24 พ.ค. 2022 เวลา 10:25 • การเมือง
ปรากฎการณ์ “Landslide” สัญญาณความเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย!!??
แม้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะเป็นเพียงการเลือกตั้งท้องถิ่นของพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่การเลือกตั้งครั้งนี้กลับส่งสัญญาณอย่างรุนแรงต่อการเลือกตั้งทั่วไปและกระแสความนิยมทางการเมืองโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร
ชัยชนะของ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อาจไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายสำหรับคนในวงการการเมือง เพราะส่วนใหญ่รู้ผลสำรวจความคิดเห็นกันแต่แรกแล้วว่า ดร.ชัชชาติ “มาแน่” แต่ที่เกินความคาดหมายถือตัวเลขคะแนนที่ ดร.ชัชชาติ ได้รับสูงถึง 1,384,698 คะแนน คิดเป็น 54% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แถมยังเป็นการชนะการเลือกตั้งแบบยกจังหวัด 50 เขตของกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นตัวเลขประวัติศาสตร์ที่ยังไม่เคยมีใครทำได้
ที่สำคัญหากรวมคะแนนของผู้สมัครฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่เอารัฐประหาร 3 คน ได้แก่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคก้าวไกล และ น.ต.ศิธา ทิวารี จากพรรคไทยสร้างไทย รวมกันแล้วมีคะแนนรวมสูงถึง 1,710,720 คะแนน คิดเป็น 65% ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ในขณะที่ผู้สมัครฝ่ายขวาอีก 4 คนนั้นรวมกันมีคะแนนรวมเพียง 777,746 คะแนน คิดเป็น 29% เท่านั้น ซึ่งปรากฎการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ
เมื่อพิจารณาไปที่สัดส่วนจำนวน ส.ก. ผลก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดนัก โดยพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย อย่าง เพื่อไทยได้ ส.ก. 20 เขต ก้าวไกลได้ 14 เขต และ ไทยสร้างไทยได้ 2 เขต รวมแล้วได้ ส.ก. มาถึง 36 จาก 50 เขต คิดเป็นสัดส่วนถึง 72% ของจำนวน ส.ก.
ปรากฎการณ์ “Landslide” ที่เกิดขึ้นนี้แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะออกมาประกาศว่า เป็นเพียงการเลือกตั้งจังหวัดเดียว ไม่สามารถบอกอะไรกับคะแนนนิยมของรัฐบาลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ นั้นสามารถวัดคะแนนนิยมของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
อย่าลืมว่าในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส. มากที่สุดในกรุงเทพฯ คือ พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ ส.ส. กรุงเทพฯ ไปถึง 12 จาก 30 เขต แต่ในการเลือกตั้ง ส.ก. ครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ ได้ที่นั่งมาเพียง 2 เขตเท่านั้น
นี่จึงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสของพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างมากในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายในเวลาประมาณ 1 ปีจากนี้ นับจากอายุของรัฐบาล
ด้านพรรคประชาธิปัตย์เองแม้จะได้ ส.ก. มา 9 เขต แต่สถานการณ์ของพรรคก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ เพราะฐานเสียง ส.ก. ของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการครองพื้นที่กรุงเทพฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ล่าสุดต้องยอมรับว่าฐานเสียงที่แข็งแกร่งในระดับท้องถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์นั้นหายไปเป็นจำนวนมาก แถมยังต้องเสียพื้นที่ ส.ก. หลายเขตให้กับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
ที่สำคัญคือในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 นั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ส.ส. ในกรุงเทพฯ แม้แต่คนเดียว ซึ่งจากสถานการณ์ในตอนนี้ต้องบอกว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทวงพื้นที่คืนได้
สำหรับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล นั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในเขตกรุงเทพฯ เป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ผลงานของรัฐบาลปัจจุบันที่ทำให้คนกรุงเทพฯ จำนวนมากต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงกับการเมืองไทย
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่ได้รับชัยชนะในสนาม ส.ก. มากที่สุดถึง 20 เขต แถมยังสามารถปักธงในหลายเขตของพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยได้รับชัยชนะ แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะการเลือกตั้งทั่วไปนั้นมีความแตกต่างจากการเลือกตั้ง ส.ก. ทั้งในเรื่องของเขตเลือกตั้ง และการตัดสินใจของประชาชน
อย่าลืมว่าคะแนนเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงสนับสนุน ดร.ชัชชาติ ให้เป็นผู้ว่าราขการกรุงเทพฯ ซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไป จะไม่มีคะแนนเสียงจากส่วนนี้ และต้องยอมรับความจริงว่าปรากฎการณ์ “Landslide” ของ ดร.ชัชชาติ นั้นมีคะแนนเสียงจากคนที่เป็นฝ่ายขวาในกรุงเทพฯ อยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งในการเลือกตั้งทั่วไปก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าคะแนนของคนกลุ่มนี้จะโหวตให้พรรคใด
แต่จากผลการเลือกตั้งที่ออกมาต้องบอกว่ากรุงเทพฯ ในวันนี้ไม่ใช่พื้นที่ของฝ่ายขวาอีกแล้ว และเมื่อกรุงเทพฯ เปลี่ยนไป หัวเมืองใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัดก็อาจจะไม่เหมือนเดิมเช่นกัน!!!
โฆษณา