4 มิ.ย. 2022 เวลา 10:11 • การศึกษา
ชั่วโมงการเรียนรู้ที่ 30 – 35 “เรียนรู้เกี่ยวกับ Price Action” / โดย วัยรุ่นลงทุน
Price Action คืออะไร?
Price Action คือ รูปแบบของแท่งเทียน หรือ รูปแบบของราคากราฟในแต่ละ Time Frame หรือในแต่ละช่วงเวลา
การเรียนรู้ Price Action จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำรายได้ว่าต่อไปข้างหน้าราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน
โดยรูปแบบของ Price Action มีหลายรูปแบบแต่หลัก ๆ จะมีหัวใจของ Price Action มาจากความรู้ในเรื่องของ Momentum หรือ แรงเหวี่ยง
ถ้าเราสามารถเข้าใจพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับ Momentum ได้ ก็พอจะมองรูปแบบของ Price Action ออกง่าย และไม่ต้องจดจำรูปแบบมาก
Momentum สำคัญอย่างไร?
Momentum คือ การดูแรงสะสมของราคา ว่ามีการสะสมไปในทิศทางไหนมากกว่ากัน ก็จะช่วยให้ทำนายได้ว่าอนาคต ราคาจะมีโอกาสเคลื่อนไปในทิศทางนั้นได้มากกว่า
แต่ทั้งนี้ Price Action ไม่ใช่ตัวช่วยพยากรได้ทั้งหมด ยังคงต้องดูประกอบกับเทคนิคอื่น ๆ ต่อไป
โดยการศึกษา Price Action ในปัจจุบันนิยมใช้กราฟแท่งเทียนในการวิเคราะห์
ยกตัวอย่าง Chart Pattern Price Action
1. Engulfing, Bullish = กราฟแท่งถัดไปจะมีโอกาสเป็น ขาขึ้น
2. Last Engulfing, Bottom = กราฟแท่งถัดจะมีโอกาสเป็น ขาลง
3. Inverted, Hammer = กราฟแท่งถัดจะมีโอกาสเป็น ขาลง
4. Morning Star = กราฟแท่งถัดจะมีโอกาสเป็น ขาขึ้น
5. Rising 3 Methods = กราฟแท่งถัดจะมีโอกาสเป็น ขาขึ้น
6. Shooting Star (2 Line) = กราฟแท่งถัดจะมีโอกาสเป็น ขาขึ้น
เป็นต้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของรูปแบบ Price Action บางส่วนเท่านั้น เพื่อน ๆ สามารถหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือได้เลยนะคะ
รูปแบบของ Price Action
1. Bullish Candle = กราฟขาขึ้น
2. Bearish Candle = กราฟขาลง
3. Doji = กราฟที่ลังเล ไม่บอกทิศทาง
4. Pin Bar = กราฟที่ลังเล ไม่บอกทิศทาง
โดยรูปแบบของ Price Action จะมีเยอะมาก ๆ ถ้าได้ศึกษาจริง ๆ อาจจะต้องท่องจำกันทั้งวันหรือหลายวันเลยทีเดียว หากไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับ Momentum หรือ แรงเหวี่ยง
แต่ถ้าเราใช้ Momentum มาประกอบกับการวิเคราะห์ Price Action ก็จะพอคาดเดาความหมายของรูปแบบราคาต่าง ๆ ได้
ตัวอย่างการใช้ Momentum ประกอบกับการวิเคราะห์ Price Action
1. ถ้าราคาปิดของแท่งสุดท้ายอยู่เหนือ High ของแท่งก่อนหน้า
กราฟแท่งถัดไปจะมีโอกาสเป็น ขาขึ้น มากกว่า ขาลง
2. ถ้าราคาปิดของแท่งสุดท้ายอยู่ต่ำกว่า Low ของแท่งก่อนหน้า
กราฟแท่งถัดไปจะมีโอกาสเป็น ขาลง มากกว่า ขาขึ้น
3. ถ้าราคาปิดของแท่งสุดท้ายไม่สามารถปิดสูงกว่าหรือต่ำกว่าแท่งก่อนหน้าได้ (Inside Bar) วิเคราะห์โดยการไปดูแรงสะสมของกราฟก่อนหน้าถัดไปตามลำดับ ถ้าแรงสะสมไปในทิศทางไหนมากกว่า
จะมีแนวโน้มที่กราฟแท่งถัดไปจะไปในทิศทางนั้นมากกว่า
หมายเหตุ การดูกราฟ ในทุก ๆ Time Frame เราจะไม่นับกราฟแท่งปัจจุบันที่ยังไม่ปิดจบแท่ง
บทความนี้เป็นเพียงสรุปจากเนื้อหาที่หญิงศึกษาด้วยตัวเอง และอยากจะแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ศึกษาไปพร้อมกัน
เพื่อน ๆ ควรศึกษาความรู้จากหลาย ๆ ที่ เพื่อประกอบการตัดสินใจ และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จและมีความสุขในการลงทุนค่ะ
วัยรุ่นลงทุน
#วัยรุ่นลงทุน
#virunlongtun
#priceaction
#momentum
#chartpatternpriceaction
#bullishcandle
#bearishcandle
#doji
#pinbar
#การใช้โมเมนตัมวิเคราะห์priceaction
#forex

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา