#MainStand : GT-R R35 กับตัวพิเศษ บนเส้นทาง 15 ปี ก่อนปิดตำนาน
เมื่อถามถึงความชอบของผู้ชายส่วนใหญ่ รถยนต์ หรือ รถสปอร์ต ก็อาจจะเป็นคำตอบของหลาย ๆ คน และเชื่อว่ารถสปอร์ต 4 ที่นั่งจากค่าย Nissan ในตระกูล GT-R ก็เป็นหนึ่งในนั้น
Nissan GT-R ถูกพัฒนาจนถึงรหัสตัวถัง R35 ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นที่ 6 ถัดจาก Nissan Skyline GT-R R34 โดย R35 เป็นเจเนอเรชั่นแรกที่ Nissan แยกชื่อ GT-R ออกจากรุ่น Skyline อย่างเด็ดขาด โดยพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งดีไซน์และเครื่องยนต์ แต่เอกลักษณ์ตั้งแต่อดีตอย่าง ไฟท้ายทรงกลม 4 ดวง หรือที่เรียกกันว่า ไฟท้ายโดนัท ที่เปิดตัวครั้งแรกกับ Nissan Skyline GT-R KPGC110 ยังคงอยู่เช่นเดิม
R35 เปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2007 ภายใต้แนวคิด "A Supercar for Anyone, Anywhere, Anytime" โดย ชิโร นากามูระ อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของนิสสัน กล่าวว่าการออกแบบของ R35 นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนยอดฮิตจากเรื่อง Gundam และไม่เพียงจะสะท้อนถึงรูปลักษณ์ของรถสปอร์ตสมัยใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นและมรดกของรถ GT-R รุ่นก่อนหน้านี้ด้วย
อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์รถสปอร์ต 4 ที่นั่งที่สามารถเอาชนะรถยนต์ซูเปอร์คาร์จากฝั่งยุโรปได้ จากการลงทดสอบที่สนาม เนอร์เบิร์กริง และทำเวลาต่อรอบได้เร็วถึง 7 นาที 38 วินาที เอาชนะ Porsche 911 Turbo (997) จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Super Killer” จากความแรงของเครื่องยนต์ VR38DETT V6 เทอร์โบคู่ 3.8 ลิตร
R35 ถือเป็นหนึ่งโมเดลสุดอมตะที่สุดของ Nissan ที่ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาร่วม 15 ปี อีกทั้งยังสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการรถสปอร์ตตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
แต่ในที่สุดเรื่องราวของรถสปอร์ตที่โด่งดังที่สุดในโลกอีกหนึ่งรุ่นคงจะต้องยุติการผลิตไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากกฎหมายด้านมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้นของทวีปยุโรป จนทำให้รถรุ่นนี้ต้องยุติการจำหน่ายในบางประเทศ รวมถึง Nissan มอเตอร์ ของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ประกาศปิดรับออเดอร์รถยนต์รุ่นนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งจนถึงเวลานี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอนาคตของ GT-R จะเป็นอย่างไร จะปิดตำนานที่ R35 หรือมีรุ่นใหม่ออกมา โดยความเป็นไปได้ในตอนนี้คือ GT-R โฉมต่อไปจะใช้เครื่องยนต์ไฮบริดเบนซินควบมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อสมรรถนะ การประหยัดน้ำมัน และการลดการปล่อยมลพิษที่ดีขึ้น
ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา Nissan ได้ผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษของ R35 ออกมามากมาย Main Stand เลยขอรวบรวมตัวพิเศษของ GT-R เจเนอเรชั่นปัจจุบันมาให้ได้รับชมกัน
ซึ่งรถยนต์แต่ละคันที่เราได้คัดเลือกมานั้น ส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีความแรงมากขึ้นกว่า GT-R ตัวปกติ รวมไปถึงชุดแต่งรอบคัน เช่น SpecV หรือ Egoist ที่เติมความหรูหราให้กับห้องโดยสาร Black Edition, Track Edition และ T-spec ซึ่งในรุ่นนี้ได้มีการนำสีที่เคยผลิตให้กับ Skyline GT-R R33 และ Skyline GT-R R34 มาผลิตให้อีกครั้ง นั่นคือ สีม่วง Midnight Purple และสีเขียว Millennium Jade
นอกเหนือจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาให้กับนักกีฬา ประกอบด้วย Nissan GT-R R35 Bolt Edition ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 3 คัน โดยมอบให้กับ ยูเซน โบลต์ มนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก 1 คัน อีก 1 คันนำออกมาประมูลโดยเจ้าของชาวออสเตรเลีย ที่ปิดประมูลไปด้วยราคา 6.4 ล้านบาท
อีก 1 คันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ของ Nissan และอีกหนึ่งรุ่นคือ Nissan GT-R Naomi Osaka Edition ที่ผลิตออกมาให้นัก นาโอมิ โอซากะ อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวญี่ปุ่น ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของนิสสัน หลังคว้าแชมป์แกรนด์สแลม US Open 2018 โดยผลิตออกมาจำหน่ายเพียง 50 คัน
และเนื่องจากช่วงชีวิตของ GT-R R35 คาบเกี่ยวกับวาระครบรอบ 50 ปีของรหัสตัวแรงจาก Nissan พอดี พวกเขาจึงได้เปิดตัวรุ่นพิเศษถึง 2 รุ่น ทั้ง 50th Anniversary Edition ที่มาพร้อมสีตัวถัง 2 สี น้ำเงินคาดขาว กับ GT-R50 ที่ Italdesign บริษัทออกแบบชื่อดังปรับภาพลักษณ์ภายนอกใหม่จนราวกับเป็นคนละคัน
ซึ่งตอนแรกตั้งใจทำเป็นรถโชว์เท่านั้น แต่จากเสียงเรียกร้อง ในที่สุดแล้วจึงต้องเปิดไลน์ผลิตพิเศษจนได้ และแน่นอนมีแค่ 50 คัน
ส่วนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คงเป็น GT-R Nismo ตัวท็อปของ R35 ในไลน์การผลิตปกติ ที่มีการอัปเกรดพิเศษเป็น Nismo Special Edition ในแทบทุกปี โดยโฉมปี 2022 มาพร้อมกับสี Stealth Gray (ซึ่งคนไทยอาจเรียกติดปากว่า สีเทานม) ที่อิงจากสีของพื้นแทร็กอีกด้วย
แหล่งอ้างอิง :
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
