28 พ.ค. 2022 เวลา 07:13 • การศึกษา
ความฝันเปลี่ยนตารางชีวิต จากคนไม่คิดจะอ่านหนังสือ สู่อ่านจบเดือนละหลายเล่ม
(ความฝันในที่นี้หมายถึงความฝันจริง ๆ ความฝันในตอนนอน ในตอนที่เราหลับไหล)
ตัวเราเองก็เป็นคนหนึ่ง คนทั่วไปที่เลยวัยเด็กมาซักพัก เลยวันที่เราคิดว่าต้องอ่านหนังสือมา แต่ยังมีความคิดว่าการอ่านหนังสือมันดีกว่าไม่อ่านหนังสืออยู่แล้วในหลาย ๆ แง่มุม แต่ยังผูกติดอยู่กับแง่ความคิดที่จำกัดว่า "ไม่มีเวลา" และ "การอ่านหนังสือมันน่าเบื่อ" ซึ่งมันก็ทั้งจริงและไม่จริงในตัวของมันเอง ทำให้เราไม่คิดที่จะเริ่มมันจริง ๆ จัง ๆ ซักที ซึ่งเวลาก็ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านไป
"ฝัน" เราฝันเป็นเรื่องปกติ ความฝันสื่อถึงหลาย ๆ อย่างในชีวิต บางทีความฝันอาจจะเป็นเพียงภาพจากความทรงจำเบื้องลึกของจิตใจ หรืออาจเป็นบางเรื่องราวที่ใจใฝ่ถวิลหา
1
จนกระทั่งในวันธรรมดาคืนหนึ่ง ความฝันก็ดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่สถานที่หนึ่ง เรานั่งอยู่เก้าอี้ไม้ มีโต้ะไม้วงกลมสีอ่อนอยู่ด้านหน้า หันหน้าออกไปข้างนอก แสงขาวสว่างจ้าทะลุเข้ามาผ่านผนังกระจกด้านหน้า หันหน้าเยื่อง ๆ เข้ามุมห้องที่เป็นผนังไม้สีอ่อน
จากนั้นมีผู้ชายตัวสูงใหญ่ใส่เสื้อสีขาวเข้ามายืนอยู่ตรงข้ามโต้ะเราหน้าหน้าเข้ามา ฉากนั้นราวกับฉากหนังที่มีมุมที่จำกัดเห็นเพียงมุมที่อยู่ข้างหน้า ฉากที่มองข้างบนเลยอกผู้ชายคนนั้นเบลอดำ
จากนั้นคุยกันไป ครู่หนึ่งผู้ชายคนนั้นเริ่มพูดในทำนองที่ว่า "เธออาจจะเป็นคนเก่งนะ" หลังพูดคำนั้นมาเหมือนเวลาหยุดนิ่งเหมือนหยุดหายใจ มุมกล้องขยับเข้าใกล้ผู้ชาย และพูดต่อว่า "แต่มุมมองเธอมันแคบไป พัฒนาตัวเองซะสิ ไปหาหนังสืออ่านเปิดมุมมองใหม่บ้าง"
พอตื่นขึ้นก็ได้คำมาคิดทบทวน มุมมองที่แคบ อ่านหนังสือ "มันอาจจะเป็นจริงอย่างนั้น" เวลาต่อมาเข้าอินเตอร์เน็ตค้นหาในทำนองที่ว่า "หนังสือที่ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต" พิจารณาความอยาก และได้สั่งหนังสือมาในเช้าวันนั้น และตั้งปณิธานไว้ว่า ต้องอ่านจบให้ได้ภายใน "หนึ่งเดือน"
และแน่นอน คนไม่ชอบและไม่ได้อ่านหนังสือเลยตั้งแต่ตอนเรียน สองสัปดาห์แรกหลังจากซื้อมา คืบหน้าไม่ถึงไหน ไม่ถึงหนึ่งในสามเลยด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ทำคือ ถ้ามีเวลาว่างจริง ๆ ถึงหยิบหนังสือนั่นมาอ่าน ส่วนมากจะเป็นเสาร์อาทิตย์และก็อ่านมันอย่างยาวนาน แต่จำนวนที่กำหนดไว้หากจะอ่านให้จบภายในหนึ่งเดือนมันมากกว่าที่เราอ่านได้เท่านั้นเอง
"แผนใหม่" โชคดีที่หนังสือเล่มแรกเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิทยา และความแตกต่าง และผล กระทบของมุมมอง ความเก่ง การขยัน และความชื่นชอบการเรียนรู้ ถึงเราจะอ่านมันไม่มาก แต่ก็พอที่จะเรียนรู้อะไรจากมันบ้าง เราเปลี่ยนแผนวิธีใหม่ แทนที่จะนาน ๆ ทีอ่านครั้งละมาก ๆ ใช้เวลากับมันเยอะ เป็นอ่านทีละน้อย ๆ แต่หลาย ๆ ครั้ง เพราะในบางทีอะไรที่เราอยู่มันมากไปก็อาจจะทำให้เราเบื่อหรือไม่ชอบมัน หรือเหนื่อยกับมันได้
และเราเลือกที่จะอ่านครั้งละ 10 หน้า ซึ่งครั้งละ 10 หน้ามันใช้เวลาไม่นาน ปกติเราก็มีเวลาไถโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพียงเฉียดเวลานั้นมา และหนึ่งวันอ่านวันละ 4 รอบ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (นึกว่าเวลากินยา) ทำให้หนึ่งวันเราอ่านได้ 40 หน้า ซึ่งถ้าอ่านรวดเดียว 40 หน้ามันทำได้ยากมากสำหรับคนแบบเรา
หากคำนวณแล้ว หนังสือกรุงเล่ม เล่มละ 300 หน้า จะใช้เวลา 7.5 วันเท่านั้นเอง ต่างจากที่คิดไว้ในตอนแรก ที่จะอ่านภายในหนึ่งเดือนเยอะมาก
และในเล่มถัด ๆ ไป จะเน้นเฉพาะเรื่องที่อยากอ่านและคิดว่าถ้าอ่านมันจะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรได้ซักอย่างแน่นอน ถึงจะเป็นความรู้ที่ได้จะไม่อาจใช้ได้ในชีวิตประจำวันก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ จะเน้นไปที่ วรรณกรรม วิชาการ ประวัติศาสตร์สลับ ๆ กันไป
ณ เวลาตอนเขียนนี้ก็เริ่มได้แล้วสามเดือน อ่านได้ ประมาณ 9 เล่ม เล่มหนาเล่มบางคละเคล้ากันไป พออ่านมาซักพัก บางทีเราก็ได้ความคิดที่ว่า
ไม่สำคัญว่า หนึ่งเดือนจะอ่านได้กี่เล่ม หรือหนึ่งวันคุณจะอ่านได้กี่หน้า แต่มันสำคัญที่ว่าวันนั้นคุณได้อ่านมันหรือยัง
บันทึกของเรา
จำนวนของหน้าหรือจำนวนของเล่มมันสำคัญลดน้อยลง เพราะข้อสำคัญของอ่านหนังสือนั้น ความสม่ำเสมอนั้นสำหรับยิ่ง และความสม่ำเสมอนั้นยากเสมอ แต่หากมันจะควบคู่ไปกับความสนุกด้วย สนุกกับการเรียนรู้... บางทีมันอาจเป็นกุญแจหรือประตูสำหรับโลกใบใหม่ก็เป็นได้
โฆษณา