24 พ.ค. 2022 เวลา 14:15 • กีฬา
เมืองไหนในเกาะอังกฤษคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด ?
การแข่งขันพรีเมียร์ลีกจบลงด้วยชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากการแข่งขันอันดุเดือดตลอดทั้งฤดูกาลกับ ลิเวอร์พูล ทัพเรือใบสีฟ้าสามารถนำถ้วยแชมป์กลับสู่เมืองแมนเชสเตอร์ได้อีกครั้ง
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เราได้เห็นทีมมากหน้าหลายตาขึ้นมาเป็นแชมป์ลีก ทั้งยักษ์ใหญ่ที่ครองความสำเร็จนานหลายปี ไปจนถึงม้ามืดที่ได้แชมป์มาแบบคาดไม่ถึงและถูกจดจำไปตลอดกาล
มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจกับทีมที่ขึ้นมาคว้าแชมป์ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และหากจดจำในชื่อของสโมสรคงไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่หลายสโมสรก็อาศัยอยู่ร่วมภายใต้ชายคาเมืองเดียวกัน จนเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า เมืองใดที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้มากที่สุด และได้สถาปนาตนเองกลายเป็นดินแดนของมหาอำนาจลูกหนังโลกฟุตบอลสมัยใหม่
Main Stand จะพาไปหาคำตอบว่าใน 30 ปีที่ผ่านมาถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ไปอาศัยอยู่ที่เมืองใดบ้างบนเกาะอังกฤษ ซึ่งเราขอบอกตั้งแต่ตรงนี้เลยว่าความเท่าเทียมดูจะไม่เกิดขึ้นเท่าไรนักจากการแข่งขันฟุตบอลของแดนผู้ดียุคใหม่
[ แมนเชสเตอร์สุดยอดมหาอำนาจ ]
ต่อให้คุณไม่รู้ว่าเมืองไหนของอังกฤษคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุด แต่ถ้าให้เดาเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงเลือกเมืองแมนเชสเตอร์ เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของอังกฤษที่มีภาพจำของการคว้าถ้วยแชมป์ลีกมากมาย จากยุครุ่งเรืองของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาจนถึงยุคทองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบัน
1
ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิด เพราะ แมนเชสเตอร์ คือเมืองที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดเป็นจำนวน 19 ครั้ง เกินครึ่งหนึ่งของการแข่งขันที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำไป
โดย 13 ครั้งมาจากมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมฝั่งสีแดง ภายใต้การนำของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สุดยอดผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์ที่เป็นผู้กวาดแชมป์พรีเมียร์ลีกทั้งหมดให้กับทีมปีศาจแดงด้วยตัวของเขาเอง
ขณะที่อีก 6 ครั้งคือผลงานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่กลายเป็นทีมแกร่งเบอร์ 1 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุดอังกฤษในปัจจุบัน จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 4 ครั้งจาก 5 ฤดูกาลหลังสุด
นอกจากนี้ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือทีมสองอันดับแรกที่คว้าแชมป์ถ้วยพรีเมียร์ลีกได้มากที่สุดในปัจจุบันด้วยเช่นกัน นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ แมนเชสเตอร์ จะเป็นเมืองที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกินขาดบ้านเมืองอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นเช่นนี้
[ ศักดิ์ศรีทีมเมืองหลวง ]
ขณะที่อันดับสองคงจะเป็นเมืองไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศอังกฤษอย่าง กรุงลอนดอน ที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทในวงการลูกหนังได้เป็นอย่างดีหลังจากเข้าสู่ยุคของพรีเมียร์ลีก
โดยทีมแรกที่รับช่วงหน้าตาเป็นหัวหอกล่าแชมป์ของลอนดอนคือ อาร์เซน่อล ทีมใหญ่จากลอนดอนเหนือที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไป 3 สมัยในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก่อนขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการเป็นแชมป์ไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมากลายเป็นทีมยักษ์จากลอนดอนตะวันตกอย่าง เชลซี ขึ้นมารับช่วงต่อด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปทั้งสิ้น 5 สมัย รวมแล้วทำให้ ลอนดอน คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกรวมกันที่ 8 สมัย
อย่างไรก็ตาม ลอนดอน ไม่ได้เป็นแชมป์ลีกมา 5 ปีติดต่อกันแล้ว ซึ่งถือว่านานที่สุดในยุคสมัยของพรีเมียร์ลีก ดังนั้นพวกเขาจะต้องเร่งเครื่องด่วน ๆ หากจะดึงศักดิ์ศรีการเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลอังกฤษกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง
[ อีก 3 แชมป์อยู่ที่ไหน ? ]
เพียงแค่ แมนเชสเตอร์ และ ลอนดอน ทั้งสองเมืองกวาดแชมป์รวมกันไป 27 สมัย แทบไม่เหลือให้เมืองอื่นในอังกฤษได้เชยชมเลย จึงมีอีกเพียง 3 เมืองที่เคยได้ชื่นชมความสำเร็จนี้เพียงเมืองละ 1 ครั้งเท่านั้นตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
1
เริ่มต้นจาก เมืองแบล็คเบิร์น เมืองเล็ก ๆ จากแคว้นแลงคาเชียร์ที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อในฤดูกาลปี 1994-95 หลังจากทีมทุ่มแหลกไม่สนหน้าไหนจนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกและครั้งเดียวของสโมสรมาครองได้ในที่สุด
หลังจากนั้นก็ถึงคราว เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มาในแนวทางตรงกันข้ามกับ แบล็คเบิร์น เพราะพวกเขากลายเป็นเทพนิยายจากทีมลุ้นหนีตกชั้นในฤดูกาลก่อน ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาล 2015–16 ซึ่งกลายเป็นแชมป์ลีกสุงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทัพจิ้งจอกสีน้ำเงินอีกด้วย
ปิดท้ายด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกหน้าใหม่ทีมล่าสุดแต่เป็นแชมป์ลีกสูงสุดหน้าเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ปลดล็อกอาถรรพ์ไม่ได้แชมป์ลีกอันยาวนาน ด้วยการคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2019–20 ด้วยฝีมือของ เยอร์เกน คล็อปป์ และเขาเป็นโค้ชชาวเยอรมันคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษยุคใหม่
5 เมือง 30 แชมป์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งน่าสนใจว่าแม้เราจะมองเห็นพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่มีการแข่งขันสูง ใคร ๆ ก็เป็นแชมป์ได้ แต่เราก็พบความจริงว่าการกระจายตัวของแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ได้กระจายตัวนักในแง่ของเมือง หรือจะเรียกว่าผูกขาดอยู่ที่แมนเชสเตอร์กับลอนดอนก็ว่าได้
ซึ่งก็เป็นภาพสะท้อนของความเจริญของเมืองและธุรกิจฟุตบอลด้วยเช่นกัน เพราะทีมที่มีความพร้อมในองค์รวมมากกว่าก็มีโอกาสที่จะดึงดูดเงินลงทุนและนักฟุตบอลได้มากกว่าเช่นกัน
โฆษณา