11 มิ.ย. 2022 เวลา 00:19 • ธุรกิจ
Narcissism หลงอะไรก็ไม่ร้ายเท่าหลงตัวเอง
คำว่า “นาร์ซีซัส (Narcissus)” มาจากชื่อของชายหนุ่มรูปงามที่สุดในตำนานปกรณัมของกรีกที่มีรูปงามเสียจนทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาแกจะต้องส่องดูรูปโฉมตัวเอง ดูหน้าตาทรงผม มัดกล้ามซิกแพ็คของตัวเองด้วยความพึงพอใจ
หญิงสาวทั้งเมืองก็หลงรักในรูปโฉมของนาร์ซีซัสด้วยเช่นกัน ทำให้แกยิ่งมั่นหน้ามากเสียจนคิดว่าไม่มีสาวคนไหนที่มีค่าคู่ควรกับความหล่อของแก
ว่ากันว่าแกเคยทำให้หญิงสาวที่มาหลงรักถึงกับต้องฆ่าตัวตายเมื่อแกไม่รับรักเลยเชียวแหละ !
นอกเหนือจากหญิงสาวชาวมนุษย์จะหลงรักแกแล้ว ก็ยังมีนางไม้รูปสวยที่ชื่อเอ็คโค่ (Echo) ก็ยังมาหลงรักอีกด้วย
แต่เนื่องจากเอ็คโค่ไปทำให้เทพีเฮร่า (Hera) ที่เป็นมเหสีของซุส (Zeus-ผู้ปกครองคณะเทพเทวดากรีก) ไม่พอใจเลยสาปให้พูดซ้ำ ๆ เหมือนคนติดอ่างเลยกลายมาเป็นรากศัพท์ว่าเสียงเอ็คโค่ (Echo) แหละครับ
นางไม้เอ็คโค่เธออยากจะบอกรักนาร์ซีซัส แต่เนื่องจากถูกสาปก็เลยได้แต่พูดซ้ำ ๆ คำพูดสุดท้ายของนาร์ซีซัสอยู่นั่นแหละ
จนกระทั่งนาร์ซีซัสโมโหและพูดโพล่งออกมาว่า “ต่อให้เจ้าเป็นเทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite-ที่ชาวโรมันเรียกว่า “วีนัส” หรือ Venus ที่ถือกันว่าเป็นเทพีแห่งความรัก) เราก็ไม่ยอมให้เจ้าเข้ามาใกล้เราหรอก”
 
เท่านั้นแหละครับเทพีอโฟรไดท์ซึ่งเป็นเทพีแห่งความงามเกิดมีโมโหที่ถูกนาร์ซีซัสพูดลบหลู่ เธอก็เลยสาปว่า “ในเมื่อเจ้าหลงตัวเองถึงขนาดนี้ก็ขอให้เจ้าหลงรูปโฉมของตัวเองไปจนตายก็แล้วกัน”
ลองคิดดูสิครับ แค่แกยังไม่ถูกสาปยังหลงตัวเองซะมากมายขนาดนั้น แล้วพอถูกเทพีสาปซ้ำเข้าไปอีกจะหลงตัวเองมากขึ้นอีกขนาดไหน
คำว่านาร์ซีซัสจึงหมายถึงคนที่หลงตัวเอง (ไม่เฉพาะรูปโฉมเท่านั้นนะครับแต่หมายถึงหลงอำนาจวาสนาบารมีหรือหลงคิดว่าตัวเองถูกทุกเรื่องด้วยเหมือนกัน) มากจนไม่ฟังใครก็ว่าได้ครับ
หลังจากถูกสาป ระหว่างที่เดินทางกลับบ้านกลางป่าแกหิวน้ำก็เลยจะไปกินน้ำในสระน้ำระหว่างทางแกก็ไปเห็นเงาของของตัวเองในสระน้ำนั้นคำสาปก็เริ่มทำงานทันที นาร์ซีซัสมองเงาของตัวเองในสระอย่างหลงใหลจนกระทั่งไม่กินอาหาร
และในที่สุดแกก็ตายตรงข้างสระน้ำนั้นเอง
ตรงที่นาร์ซีซัสตายนั้นเองก็มีดอกไม้เล็ก ๆ เกิดขึ้นมาคือ “ดอกนาร์ซีซัส” ให้เราได้รู้จักกันจนทุกวันนี้
ต่อมาในทางการแพทย์ก็เลยมีการเรียกคนที่เป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบนี้นี้ว่าโรค “Narcissistic personality disorder” ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักจะคิด(และยึด)เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
เช่น อยากจะให้คนมาป้อยอเอาอกเอาใจ หรือชอบโอ้อวดความสำเร็จของตัวเองอวดรวยอวดบ้านอวดรถหรืออวดฐานะทางการเงินว่าฉันมีทรัพย์สินเยอะกว่าหรือเหนือกว่าคนอื่น หรือบางคนก็ขาดความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ฯลฯ
ซึ่งคนที่หลงตัวเองมาก ๆ เหล่านี้ก็มักจะทนการวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองไม่ได้หรือมักจะมีปัญหา EQ ต่ำ จะรู้สึกอับอายถ้าใครมาวิจารณ์ข้อเสียของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา !
ถ้าจะถามว่าจะสังเกตได้ยังไงว่าใครเริ่มจะมีอาการหลงตัวเอง ?
มักจะมีอาการแบบนี้ครับ....
- ขาดความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่เคยมีความคิดแบบ “ใจเขา-ใจเรา” มีแต่ “ใจเรา” เท่านั้น
- คิดว่าตัวเองสำคัญเหนือใคร เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการตัดสินเรื่องต่าง ๆ โดยไม่ฟังใคร
- หมกมุ่นอยู่กับเกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะ วัตถุต่าง ๆ เช่น บ้าน, รถ, ยศ, ตำแหน่ง มากจนเกินปกติ สังเกตได้ว่าคนแบบนี้มักจะโอ้อวดกับคนรอบข้างทั้งการพูดจาและการอวดผ่านสื่อต่าง ๆ
- ต้องการการยอมรับและอยากให้คนอื่นมาสนใจ มาเอาใจตัวเอง
- คิดแต่จะเป็นผู้รับ แต่ไม่เคยให้ใคร
- คิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษที่ควรจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เหนือคนอื่น
- มีความริษยาคนที่ได้ดีกว่าอย่างรุนแรง
- พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในแวดวงชั้นสูงเพื่อยกสถานะของตัวเองให้เหนือขึ้นไปเรื่อย ๆ
ประโยชน์ของการได้เรียนรู้เรื่องนี้คือเราจะได้นำมาทบทวนตัวเองเพื่อระมัดระวังไม่ให้มีพฤติกรรมแบบหลงตัวเอง
ในขณะที่จะได้นำความรู้ในเรื่องนี้มาสังเกตพฤติกรรมผู้คนในองค์กรของท่านดูนะครับว่าใครบ้างที่มีลักษณะของ Narcissistic personality disorder และมีอยู่ในระดับที่มากน้อยแค่ไหนแค่ไหน เพื่อหาทางหนีทีไล่และรับมือกับคนเหล่านี้อย่างเหมาะสมกับดีกรีความหลงตัวเองของคนเหล่านั้น
แต่พูดก็พูดเถอะครับ ถ้าคนที่เป็นผู้บริหารขององค์กรยิ่งมีตำแหน่งสูงมากขึ้นเท่าไหร่แล้วมีอาการหลงตัวเองมากตามตำแหน่งไปด้วยล่ะก็ ทายได้ว่าองค์กรนั้นคงจะมีความปั่นป่วนในเรื่องของคน (โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกน้อง) มากตามไปด้วย
และจะเป็นสาเหตุสำคัญของการที่คนเก่งคนมีศักยภาพต้องทิ้งองค์กรไปในที่สุด !
โฆษณา