4 มิ.ย. 2022 เวลา 09:00 • ความคิดเห็น
บำเหน็จบำนาญ จำเป็น แต่.......
ต้องขอออกตัวก่อนว่า ตัวผู้เขียนเองก็มีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นข้าราชการบำนาญเหมือนกัน ผมเองก็ได้รับประโยชน์มาจากระบบนี้ ทั้งทางตรง ทางอ้อม
ที่เขียนนี่จึงไม่ได้อคติอะไรนะครับ แต่เมื่อมันมีปัญหาจริงๆ ก็ควรที่จะต้องมาพูดกัน
จากการอภิปรายงบประมาณประจำปีที่ผ่านไป มีผู้หยิบยกงบบำเหน็จ บำนาญ สวัสดิการ ข้าราชการมาพูดถึง เพราะมูลค่ามันสูงถึงสามแสนกว่าล้านบาท
3
บรรดาข้าราชการก็แสดงออกตอบโต้ ทางโซเชี่ยลมีเดียทันทีเหมือนกัน ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ
...แต่ผมว่า มันต้องมีการทบทวนกันบ้างนะ สามแสนล้านต่อปีนี่เยอะจริงๆ โดยเฉพาะในส่วนข้าราชการเกษียณอายุไปแล้ว ต้องไม่ลืมว่า ท่านเหล่านั้นไม่ได้มีเนื้องานแล้วในปัจจุบัน มันเป็นการสนองความดีที่ทำมาเท่านั้น
2
ถามว่าจำเป็นไหม มันก็จำเป็น และไม่ได้เรียกร้องให้ตัดสิทธิ์ใดๆในปัจจุบันของพวกท่านเหล่านั้น แต่เพื่อไม่ให้งบมันบานปลายต่อไปในอนาคต มันก็ควรที่รัฐบาลจะแก้ไขบ้าง
2
ที่มีปัญหาคือเราต้องย้อนไปดูระบบราชการของเราเองด้วย ว่ามันสร้างปัญหาไว้อย่างไร
ถ้าข้าราชการระดับสูง ที่รับเงินเหล่านี้มากๆ ทำงานดีตามเนื้องาน มันก็น่าให้
แต่ความจริงมันเป็นงั้นเหรอ?
เราต้องยอมรับความจริงว่า ในระบบราชการไทย มันมีการเลื่อนตำแหน่งหรือเพิ่มอัตราเงินเดือน ในลักษณะของการ"ปลอบใจ" ซึ่งมาจากการบริหารการเมืองในวงราชการเอง
1
ที่เห็นชัดที่สุด คือเหล่าทัพต่างๆ ที่เราเรียกกันว่า "นายพลขาลอย"
คือ ท่านเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือท่านที่พลาดหวังจากการคุมกำลังในตำแหน่งสำคัญๆ จึงได้รับการเลื่อนยศเพื่อเป็นการปลอบใจ ส่วนมากจะเรียกว่าผู้ทรงคุณวุฒิฯ
...แน่นอน ท่านเหล่านี้ไม่มีตำแหน่งที่มีผลกับประสิทธิภาพการทำงานของกองทัพเลย หรือมีก็นัอยมาก
แต่กินเบี้ยหวัด สวัสดิการในอัตรานายพล และเมื่อถึงการเกษียณอายุก็มักไปถึงอัตราสูงสุด ซึ่งรัฐบาลก็ต้องมาจ่ายส่วนนี้มากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะเมื่อคนเราในปัจจุบันอายุยืนขึ้นมาก ก็ยิ่งต้องจ่ายมาก
2
ไม่ใช่แค่เหล่าทัพ ในวงข้าราชการพลเรือนเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีการโยกย้ายก็มักจะมีลักษณะของการ "เข้ากรุ" คือ เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น แต่ไม่มีผลกับการทำงานขององค์กร.
4
....แล้วก็เหมือนเหล่าทัพ รัฐบาลก็ต้องแบกภาระส่วนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารตำแหน่งระดับสูงในลักษณะนี้
2
ถ้าจะแก้ไขเรื่องพวกนี้ ผมมองว่าไม่ใช่ไม่ให้ หรือลดสวัสดิการ แต่ควรให้กับผู้ควรได้จริงๆ ซึ่งลักษณะการเลื่อนตำแหน่งของวงราชการเรา มันไม่ได้ตอบโจทย์ตรงนี้
2
...นี่คือปัญหาแรก....
ปัญหาต่อมาคือความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ
เรื่องนี้ ข้าราชการเองทุกคนรู้ดี ว่ามันไม่ได้มีความโปร่งใส มันมีการคอรัปชั่นเงินส่วนนี้กันอย่างมโหฬาร ทั้งทางตรงทางอ้อม
1
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คือการไปหาหมอของข้าราชการ
ข้าราชการเอง รู้แก่ใจทุกคนแหละครับ หรือจะเถียง ใช้สิทธิข้าราชการหาหมอที หมอจ่ายยาเหมือนให้เอามาเปิดร้านขายยา เหลือกิน เกินจำเป็นตลอด แล้วมักจะเลือกจ่ายยานอกราคาแพงด้วย
2
...มันเงินทั้งนั้นแหละครับ ส่วนนี้เคยมีผลการศึกษาข้อมูล ว่ามันมากถึงหกหมื่นล้านบาทในแต่ละปี ที่ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่มันก็มีคนหากินกันแบบนี้จริงๆ
ยังจะเรื่องสวัสดิการที่พักอาศัยอีก สร้างกันกระจาย ขยันสร้างมาก สุดท้ายไม่มีใครอยู่
ไปดูเถอะครับ แฟลตตำรวจ แฟลตทหาร ว่างๆให้เกลื่อนไป ซึ่งส่วนนี้ผมไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรมาพิจารณาว่าสร้างหรือไม่สร้างเพิ่มยังไง แต่เห็นเหลือว่างเยอะมาก บางทีทั้งตึกเลยก็มี
3
...แล้วระหว่างก่อสร้าง ก็โกงกัน กินกัน ไม่ต่างกับโครงการรัฐอื่นๆ...
ถ้าแก้ปัญหาพวกนี้ไม่ได้ งบมันก็บานไปเรื่อยนั่นแหละครับ และยังเป็นแหล่งคอรัปชั่นอีกต่างหาก นี่คือปัญหาที่สอง ที่ทำให้มันเยอะเกินจริงไปมาก
1
สุดท้าย ระบบราชการไทย ควรถึงเวลาเปลี่ยนแปลง ปรับลดขนาดได้แล้ว
1
ระบบราชการไทยนั้นค่อนข้างจะครอบคลุมทุกอย่างมากจนเกินไป นี่ทำให้ต้องจ้างคนเป็นจำนวนมาก ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณที่ภาครัฐจะลงทุนเพื่อการพัฒนาไปโดยใช่เหตุ
เพราะในระบบราชการ เลี้ยงกันยันตายนั่นแหละครับ ไม่ใช่แบบเอกชน
3
มันควรมีการผ่อนถ่ายกิจการบางอย่างไปให้เอกชนในการดำเนินการได้บ้างแล้ว
...ปฏิรูประบบราชการ หรือเจาะจงกว่านั้น คือแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ....
1
ในความเข้าใจของคนไทยนั้น "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" จะถูกผูกกับคำว่า "ขายสมบัติชาติ" อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะคนไทยส่วนมากถูกสร้างแนวคิดมาให้เป็นอย่างนั้น
...ใครก็ตามที่มีแนวคิดแบบนี้ มักถูกโจมตีอย่างรุตแรง ซึ่งผมว่าผมก็คงไม่รอดเหมือนกัน...
แต่มันก็ต้องพูดล่ะ ...
การมองว่าขายสมบัติชาตินั้น เราเอามุมมองเชิงบวกมาเป็นตัวตั้ง กล่าวคือ เรามองแต่ว่ารัฐวิสาหกิจนั้น สร้างกำไรให้ประเทศมหาศาล ดังนั้นจึงไม่ควรให้ใครมาผูกขาดแทน
1
แต่เราไม่มองความจริงที่ว่า รัฐวิสาหกิจเอง ก็มีภาวะขาดทุนได้เช่นกัน เห็นชัดที่สุดคือการบินไทย , รถไฟไทย และขนส่งมวลชนกรุงเทพ
....แล้วรัฐบาลก็ต้องมาแบกรับภาระเหล่านี้ เป็นจำนวนมากทุกๆปี ทั้งภาระจากการดำเนินงาน และภาระในการเลี้ยงดูสวัสดิการข้าราชการในระบบเหล่านั้น
ผมยังเห็นด้วย ว่ารัฐควรเก็บสัดส่วนใหญ่ในกิจการเหล่านี้เอาไว้ เพื่อควบคุมเอกชนอีกที แต่ต้องไม่ใช่ผูกขาดทั้งหมดแบบในปัจจุบัน
มันจะดีกว่า ถ้าเอกชนเข้ามาร่วมรับความเสี่ยงจากรัฐบาลไปบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับประชาชนถ้ารัฐทำสัญญากับเอกชน ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
1
มันไม่ใช่การขายสมบัติชาติ เพราะผู้ออกสัมปทานยังเป็นรัฐ ที่จะเรียกคืนได้เสมอเมื่อผิดสัญญา และในทางเทคนิคมันก็ย่ออมมีรายใหม่พร้อมเข้ามาเพื่อทำแทนเสมอ
มันจึงมีการแข่งขันอยู่แล้ว นั่นทำให้อำนาจต่อรองสูงสุดก็ยังอยู่ที่รัฐเหมือนเดิม
มันจะช่วยรัฐลดความเสี่ยงและภาระต่างๆลงได้มาก
ที่ผ่านมาผู้ต่อต้านแนวคิดนี้ มักขู่สังคมว่า หากให้เอกชนดำเนินการ ทุกอย่างก็จะแพง ทำให้คนกลัวกันมากและเกิดการต่อต้านขึ้น
ทั้งที่ความเป็นจริง การที่รัฐวิสาหกิจอยู่ในมือรัฐมันก็ไม่ได้ช่วยให้สินค้าหรือบริการนั้นถูกลงแต่อย่างใด ที่จริงมันตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ เช่น ค่าไฟฟ้า , ราคาหวย พวกนี้ผลงานหน่วยงานรัฐบาลเองทั้งนั้น มันถูกไหมล่ะ
เชื่อไหม กรณีที่พูดกันมากคือการแปรรูป ปตท. ที่ทำไปแล้ว บางคนบอกว่าเป็นการขายสมบัติชาติ
แต่ความจริงถ้าปตท.เป็นของรัฐบาล 100% ไม่ใช่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์อย่างปัจจุบัน ช่วงโควิดที่ผ่านมา รับรองเลยว่า ปตท. จะเจ๊งเยอะพอสมควรเลย จากสงครามการทุบราคาน้ำมัน
คงไม่ได้มีกำไรมหาศาลต่อเนื่องมีเงินส่งเข้ารัฐมากๆ แบบทุกวันนี้หรอก เพราะข้อจำกัดมันมาก ระบบการบริหารก็ไม่ทันกับสถานการณ์ ดีไม่ดีรัฐต้องเอางบเข้ามาแบกซะด้วยซ้ำ
... ความจริงของรัฐวิสาหกิจไทยคือ พวกเขามีการปฏิบัติที่ผิดหลักการของรัฐวิสาหกิจตามนิยาม ที่เอาต้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง
แต่พวกเขากลับเน้นการทำกำไรสูงสุดจากประชาชนไม่ต่างจากองค์กรธุรกิจเอกชน
...ดังนั้นนอกจากประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังกลายเป็นภาระในการเอางบประมาณไปดูแลสวัสดิการคนเหล่านี้ มากโดยใช่เหตุอีกด้วย เรียกว่าประชาชนโดนสองเด้งเลยทีเดียวในกรณีของรัฐวิสาหกิจ
ในยุคที่คนอายุยืนขึ้นแบบนี้ ถ้ารัฐบาลยังไม่ปรับแก้อะไรเลย ทั้งสามอย่างที่ว่ามา
1
งบประมาณที่ต้องใช้เรื่องข้าราชการมันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด
อย่าลืมนะครับ สวัสดิการข้าราชการหนึ่งคน มันหมายถึงคนอีกสามหรือสี่คนที่จะได้สิทธิ์ไปด้วย มันจะยิ่งบานปลาย สิ้นเปลืองมาก ลำพังงบประจำเฉพาะตัวข้าราชการมันก็ 50-60% ของงบประมาณชาติเข้าไปแล้ว ไม่มีเหลือมาพัฒนาอะไรกันพอดี
มันไม่ไหวหรอกครับ แบบนี้ จะอย่างไรก็ต้องปรับปรุงระบบให้มันสอดคล้องกับความเป็นจริง
...ระบบปลอบใจ ขาลอย คอรัปชั่น เรื่องนี้เลิกได้ทันที โดยไม่ตัองปรับโครงสร้างอะไรเลย อยู่ที่จะทำกันรึเปล่าก็เท่านั้นแหละ
1
...เลิกระบบตอบแทน ขาลอย ให้พวกเงินเดือนสูงงานน้อยหมดไป แล้วเอาเงินส่วนนี้ มาจ้างคุณครู คุณพยาบาล มันดีกว่าไหมล่ะ
1
...และฝากถึงข้าราชการด้วยนะครับ...
สมัยก่อนพวกท่านเงินเดือนน้อยกว่าเอกชนค่อนข้างมาก มันจึงไม่มีใครบ่นมากนัก เกี่ยวกับสวัสดิการของพวกท่าน
แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว ท่านได้มากกว่าคนทำเอกชนอีก แถมมั่นคงสุดๆ กู้อะไร เข้าถึงทุนก็ง่าย
...ดังนั้นท่านต้องรู้จักพอบ้างนะครับ ไม่ใช่จะเอาทุกทาง พอใครแตะก็ไปด่าเขาแบบที่ทำอยู่....
1
...ไม่งั้นชาวบ้านเขาก็จะพูดเหมือนเดิมแหละครับ ว่าท่านเห็นประชาชนเป็นขี้ข้า ชอบเอาเปรียบประชาชน....
1
...ท่านอยากเป็นงั้นเหรอครับ ในสายตาเพื่อร่วมชาติ???...
...แล้วรัฐบาลนะครับ พอได้แล้วกับการสร้างรัฐราชการหาฐานเสียงแบบที่ทำอยู่ มันเปลืองภาษีครับ ...
1
...ไม่งั้น คนเขาก็ด่าท่านได้ทุกปีแหละ ขอบอก....
1
https://images.app.goo.gl/fWJUEBVokUXA2rUZA
โฆษณา