5 มิ.ย. 2022 เวลา 05:01 • ยานยนต์
จากสภาพการใช้งานรถยนต์ตามปกติ ความดันลมยาง หรือ ลมยาง นั้นจะซึมออกตามขอบยาง หรือ วาล์วเติมลม หรือการขับกระแทกถนนอันสุดโหดอย่างในบ้านเรา ทำให้ลมยางมันหายไปเองเฉย ๆ ประมาณ 3 - 5 PSI ภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เราจึงต้องเติมมันกลับเข้าไป
1
  • แล้วควรเติมอย่างไรดีล่ะ ถึงจะเหมาะสม?
วิธีการดูว่ารถเราควรเติมลมเท่าไหร่ก็คือ เปิดประตูฝั่งคนขับแล้วจะเห็นสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่นั้นเอง
ตัวสติ๊กเกอร์นั้นจะบอกว่า เราควรเติมลมยางที่ความดันเท่าไหร่ โดยแบ่งล้อหน้า (Front) และ ล้อหลัง (Rear)โดยรถบางรุ่นอาจจะเติมล้อหน้า/ล้อหลังเท่ากัน แต่รถยนต์บางรุ่นก็อาจไม่เท่ากัน
และบางคันอาจมีอีกค่านึงที่เยอะเวอร์มาอยู่อันเดียว (อย่างในรูปคือ 60 PSI) ไม่ต้องตกใจไป มันคือค่าลมยางของยางอะไหล่ที่เก็บไว้ท้ายรถของเรานั้นเอง
และในอีกกรณีนึงคือเปิดรถมาเห็นสติ๊กเกอร์แล้วเห็นแต่ค่า KPA ไม่มีค่า PSI แล้วชั้นจะกดค่าที่ตู้เป็นเท่าไหร่ละ
ให้เอาค่า KPA ที่สติกเกอร์ไปคูณกับ 0.145 ก็จะได้ค่า PSI เพื่อไปกดที่ตู้นั้นเอง
  • ลมอ่อนเกินไป แข็งเกินไป มันจะส่งผลดี หรือผลเสีย ยังไงล่ะ?
ในกรณีที่ลมอ่อนเกินไปข้อดีก็คือการขับขี่ของเราก็จะนุ่มนวลขึ้นเปรียบเสมือนมีคนเอาหมอนมารองล้อรถเราแต่ข้อเสียก็คือ รถยนต์ของเรามันจะกินน้ำมันมากขึ้นและ ดอกยางจะสึกหรอแต่ด้านข้าง
ส่วนถ้าเราเติมลมแข็งเกินไปล่ะเป็นอย่างไรบ้าง
ข้อดีก็คือ รถเราจะประหยัดน้ำมันขึ้นจริงแต่
ข้อเสียก็คือ เราจะสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนทุกรอยต่อของถนนประเทศไทยและ ดอกยางของเรามันจะสึกหรอแค่ตรงกลาง
ทางที่ดีที่สุดก็ควรเติมลมให้เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตแนะนำนั้นแหละ
  • ควรเติมบ่อยแค่ไหน และ เติมตอนไหนถึงจะเหมาะสม??
โดยปกติแล้วถ้าเราใช้รถยนต์เป็นประจำ ควรนำรถยนต์ของเราไปเติมเดือนละหนึ่งครั้ง
หรือถ้าใครซื้อที่ตรวจเช็คลมยาง (ที่เป็นเหมือนนาฬิกาจับเวลา) ติดรถไว้ ก็อาจจะเช็คทุก 2 สัปดาห์ก็ได้
ส่วนช่วงเวลาในการเติมลม ก็ควรจะเติมตอนที่อุณหภูมิของยางเราไม่ได้ร้อน เช่น พึ่งออกจากบ้านมาเติมที่ปั้มน้ำมันใกล้บ้าน แต่ถ้าหากว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องไปเติมลมตอนที่รถวิ่งไปไกลแล้ว เช่นเติมที่ปั้มน้ำมันระหว่างทางตอนไปต่างจังหวัด ก็ควรเติมบวกขึ้นไปจากเดิม 2 - 3 PSI อย่างเช่น สติกเกอร์บอกว่า 35 PSI เราก็เติมเป็น 38 PSI นั้นเอง
#เติมลมยาง #รถยนต์ #ยางรถยนต์ #ดูแลรักษารถ
#carofdays
โฆษณา