[Podcasts#W2Day2] เฮ็บราย บทที่ 11 ข้อ 6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อก็ไม่อาจเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าได้ เพราะผู้ที่มาเข้าเฝ้าพระ-เจ้าต้องเชื่อว่า พระเจ้าทรงเป็น และต้องเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์.
ลูกา บทที่ 9 ข้อ 23 พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเองและแบกกางเขนของตนทุกวัน และตามเรามา.”
พระเจ้าทรงเรียกร้องแค่ให้ท่านเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็น [ฮร.11:6]. แท้จริงแล้วกริยา “เป็น” (verb to be) ก็คือชื่อเรียกอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตรีเอกภาพของเรา. ในเอ็กโซโดบทที่ 3 โมเซถามพระเจ้าว่าพระองค์ทรงพระนามว่าอะไร. พระเจ้าตรัสตอบว่า พระนามของพระองค์คือ “เราเป็นซึ่งเราเป็น” (ข้อ 13–14).... พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงเป็น.
ในทั้งจักรวาลไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่เป็น. มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เป็น. พระองค์ทรงเป็น เพราะพระองค์ทรงจริงแท้. สิ่งสารพัดที่พระองค์ทรงเนรมิตสร้างขึ้นล้วนแต่ไม่จริงแท้. นี่คือสาเหตุที่ซะโลโมกษัตริย์ผู้ชาญฉลาดได้กล่าวไว้ว่า สารพัดล้วนอนิจจัง (ผปก.1:2).
ท่านนึกว่าท่านเป็น แต่ท่านกลับอนิจจัง.... ดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์, สิ่งมีชีวิต, ฟ้าสวรรค์, และแผ่นดินโลกล้วนแต่อนิจจังทั้งสิ้น. มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่เป็น. กริยา “เป็น” นี้ (verb to be) บ่งชี้เป็นนัยถึงการดำรงอยู่. พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในกาลก่อน, ดำรงอยู่ในเดี๋ยวนี้, และจะดำรงอยู่ในเบื้องหน้านั้น. (CWWL, 1994-1997, vol. 1, “Crystallization-study of the Epistle to the Romans,” pp. 276-277)