Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่า ~ ไป ~ เรื่อย
•
ติดตาม
27 พ.ค. 2022 เวลา 11:40 • ประวัติศาสตร์
4 เมืองหลวงโบราณที่ยิ่งใหญ่ของจีน
จีน เป็นประเทศที่มีประวัติศาสรตร์อันยาวนาน มีเมืองใหญ่เมืองเล็กก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่นี้มานานกว่า 5,000 ปี ในบรรดาเมืองต่าง ๆ เหล่านี้บ้างก็พัฒนาตนเองขึ้นมาจนมีบทบาทสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ บ้างก็สามารถก้าวขึ้นมาโดดเด่นเหนือเมืองอื่น ๆ จนถูกสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางการปกครองในแต่ละยุคแต่ละสมัย
วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับเมืองโบราณที่ทางการจีนให้ความสำคัญและยกย่องให้เป็น "4 เมืองหลวงโบราณที่ยิ่งใหญ่ของจีน" กัน
2
หอระฆังเมืองซีอาน credit : www.hey-xian.con
1. ซีอาน
เจดีย์ห่านป่า credit : www.topchinatravel.com
ซีอาน มีความหมายว่า "ความสงบสุขทางตะวันตก" มีชื่อเดิมว่า ฉางอาน แปลว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ตั้งอยู่ในมณฑลส่านซี ซึ่งถูกยกให้เป็นจุดเริ่มต้นอู่อารยธรรมของจีน เนื่องจากเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาลได้มีชุมชนโบราณขนาดใหญ่รวมตัวกันจนสร้างเป็นอาณาจักรบนพื้นที่แถบนี้
กำแพงเมืองซีอาน credit : www.topchinatravel.com
เมืองซีอานเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนจึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ส่งผลให้ราชวงศ์จีนมากถึง 13 ราชวงศ์ รวมทั้ง ราชวงศ์โจว ราชวงศ์ฮั่น และราชวงศ์ถัง ใช้เมืองซีอานเป็นเมืองหลวงในช่วงที่ราชวงศ์เหล่านั้นขึ้นมามีอำนาจปกครองประเทศจีน
สุสานจิ๋นซีฮวางตี้ credit : www.history.com
นอกจากนี้เมืองซีอานยังทีความสำคัญในแง่การค้าทางบกของจีนในยุคโบราณด้วยการเป็นปลายทางของเส้นทางสายไหมอีกด้วย หลักฐานความยิ่งใหญ่ของเมืองหลวงโบราณของจีนแห่งนี้ยังคงเหลือถึงปัจจุบัน เช่น สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ , เจดีย์วัดห่านป่าใหญ่ , กำแพงเมืองซีอานและหอระฆังเมืองซีอาน เป็นต้น
กำแพงเมืองซีอาน credit : www.wikipedia.com
2. ลั่วหยาง
ลั่วหยางตอนกลางคืน credit : www.news.xinhuanet.com
ลั่วหยางหรือ ลกเอี๋ยง ในภาษาจีนฮกเกี๋ยน ตั้งอยู่บนิเวณที่ราบตอนกลางของจีน บนพื้นที่บรรจบกันของแม่น้ำลั่วและแม่น้ำเหลือง ทางทิศตะวันตกของมณฑลเหอหนาน
พื้นที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นบริเวณที่เป็นจุดศูนย์กลางของจีน ทำให้มีการตั้งเมืองมาตั้งแต่ประมาณ 1959 ปีก่อนคริสตกาล โดยกษัตริย์ไท่คัง กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์เซี่ย ได้ก่อตั้งเมืองเจินสวิน (ปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองลั่วหยาง) ขึ้นเป็นเมืองหลวงจนราชวงศ์เซี่ยล่มสลาย
1
พิพิธภัณฑ์ลั่วหยาง credit : www.trip.com
ต่อมาราชวงศ์ซางก้าวขึ้นมามีอำนาจแทน กษัตริย์ซางทังก็ตั้งเมืองซีป๋อ (ห่างจากเมืองลั่วหยางไปทางทิศตะวันตกประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร) ขึ้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ จนกระทั่งถึงช่วงที่ราชวงศ์โจวตะวันตก เมื่อกษัตริย์โจวอู่หวางล้มล้างราชวงศ์ซางและได้ย้ายกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 ใบมาไว้ที่เมืองเฉิงโจว (พื้นที่เมืองลั่วหยางปัจจุบัน) และตั้งเป็นเมืองหลวงแทน
ถ้ำหลงเหมิน credit : www.chinaculture.org
หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองลั่วอี้ และเปลี่ยนมาเป็นเมืองลั่วหยางในสมัยจักรพรรดิกวงอู่ตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก นับตั้งแต่ราชวงศ์เซี่ยจนถึงยุคห้าราชวงศ์ เมืองลั่วหยางนับเป็นเมืองที่มีความสำคัญและถูกตั้งเป็นเมืองหลวงถึง 13 ราชวงศ์ มีโบราณสถานชื่อดังมากมายตั้งอยู่ในเมืองนี้ อาทิ ถ้ำหลงเหมิน วัดม้าขาว และพิพิธภัณฑ์ลั่วหยาง เป็นต้น
วัดม้าขาว credit : Ancient Origins
3. หนานจิง (นานกิง)
เมืองหนานจิง credit : www.ArrivalGuides.com
หนานจิง ในภาษาจีน มีความหมายว่า "ราชธานีทางทิศใต้" ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตัวนครหนานจิงตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี สะดวกต่อการเดินเรือและค้าขายทางน้ำ จึงทำให้นครหนานจิงมีความสำคัญในประวัติศาสตร์จีนมานับพันปี จนเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของหลาย ๆ ราชวงศ์ของจีน เช่น เป็นเมืองหลวงของง่อก๊ก (ในยุคสามก๊ก)
กำแพงเมืองหนานจิง credit : China Daily
ช่วง ค.ศ. 229-280 เคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์จิ้นต่อเนื่องมาจนถึงยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้ (หลิวซ่ง ฉีใต้ เหลียงและเฉิน) ในช่วง ค.ศ. 317-589 เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ถังใต้ในช่วง ค.ศ. 937-975 (ยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร) และในราชวงศ์หมิงก็ใช้นครหนานจิงเป็นศูนย์กลางการปกครอง (ค.ศ. 1368-1421)
เจดีย์เคลือบกระเบื้องหนานจิง credit : www.chinatoursnet.com
ด้วยความที่เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศจีนมาหลายยุคหลายสมัยนี้ ทำให้นานกิงได้รับสมญานามว่า "เมืองหลวงสิบแผ่นดิน" ปัจจุบันในนครหนาจิงยังมีโบราณสถานหลายแห่งให้เราได้ชม เช่น กำแพงเมืองหนานจิง , เจดีย์กระเบื้องเคลือบหนานจิง , พระราชวังราชวงศ์หมิง เป็นต้น
พระราชวังราชวงศ์หมิงหนานจิง credit : www ly.com
4. ปักกิ่ง
ปักกิ่ง credit : Freepik
มหานครปักกิ่งคือเมืองหลวงปัจจุบันของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน หลักฐานทางประวัติศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าพื้นที่บริเวณที่ตั้งเมืองปักกิ่งนี้มีการก่อร่างสร้างเมืองมาตั้งแต่ประมาณ 110 ปีก่อนคริสตกาล เดิมพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณจี้กั๋ว ต่อมาในสมัยซุนชิว-จ้านกว๋าได้กลายมาเป็นเมืองหลวงของแคว้นเยียนใช้ชื่อเมืองว่าจี้
สุสานสิบสามกษัตริย์ credit : www.printerest.com
ในสมัยราชวงศ์เหลียวถูกแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงรองและเปลี่ยนชื่อเป็น "เยียนจิง" ต่อมาภายหลังราชวงศ์จินขึ้นมาปกครองประเทศจีนได้สถาปนาเมืองเยียนจิงเป็นเมืองหลวงและเปลี่ยนชื่อเป็นเมือง "จงตู"
พระราชวังต้องห้าม credit : www.tripsavvy.com
หลังจากนั้นชาวมองโกลได้เข้ามาปกครองจีนและเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงเป็น "ต้าตู" และยังคงสถานะเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง โดยในสมัยราชวงศ์ชิงนี่เองที่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ปักกิ่ง" และใช้มาจนถึงปัจจุบัน โบราณสถานในปักกิ่งที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันนั้นมีมากมาย เช่น พระราชวังต้องห้าม , กำแพงเมืองจีน และ สุสานสิบสามกษัตริย์ เป็นต้น
กำแพงเมืองจีน credit : www.livescence.com
สิ่งก่อสร้างของคนโบราณนั้นน่ามหัศจรรย์ยิ่ง เนื่องด้วยคนโบราณไม่ได้มีอึกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือเพื่อช่วยให้ทำงานได้ง่ายอย่างเช่นปัจจุบัน เล่า-ไป-เรื่อย จึงขอให้ทุกท่านที่มีโอกาสได้เยี่ยมชมโบราณสถานต่าง ๆ ได้เข้าชมอย่างระมัดระวัง เพื่อให้โบราณสถานเหล่านั้นยังคงอยู่เพื่อให้ลูกหลานเราได้ชื่นชมต่อไป
แหล่งข้อมูล
www.wikipedia.com
www.arsomsiam.com
www.baanjomyut.com
จีน
จีนโบราณ
ประวัติศาสตร์
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย