ตั้งราคายังไงให้เจ๊งชัวร์ๆ 😣 😖 😫 😩 🥺 😢 😭
1
เรื่องนี้ทาร่าได้ยินมาจากหนังสือชื่อ Tools of Titans ของไอดอลทาร่าเองค่ะ Tim Ferriss เจ้าของหนังสือ “the 4 hours work week” (ชื่อภาษาไทย “ทำน้อยให้ได้มาก”)
1
ส่วนหนังสือ Tools of Titans นี่เป็นเหมือนบทความรวมของ podcast ที่เค้าได้สัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ไว้หลาย ๆ คน แล้วก็เอามาสรุปออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ และมีบทนึงที่ทาร่าชอบมากและอยากจะมาแชร์กับเพื่อน ๆ คือเรื่องนี้เลยค่ะ
👉 ตั้งราคายังไงให้เจ๊งชัวร์ ๆ ???
และคำตอบมันอยู่การคาดเดาของทาร่ามาก เพราะเค้าบอกไว้ว่า…… ตั้งราคาถูก เจ๊งชัวร์!!! และเค้าไม่ได้ตอบแบบประชดนะคะ เค้าบอกแบบนี้จริง ๆ ถ้าเราอยากให้ร้านเราเจ๊งเร็วๆ คือ ตั้งราคาถูกๆ ไปเลยค่ะ เอาแบบว่าต้นทุน $320 ขาย $350 ก็พอ แล้วก็คิดไปเองว่า…. อยากให้คนได้ซื้อของดีในราคาถูก….. แต่มันก็จะไม่มีวันนั้น!!! รู้มั้ยคะว่าทำไม???
1
เพราะถ้าเราตั้ง margin (กำไร) ไว้น้อยเกินไป เราจะไม่มีงบโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งดูแลลูกค้าของเรา !!!
1
Credit : Pixabay
ลองคิดดูนะคะถ้าคุณจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง คุณก็อยากประชาสัมพันธ์ ถ้าเป็นโฆษณาแบบ Offline ก่อน คุณต้องกราฟฟิคดีไซน์ (ใครออกแบบเองได้ก็ประหยัดไป ใครออกแบบเองไม่ได้ก็เป็นค่าใช้จ่ายแล้วหนึ่ง) ออกแบบเสร็จถ้าอยากจะปริ้นท์โบร์ชัวร์มาแจกนี่ก็ค่าใช้จ่ายอีกหนึ่ง จะไปแจกตามบ้านหรือแจกหน้าห้าง ถ้าต้องจ้างคนอื่นนี่ก็ค่าใช้จ่ายอีกหนึ่งนะ
ทีนี้คุณก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่า…. แล้วต้องขายให้ได้กี่ชิ้นถึงจะคืนทุน?? ไม่ใช่คืนทุนสินค้านะ แต่เป็นต้นทุนแฝงที่มาในรูปแบบของค่าดีไซน์เนอร์ ค่าปริ้นท์ และค่าแรงคนแจกโบรชัวร์นี่แหละ
แค่การตลาด Offline อย่างเดียวก็ไม่พออีก ยุคนี้ต้องทำการตลาด Online ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักด้วย ไหนจะ SEO ไหนปักหมุดลงกูเกิล ในเฟสก็ต้องยิงแอดโฆษณาอีก (ถ้ายิงไม่เป็น จะทำเองก็เหมือนเทน้ำลงบททราย จะจ้างคนอื่นก็เงินอี๊กกกก หรือจะเลือกไปเรียนเพิ่มนี่ก็เงินทั้งนั้นนาาา)
ดังนั้นเวลาทำธุรกิจ เราจะขายสินค้าหรือบริการสักอย่างมันไม่ได้มีแค่ต้นทุนกับกำไรเท่านั้น เพราะไม่ว่าสินค้าจะถูกและดีแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าไม่มีใครรู้ มันก็ไม่เกิดการขาย.. เพราะฉะนั้นเวลาตั้งราคาสินค้าหรือบริการใดๆ ก็ตาม เราต้องไม่ลืมที่จะบวกค่าป่าวประกาศเพื่อที่จะบอกให้โลกรู้ว่า “ฮัลโหลลลล… ของถูกและดีอยู่ตรงนี้ มาซื้อกันเร้ววว!!!”
2
และนี่ก็คือเหตุผลแรกที่ว่า ทำไมสินค้าดีราคาถูกถึงมีโอกาสเจ๊งสูงมาก เพราะยิ่งคุณตั้งราคาถูก มี Margin บาง คุณก็จะไม่มีงบมาทำการตลาด สุดท้ายก็ไม่ได้ขายแน่นอน
1
Credit : Pixabay
ส่วนเหตุอีกอย่างคือเรื่องของการดูแลลูกค้าให้ประทับใจค่ะ สมมุติว่าสินค้าเราต้นทุน $320 แล้วขายแค่ $350 แล้วถ้ามีลูกค้าคนนึงมาซื้อแล้วไม่ชอบสินค้าเราอ่ะ?? หรือสินค้าเสียหาย?? ชำรุด?? เราจะทำยังไง?? ถ้าคืนเงินให้ก็ $350 (เท่ากับกำไร 11.67 ชิ้น) ถ้าเปลี่ยนสินค้าให้ใหม่ก็ $320 (เท่ากับกำไร 10.67 ชิ้น) หรือจะปล่อยไปเฉยๆ นี่ความเสียหายก็แล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมาเลยนะ
แต่ถ้าเราได้เผื่อ Margin ไว้บ้าง เราจะเปลี่ยน จะคืนเงิน หรือแถม Gift Voucher เพิ่มให้ด้วยก็ยังจะทำได้ (แน่นอนว่าเราจะบาดเจ็บจากลูกค้ารายนี้ แต่ภาพรวมของธุรกิจเราจะยังไม่กระทบมาก) และเราจะสามารถทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายได้ด้วย เช่น โปรโมชั่นประจำเดือนตามแพลตฟอร์มต่างๆ จะ 11.11 , 12.12 ซุปเปอร์เซลล์ วินเทอร์เซลล์ ซัมเมอร์เซลล์ เราสามารถดูแลลูกค้าเราได้ไม่ตกเทรนด์
1
อธิบายทฤษฎีมาถึงตรงนี้แล้ว ใครทำธุรกิจอยู่คงจะพยักหน้าแล้วเห็นด้วยกับทาร่าแล้วใช่ไหมคะ??
แต่ถ้าใครยังไม่เชื่อ ทาร่าขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองอีกเรื่องด้วยละกัน ทาร่าทำโรงเรียนสอนภาษาไทยให้เด็กๆ ที่เกิดต่างประเทศ เมื่อก่อนทาร่าเป็นแอดมิน ทำเองตั้งแต่คุยกับผู้ปกครอง บัญชี บทความ พัฒนาหลักสูตร ยิงแอด ส่วนหุ้นส่วนทาร่าเป็นครูก็สอนเองคนเดียวไป 80% !!!! และเราก็ตั้งราคาไว้แบบนั้นเลยค่ะ “ถูก ดี มีคุณภาพ” เข้าตำราทำธุรกิจยังไงให้เจ๊งเลยค่ะ
บางทีมีคุณผู้ปกครองส่งลูกๆ มาเรียน 2 คน มาขออยากให้โรงเรียนลดราคา // น้องๆ เรียนมา 3 ปีแล้ว ลูกค้าระยะยาวแบบนี้ไม่มีส่วนลดให้บ้างเหรอ // น้องบางคนก็เรียนอาทิตย์ละ 3 วัน ค่าใช้จ่ายแม่หนักมากเลยค่ะ // บางคนก็แนะนำเพื่อนมากเยอะมากๆ // แม้กระทั่งเพื่อนสนิททาร่าที่เป็นเจ้าของร้านอาหารไทย เวลาทาร่าไปกินร้านเค้า เค้ามีส่วนลดให้ทาร่าตลอด
บางทีแถมไวน์ให้ด้วย นี่ส่งลูกมาเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนทาร่า 2 คน……… บอกเลยว่ากลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะไม่เคยคิดเผื่อเรื่องพวกนี้ไว้เลย คิดแค่ว่าทำงานกันเองสองคนงก ๆ (กับหุ้นส่วน) อยากให้เด็ก ๆ ได้เรียนภาษาไทยในราคาไม่แพง สุดท้ายเป็นไงรู้มั้ยคะ???
1
สุดท้ายก็ทำกันเองไม่ไหว ต้องเอา margin อันน้อยนิดที่คิดว่าจะเป็นค่าแรงของเราสองคนไปจ้างคนอื่นมาช่วย แล้วเราสองคนก็ทำงานฟรีกันอยู่ 2 ปีเต็ม ๆ กว่าจะรอดพ้นวิกฤต “ถูก ดี มีคุณภาพ” มาได้ ต้องสะสมนักเรียนตั้ง 150 คน กว่าเราสองคนถึงจะมีเงินมาจ่ายค่าแรงตัวเอง
Credit : Pixabay
นี่ยังโชคดีนะที่ทำธุรกิจการศึกษาบวกกับมีหน้าตาที่อินโนเซ้นต์ เวลาผู้ปกครองขอส่วนลดมา (ที่เล่ามาข้างบนทั้งหมด) ทาร่าก็ตอบไปตรงๆ เลยค่ะว่าเราไม่ได้เผื่อ margin ตรงนี้ไว้เลย เราไม่รู้ว่าทำธุรกิจมันจะมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเยอะขนาดนี้
เราขอโทษจริง ๆ ซึ่งผู้ปกครองก็เข้าใจและก็ยังสนับสนุนโรงเรียนเล็กๆ ของเราต่อจนมีวันนี้ (ปัจจุบันรายได้โอเค ทำงานโรงเรียนแค่อาทิตย์ละ 5 ชั่วโมง นอกนั้นก็มานั่งปั่นบทความสร้างตัวตนอยู่นี่แหละ 😅)
เรื่องนี้ก็อยากฝากให้กับทุกคนที่ทำธุรกิจ (รวมทั้งตัวทาร่าเองด้วยค่ะ) เป็นสิ่งที่จำใส่ใจเลยว่าเวลาเราจะทำธุรกิจเราต้องห้ามลืมค่าการตลาดกับงบดูแลลูกค้าเด็ดขาด!! ด้วยความหวังดีและจริงใจ ทาร่าขอให้ทุกคนไม่ต้องเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบทาร่านะคะ
1
💐💐💐💐💐
เป็นไงคะกับเคล็ดลับธุรกิจที่ทาร่านำมาฝากในวันนี้บอกเลยว่า เป็นอีกเคล็ดลับที่ง่าย ๆ แต่ถ้านำไปทำตามรับรองว่าปัง ธุรกิจไม่เจ๊งแน่ๆ แต่ถ้าอยากให้ธุรกิจปังมากกว่านี้ อยากให้ทุกคนลองอ่าน "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" รับรองว่าถ้าอ่านแล้วเข้าใจนำไปทำตาม ชีวิตจะเป๊ะปังมากๆ ค่ะ
หนังสือ "Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ" โดย Tara Thow
 
แบบเล่มที่ Se-ed https://bit.ly/3mJ7fNl
E-book ที่ Meb: https://bit.ly/3Bljwh0
E-book ที่ Ookbee: https://bit.ly/3Bn43Nj
 
🌈🌈🌈🌈🌈
เกี่ยวกับผู้เขียน
Tara Thow อ่านว่า ทาร่า โถว เป็นมนุษย์แม่ลูกสองอยู่ที่ซิดนีย์ สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ปรัชญา ธุรกิจ ครอบครัว รักเสียงเพลง ไวน์แดง และนิยาย
#คอร์สธุรกิจออนไลน์เริ่มง่ายไม่ต้องใช้เงินทุน
#หนังสือเปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ
#หนังสือไมเคิลเรียนไม่เก่งจนสอบตกป.3
#สอนภาษาไทยให้เด็กๆที่เกิดต่างประเทศ
#อบรมครูสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ
💞 💞💞💞💞
ช่องทางในการติดตามทาร่า 😘
IG: tarathow
Blockdit 1: มนุษย์แม่ลูกสองจากเมืองซิดนีย์ By Tara Thow
Blockdit 2: จุด by Tara Thow
Tiktok: @tarathow
Line: @tarathow
โฆษณา