
พบติดต่อมายังคนนอกทวีปแอฟริกาที่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2546 และการระบาดหรือติดเชื้อในคนก็เริ่มมีประปราย ไม่ได้กว้างขวางทั่วโลก
องค์ความรู้เรื่องฝีดาษในคน ได้ลดน้อยถอยลงเป็นลำดับ เพราะมนุษย์เราได้ช่วยกันระดมปลูกฝีป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษ และสามารถกำจัดไข้ทรพิษให้หมดไปจากโลกได้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
1
จึงไม่มีการปลูกฝีหรือฉีดวัคซีนฝีดาษแล้ว และไม่มีการเรียนการสอน ตลอดจนไม่มีเคสผู้ป่วยให้รักษาในวงการแพทย์ทั่วโลก
1
ส่วนฝีดาษลิง ก็มีองค์ความรู้ที่จำกัด เพราะพบในคนน้อย ส่วนใหญ่จะพบในสัตว์ของแอฟริกา
1
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมวลองค์ความรู้ทั้งหมดเท่าที่มีอย่างจำกัด พอสรุปได้ว่า
5 ประเด็นที่เบาใจ ได้แก่
1
1) ไวรัสก่อโรคฝีดาษลิง จะกลายพันธุ์ได้น้อยและไม่บ่อย เพราะเป็นสารพันธุกรรมคู่หรือ DNA แตกต่างจากไวรัสก่อโรคโควิดซึ่งเป็นสารพันธุกรรมเดี่ยวหรือ RNA
1
จะเห็นได้ว่า โควิดผ่านมาสองปี มีการกลายพันธุ์ไปแล้วกว่า 1000 สายพันธุ์
ในขณะที่ฝีดาษลิง มีการติดเชื้อมาแล้ว 50 ปี วันนี้ตรวจพบก็ยังเป็นสายพันธุ์เดิม
2) ความสามารถของไวรัสในการแพร่ระบาดไม่สูงมากนัก ผ่านมา 50 ปีแล้ว ก็ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยไม่มากนัก ในขณะที่โควิดติดเชื้อหลายร้อยล้านราย
3) การติดต่อนั้นค่อนข้างลำบาก ต้องเกิดจากการสัมผัสโดยตรง เช่น สัมผัสผู้ป่วยที่มีตุ่มหนอง สัมผัสสิ่งคัดหลั่ง หรือกรณีไปทานเนื้อสัตว์ดิบที่มีเชื้อ เป็นต้น
4) วัคซีนและยาที่ใช้กับผู้ติดฝีดาษคน พอจะนำมาใช้กับฝีดาษลิงได้ คาดว่าน่าจะได้ผลในระดับ 85%
5) ประเทศไทยยังไม่พบเคสฝีดาษลิง
5 ประเด็นที่น่ากังวล ได้แก่
1) ในช่วงนี้เกิดมีการระบาดนอกทวีปแอฟริกามากถึง 12 ประเทศ พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้กลับมาจากแอฟริกา ทำให้องค์การอนามัยโลกต้องเรียกประชุมด่วนเพื่อพิจารณาเรื่องนี้แล้ว รวมทั้งประเทศไทยด้วย
2) เริ่มพบข้อเท็จจริงของการติดจากคนสู่คนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรักร่วมเพศ
3) มีแนวโน้มที่ชวนให้สงสัยว่า ไวรัสอาจติดต่อผ่านทางอากาศได้ (Airborne)
6
บางประเทศเริ่มแนะนำ ให้บุคลากรทางการแพทย์ ระมัดระวังการติดทางอากาศจากผู้ป่วยฝีดาษลิง
4
4) วัคซีนที่ใช้เพื่อป้องกันฝีดาษลิงโดยตรง ต้องใช้เวลาในการพัฒนาและผลิตเพื่อให้มีจำนวนเพียงพอในกรณีถ้ามีการระบาดจริง
1
5) อัตราการเสียชีวิตของฝีดาษลิง สูงกว่าโควิดประมาณ 10 เท่า คือ 1-10% (อย่างไรก็ตามก็รุนแรงน้อยกว่าฝีดาษคนประมาณ 3-10 เท่า)
1
กล่าวโดยสรุป
1
1) ฝีดาษลิงเป็นคนละโรคกับฝีดาษคนหรือไข้ทรพิษ
2) ฝีดาษลิงติดต่อยาก มักเกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคโดยตรง ยังไม่มีข้อสรุปว่าติดต่อผ่านทางอากาศได้
3) ขณะนี้มีการติดฝีดาษลิงไปแล้ว อย่างน้อย 12 ประเทศ
2
4) แหล่งของไวรัส ได้แก่ ลิงแอฟริกา หนู กระรอก กระต่าย Prairie Dog
5) วัคซีนฝีดาษคน น่าจะช่วยป้องกันฝีดาษลิงได้ประมาณ 85%
6) ยังไม่พบฝีดาษลิงในประเทศไทย และเราเลิกปลูกฝีมา 50 ปีแล้ว คนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี จึงไม่มีภูมิคุ้มกัน
ส่วนบางคนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี แล้วมีแผลเป็นคล้ายปลูกฝี เป็นการปลูกฝีหรือให้วัคซีนวัณโรค ไม่ใช่ฝีดาษ
1
อ่านเพิ่มเติม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา