ชีสกับไวน์ ทานคู่กันได้ด้วยเหรอ?
หลายคนคงรู้จักชีสดีอยู่แล้วว่ามันอร่อยและสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งของคาวและของหวาน ซึ่งหนึ่งในอาหารที่มีการนำมากินคู่กับชีสนั้นรวมไวน์อยู่ด้วย หลายคนคงสงสัยว่ามันทานคู่กันได้ด้วยเหรอ?
แน่นอนว่าได้ค่ะ แถมยังอร่อยด้วยนะ นิยมมากในกลุ่มคนชอบดื่มไวน์เลยล่ะค่ะ ของสองอย่างที่เหมือนจะไปกันไม่ได้แต่ดันอร่อยกว่าที่คิดเมื่อเอามากินคู่กัน เป็นคู่ที่ต่างอย่างลงตัวสุดๆ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับชีสให้ดีขึ้นกันดีกว่า
ชีส (cheese) เกิดขึ้นครั้งแรกที่ไหน?
ชีสเป็นอาหารโบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าการผลิตชีสมีต้นกำเนิดมาจากยุโรป เอเชียกลาง หรือตะวันออกกลาง ต้นกำเนิดของการผลิตชีสมีตั้งแต่ประมาณ 8000 ปีก่อนคริสตศักราช ซึ่งเป็นการแปรรูปจากนมแกะ
เนื่องจากสมัยโบราณคนมักนิยมนำกระเพาะของสัตว์มาเป็นภาชนะสำหรับเก็บอาหาร เลยถูกคาดเดาว่ากระบวนการทำชีสถูกค้นพบโดยบังเอิญจากการเก็บน้ำนมไว้ในภาชนะที่ทำจากกระเพาะของสัตว์ ส่งผลให้นมกลายเกิดการหมักจนกลายเป็นนมที่มีรสเปรี้ยว
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของการผลิตชีสในบันทึกทางโบราณคดีมีอายุย้อนไปถึง 5500 ปีก่อนคริสตศักราช และพบในเมืองคูยาเวีย ประเทศโปแลนด์ ซึ่งพบตัวกรองที่มีโมเลกุลไขมันนมเคลือบอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางโบราณคดีในยุคแรกๆ ของชีสอียิปต์ถูกพบในจิตรกรรมฝาผนังหลุมฝังศพของอียิปต์ ซึ่งมีอายุประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตศักราช
รายงานทางวิทยาศาสตร์ปี 2018 ระบุว่าชีสที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งมีอายุประมาณ 1200 ปีก่อนคริสตศักราช (3200 ปีก่อนปัจจุบัน) ถูกพบในสุสานอียิปต์โบราณ
ชีสที่เก็บรักษาได้นานที่สุดที่เคยถูกค้นพบในทะเลทราย Taklamakan ในซินเจียง ประเทศจีน ย้อนหลังไปถึงช่วงก่อนคริสตศักราช 1615 (3600 ปีก่อนปัจจุบัน)
การทำชีสอาจเริ่มต้นขึ้นโดยบังเอิญจากการหมักนมข้นจืดและเกลือเพื่อถนอมไว้กินในภายหลัง คนสมัยนั้นสังเกตว่าการทำชีสในกระเพาะของสัตว์ทำให้ได้เต้าหู้ที่มีเนื้อแข็งและมีเนื้อสัมผัสที่ดีกว่า
ชีสเก่าแก่ที่สุดมีรสค่อนข้างเปรี้ยวและเค็ม คล้ายๆ กับเนื้อสัมผัสของคอทเทจชีส (fresh cheese) หรือเฟต้าชีส (soft cheese) ชีสที่ผลิตในยุโรปซึ่งมีสภาพอากาศที่เย็นกว่าในตะวันออกกลาง ต้องการเกลือน้อยกว่าสำหรับการเก็บรักษา เพราะเกลือและความเป็นกรดที่น้อยกว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับจุลินทรีย์และเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ทำให้ชีสที่บ่มแล้วมีรสชาติพัฒนาขึ้นเรื่อยมาจนเป็นรสชาติเหมือนในปัจจุบัน
ชีสมีกี่ประเภท
ชีสมีหลายประเภท ซึ่งมีมากกว่า 1,000 ชนิดเลยทีเดียว โดยมีการจำแนกจาก ระยะเวลาในการบ่มหรอืหมัก เนื้อสัมผัส วิธีการทำ ปริมาณไขมัน สัดส่วนของน้ำนมจากสัตว์ ประเทศหรือภูมิภาคต้นทาง เป็นต้น ซึ่งจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้ค่ะ
1.Soft cheese มีลักษณะแบบ creamy เนื้อนุ่ม มีความชื้นสูงและไม่มีเปลือกหุ้ม สามารถทานกับแครกเกอร์ไปจนถึงสลัด หรือจะทานกับไข่คนแบบอาหารเช้าก็ได้
ได้แก่ Brie, Bleu de Gex, Mozzarella, Queso Fresco, Neufchâtel, Cowgirl Creamery, Camembert, Bavaria blu, Langres
2.Semi-soft cheese มีลักษณะเป็นเนื้อเนียนละเอียด จะเป็นเนื้อครีมด้านในและส่วนใหญ่จะมีเปลือก โดยทั่วไปแล้วจะมีความชื้นสูง มีตั้งแต่รสอ่อนไปจนถึงรสจัด
ได้แก่ Maccagno, Maroilles, Monastery, Havarti, Munster, Port Salut, Butterkäse, Chabichou, Stilton
3.Semi-hard cheese มีลักษณะกึ่งแข็ง มีความชื้นต่ำเพราะมีการบ่มนาน ระยะเวลาในการหมักที่มากขึ้นจะยิ่งทำให้ชีสมีรสเข้มข้นมากขึ้น
ได้แก่ Cheddar, Cheshire, Colby, Monterey Jack, Emmental, Gouda, Edem
4.Hard cheese มีลักษณะแข็งมากที่สุดและมีความชื้นมาก โดยทั่วไปจะมีลักษณะร่วนที่พื้นพิวด้านนอก สามารถหั่นเป็นชิ้นแล้วทานเพียวๆ ได้ นอกจากนี้ยังนิยมขูดเพื่อนำมาโรยบนพาสต้าและพิซซ่า
ได้แก่ Berkswell, Smoked, Grana Padano, Parmesan, Romanos, Pecorino, Mimolette
ชีสกับไวน์ คู่ที่ใช่อร่อยได้แบบลงตัว
ปัจจุบันได้มีการนำชีสมากินคู่กับไวน์มากขึ้น แล้วชีสแบบไหนบ้างที่สามารถกินคู่กับไวน์แต่ละชนิด? จับคู่ยังไงใ้ห้ได้รสชาติที่ดี ทริคนี้เหมาะกับผู้ที่อยากจะลองอะไรใหม่ๆ โดยเริ่มจับคู่ไวน์ด้วยตัวเอง มาเช็กกันเลยค่า
-จับคู่โดยยึดจากรสชาติที่เข้ากันได้ดีหรือตัดกัน
-จับคู่ชีสและไวน์ที่มาจากภูมิภาคเดียวกัน
-จับคู่จากรสชาติอ่อนไล่ไปยังรสที่เข้มขึ้น
-จับคู่แบบชีสรสเค็มกับไวน์รสชาติหวาน
-ไวน์แดงคือไม้ตาย
ถ้าคิดว่ายังไม่อยากลองตามที่วิธีด้านบน ลองเอาไวน์แดงที่มีสารแทนนินต่ำมาสักขวด เพราะสามารถกินมันกับชีสได้ทุกประเภทเลยล่ะค่ะ
ตัวอย่างการจับคู่ชีสกับไวน์ที่ถูกแนะนำว่าเข้ากันได้ดีแน่นอนค่ะ!
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
