15 มิ.ย. 2022 เวลา 14:08 • ครอบครัว & เด็ก
ธรรมะสอนใจl เตือนใจl ความอยากได้ในกาม ยากจะห้ามได้ lธรรมะจากพระไตรปิฎก
ฟังในยูทูปได้ที่
โทษของกามนั้นร้ายอย ่างยิ่ง เช่น ขณะที่โจรกำลังจะข่มขืนผู้หญิง เขาเห็นคุกไหม ? เขาเห็นว่าผู้หญิงหรือพ่อแม่ของผู้หญิงเขาจะเดือดร้อนไหม ? หรือว่า ตัวเองจะต้องมีโทษอะไรไหม ? คำตอบคือ ไม่เห็นเลย
พระที่ ลาสิกขาไปก็เพราะมีกามเป็นตัวบังคับ เพราะว่ากามนั้น ทำให้มืด ทำให้ไม่มีปัญญา กามจึงเป็นที่ดับแห่งปัญญา
ขนาดเหาะยัง ร่วงมาแล้ว พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ หรือชาดกจำนวน ๕๔๗ เรื่อง มีอยู่ ๓ ชาติ ที่พระโพธิสัตว์เหาะมาแล้วร่วง น่ากลัวมาก กว่าจะเหาะได้ ใช้เวลานานมาก แต ่เวลาร ่วง ไวมาก มีตัวอย่าางพระชาติหนึ่งมาเล่าให้ฟังกัน สมัยพระชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่า “หาริตกุมาร”๑๐ เพราะว่ามีผิวสีเหลืองดั่งทอง เมื่อเจริญวัยจึง ไปเล่าเรียนวิชาจากเมืองตักกศิลา ครั้นบิดามารดาล่วงลับไปแล้ว
ได้เห็น โทษของการครองเรือน จึงสละทรัพย์สมบัติจำนวน ๘๐ โกฏิ ออกบวช เป็นดาบส แล้วเข้าไปยังหิมวันตประเทศ บำเพ็ญเพียรอยู ่ ๗ วัน จึงได้บรรลุอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ดำรงชีพอยู่ในป่า มีเผือกมันและ ผลไม้เป็นอาหาร วันหนึ่ง อยากลิ้มลองอาหารรสชาติอื่น ๆ ดูบ้างจึงออกมา จากป่า แล้วเข้าไปยังพระนครพาราณสีด้วยกิริยาที่สำรวม
พระราชาทอดพระเนตรเห็นแล้ว ก็มีพระทัยเลื่อมใส จึงรับสั่งให้นิมนต์ท่านมา ฉันโภชนะในพระราชวังหลวง หลังจากนั้นจึงตรัสถามดาบสว่า “พระผู้ เป็นเจ้า กำลังจะไปที่ไหน ?” หาริตดาบสก็ทูลว่า “อาตมภาพกำลังหา ที่จำพรรษา มหาบพิตร” พระราชาจึงอาราธนาให้ดาบสจำพรรษาอยู่ ในพระราชอุทยาน พร้อมรับสั่งให้ราชบุรุษสร้างกุฏิถวาย คอยอุปัฏฐาก บำรุงเป็นประจำมิได้ขาด
ตั้งแต่นั้นมาจนเวลาผ่านไป ๑๒ ปี ต ่อมาชายแดนเกิดความไม ่สงบขึ้น พระราชาจึงต้องทรงยก ทัพไปปราบ แล้วก็รับสั่งให้พระมเหสีคอยดูแลพระดาบสแทน ทุกวัน พระมเหสีจะต้องเตรียมอาหารไว้ถวาย มีอยู่วันหนึ่ง ดาบสเข้าฌานนาน จนเลยเวลา
พอออกจากฌานมา เห็นว่าสายแล้ว จึงเหาะมาด้วยฤทธิ์ ฝ่ายพระมเหสีนั้นเห็นว่าพระดาบสไม่มาสักที พระองค์จึงทรงนุ่งห่ม พระภูษาเนื้อเกลี้ยง (ผ้าที่มีเนื้อลื่น) แล้วทรงพักผ่อนบรรทม ฝ่ายดาบส ถือวิสาสะเหาะเข้ามาทางสีหบัญชร (หน้าต่างพระที่นั่ง) เมื่อเสียงหนังเสือ กระทบกับขอบหน้าต ่าง จึงทำให้พระมเหสีตกพระทัย เสด็จลุกขึ้น โดยเร็ว พระภูษาของพระนางจึงหลุดลง
ครั้นดาบสเห็นภาพนั้น เกิดความรู้สึกว่า “สวยจริงหนอ ๆ” กิเลสที่หมักดองอยู่ภายในใจก็ กำเริบขึ้น จึงเสื่อมจากฌานสมาบัติ ร่วงลงพื้น ร่วงง่ายไหม ? กาม มันแรงจริง ๆ เมื่อเกิดความกำหนัดยินดี ดาบสจึงเข้าไปจับพระหัตถ์ ของพระมเหสี แล้วประกอบเมถุนธรรมด้วยกัน เข้าใจหรือยังว ่า
กามมันทำให้มืด ไม ่เห็นดีชั่วแล้ว หลังจากวันนั้นพระโพธิสัตว์กับ พระมเหสีก็เสพกามด้วยกันทุกวัน ข ่าวลือนี้แพร ่ไปทั่วเมืองเลย พวกอำมาตย์จึงส ่งสาสน์ไปหา พระราชาว่า “หาริตดาบสทำอย่างนี้” แต่พระราชาก็ไม่ทรงเชื่อ เพราะ เคารพดาบสมาก ทรงดำริว ่า “พวกอำมาตย์ต้องการจะทำลายเรา” จึงรีบปราบชายแดนให้สงบ แล้วเสด็จกลับไปยังพระนคร พระองค์ เสด็จเข้าไปหาพระมเหสี
แล้วตรัสถามว่า “ได้ข่าวว่า พระดาบสกับเธอ เสพเมถุนธรรมกันจริงหรือ ?” พระมเหสีกราบทูลว่า “จริงเพคะ” แต่ พระราชาก็ยังไม่ทรงเชื่ออีก จึงเสด็จเข้าไปหาดาบสในพระราชอุทยาน นมัสการดาบสแล้วจึงตรัสถามว่า “ข้าแต่ท่านผู้ประเสริฐ โยมได้ยิน คนทั้งเมืองเขาพูดกันว ่า หาริตดาบสบริโภคกามกับพระมเหสี คำนี้ ไม่เป็นจริงกระมัง ท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่หรือ ?”
พระโพธิสัตว์คิดว่า เมื่อเราทูลว่า เราไม่ได้บริโภคกาม พระราชานี้ก็จักทรงเชื่อเรา แต่ว่าใน โลกนี้ ขึ้นชื่อว่าที่พึ่งที่เช่นกับความสัตย์ไม่มี เพราะว่าผู้ที่ทิ้งความสัตย์ เสียแล้ว ย่อมไม่สามารถจะนั่งที่โพธิบัลลังก์บรรลุพระโพธิญาณได้ หาริตดาบสจึงทูลพระราชาว่า “เจริญพรมหาบพิตร พระองค์ได้ สดับถ้อยคำมาแล้วอย่างใด ถ้อยคำนั้น ก็เป็นจริงตามนั้น
อาตมภาพ เป็นผู้หมกมุ่นอยู่ในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง เดินผิดหนทาง” พระราชาสดับดังนั้น จึงตรัสว ่า “ปัญญาที่ละเอียด คิดสิ่งที่เป็น
ประโยชน์ เป็นเครื่องบรรเทาราคะที่เกิดขึ้นแล้วของท ่านมีไว้เพื่อ อะไร ท่านจึงไม่อาจบรรเทาความคิดที่แปลกได้” เมื่อจะแสดงอำนาจ ของกิเลส ดาบสจึงกราบทูลว่า “เจริญพรมหาบพิตร กิเลส ๔ อย่าง เหล่านี้ คือ ราคะ (ความยินดีในกาม) โทสะ (ความโกรธ) โมหะ (ความ หลง) มทะ (ความมัวเมา) เป็นของมีกำลังกล้า หยาบคายในโลก เมื่อกิเลส เหล่าใดรัดรึงแล้ว ปัญญาก็หยั่งไม่ถึง” พระราชาทรงสดับดังนั้น
จึงตรัสว่า “โยมได้ยกย่องท่านอย่างนี้ ว่า หาริตดาบสเป็นพระอรหันต์ สมบูรณ์ด้วยศีล ประพฤติบริสุทธิ์ เป็นบัณฑิต มีปัญญาแท้” หาริตดาบสได้ฟังแล้ว จึงทูลพระราชาว่า “เจริญพรมหาบพิตร วิตกอันลามก เป็นไปด้วยการยึดถือนิมิตว่างาม ประกอบด้วยความกำหนัด ย่อมเบียดเบียนแม้ผู้มีปัญญา ผู้ยินดีแล้วใน คุณธรรมของฤๅษี” พระราชาเมื่อจะทำให้ดาบสได้สติ จึงตรัสว่า “ความ กำหนัดยินดีนี้เกิดในกาย
เกิดขึ้นมาแล้ว เป็นของทำลายวรรณะของท่าน ท่านจงละความกำหนัดนั้นเสีย ความเจริญย่อมมีแก่ท่าน ท่านเป็นผู้อัน ชนหมู่มากยกย่องแล้วว่าเป็นคนมีปัญญา” ดาบสพระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น แล้วกลับได้สติ พิจารณาโทษ ของกามแล้วจึงทูลว ่า “กามเหล ่านั้นทำแต ่ความมืดให้ มีทุกข์มาก มีพิษใหญ่หลวง อาตมภาพจักค้นหามูลรากแห่งกามเหล่านั้น จักตัด ความกำหนัดพร้อมเครื่องผูกเสีย” จากนั้นจึงขอพระราชทานโอกาสว่า
“เจริญพรมหาบพิตร ขอพระองค์จงประทานโอกาสแก่อาตมภาพก่อน” แล้วดาบสนั้นจึงเข้าไปยังบรรณศาลา พิจารณาดวงกสิณ ยังฌานที่ เสื่อมแล้วให้เกิดขึ้นอีก ออกจากบรรณศาลา นั่งคู้บัลลังก์ในอากาศ ถวายธรรมเทศนาแด่พระราชาว่า “เจริญพรมหาบพิตร อาตมภาพถูก ติเตียนในท ่ามกลางมหาชน เพราะเหตุที่มาอยู ่ในที่ไม ่สมควร ขอพระองค์จงเป็นผู้ไม่ประมาท
บัดนี้ อาตมภาพจักกลับไปสู่ไพรสณฑ์ ให้พ้นจากกลิ่นสตรี” เมื่อพระราชาทรงกรรแสงครำ่ ครวญอยู่ ดาบสนั้น ได้เหาะกลับไปสู ่หิมวันตประเทศ ครั้นถึงคราวลาโลกก็เป็นผู้เข้าถึง พรหมโลกในเบื้องหน้า หาริตดาบสเหาะมาแล้วร่วง เพราะว่าความกำหนัดยินดีในกาม พระมเหสีถวายข้าวทุกวัน ยังไปเสพกามกับพระนางอีก นี่เพราะอำนาจ ของกาม
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้สำรวมระวัง เห็นตามอารมณ์ ว่าไม่งาม ด้วยประการฉะนี้ ผู้หญิงแม้เป็นมารดาก็ยังอันตรายสำหรับ นักบวช
กามารมณ์
กามคุณ, อารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนา, ความพอใจในเรื่องทางเพศ. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงกามาทีนวกถา ทรงชี้ให้เห็นโทษของกามทั้งหลาย เพราะความสุขในสวรรค์ ก็ยังเพียบพร้อมอยู่ด้วยกามคุณ ๕ ชาวสวรรค์ก็ยังมีความยินดีพอใจในกามคุณ อารมณ์ อันเป็นเหตุที่ยังทําให้วนเวียนอยู่ในวัฏฏะได้อีก
อริยบุคคลคือพระโสดาบัน พระสกทาคามีบุคคล ที่บังเกิด ในสวรรค์ อกุศลธรรมทั้งหลายก็ยังเจริญได้ แม้พระอนาคามีที่บังเกิด ในชั้นสุทธาวาส ได้เห็นต้นกัลปพฤกษ์ในสวนสวรรค์ ก็ยังเปล่งอุทานว่า สุขหนอ สุขหนอ ทั้งนี้เพราะ พระอนาคามีท่านก็ยังละตัณหาในภพไม่ได้
แต่ตัณหานั้นก็มิใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน บางคนเพลิดเพลินยินดีก็ถึงความเสื่อมและพินาศจากกุศลธรรม บางคนเบื่อหน่ายคลายกําหนัด ย่อมเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นในสวรรค์นั้นเอง
โฆษณา