4 เทคนิค ใช้บัตรเครดิตแบบมืออาชีพ
บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงิน ที่คนส่วนใหญ่มีติดตัวเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต ช่วยให้เรา “เข้าถึงโอกาสหรือสิ่งที่มีความจำเป็นได้ง่ายขึ้น”
ถ้าเราบริหารค่าใช้จ่ายเป็น บัตรเครดิตจะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้เราได้อย่างยั่งยืน
วันนี้เราจะมาบอก 4 เทคนิค ในการใช้บัตรเครดิตแบบมืออาชีพ จะเป็นยังไง ไปดูกันเลย
ก่อนจะสมัครบัตรเครดิต เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า เราจะใช้บัตรเครดิตทำอะไรบ้าง เช่น ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว เติมน้ำมัน เป็นต้น เพราะบัตรเครดิตแต่ละเจ้า ก็จะมีโปรโมชัน ส่วนลด ที่แตกต่างกันไป
รู้ไลฟ์สไตล์ตัวเอง
คำว่า “บัตรอะไรก็ได้ขอให้สมัครผ่านก็พอ” ไม่มีอยู่จริงนะ เพราะถ้าบัตรนั้นไม่ตอบโจทย์ในการใช้ชีวิต เราก็จะมีบัตรใหม่งอกเพิ่มอีกเรื่อย ๆ อยู่ดี
📌เทคนิคที่แนะนำ คือ ควรมีบัตรเครดิตไม่เกิน 2 ใบ ใบแรกเป็นบัตรหลัก อีกใบเป็นบัตรสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพราะยิ่งจำนวนบัตรน้อยเราจะจดจำการใช้จ่ายได้ดีขึ้น ไม่ใช้จ่ายเกินตัวยังไงล่ะครับ
เลือกบัตรที่มีสิทธิพิเศษที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
พอเรารู้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว สิ่งที่บัตรเครดิตทุกเจ้าทุกยี่ห้อจะนำเสนอให้เรา คือ สิทธิพิเศษ ซึ่งเราควรทำการบ้านมาก่อนว่าบัตรที่ตรงกับความต้องการของเราจริง ๆ คืออะไร และบัตรนั้นมีสิทธิพิเศษดีที่สุดแล้วหรือยัง
บัตรเครดิตส่วนมากจะมีโครงการสิทธิพิเศษคล้ายกัน แต่แตกต่างกันที่ “ตัวเลข” ของสิทธิพิเศษนั้น ๆ ขอเน้นย้ำว่า ควรเปรียบเทียบตัวเลขดังกล่าวให้ครบถ้วนก่อน เพื่อให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุดไว้ครอบครอง
เราเลยจะมาแชร์สิทธิพิเศษยอดนิยมที่หลายคนอาจลืมไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง ดังนี้
1. เอาใจสายเที่ยว
กับสิทธิพิเศษสะสมแต้มใช้แลกเป็นไมล์การเดินทาง เพื่อแลกตั๋วเครื่องบิน บางบัตรยังสามารถเข้าใช้บริการเลาจน์ของสายการบินได้ด้วยนะ ได้บินหรู ๆ กันเลย
2. เอาใจสายช้อป
กับสิทธิพิเศษสะสมแต้มเพื่อแลกเป็นส่วนลด On Top ตามห้างสรรพสินค้า สิทธิพิเศษนี้ต้องศึกษาให้ดีเลยนะ เพราะบัตรแต่ละใบมีโปรโมชันให้เราสะสมแต้มแตกต่างกันพอสมควรเลย เช่น ใช้จ่าย 25 บาท ได้ 1 คะแนน กับบางเจ้าใช้จ่าย 15 บาท ได้ 1 คะแนน แถมได้คะแนน x 2 อีก เมื่อช้อปปิ้งในต่างประเทศ เป็นต้น
📌เทคนิคเล็ก ๆ ถ้าเราเป็นนักสะสมแต้ม เราอาจอาศัยเป็นตัวแทนของกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เวลาต้องชำระบิลค่าอาหาร งานเลี้ยง แม้ว่าเราจะต้องไปรวบรวมเงินมาจ่ายตอนวันครบกำหนดชำระ แต่แต้มสะสมเราจะเพิ่มแบบทวีคูณเลยล่ะ
3. เอาใจสาย Cash Back
เป็นบัตรเครดิตประเภทเงินคืน เพราะทุกยอดใช้จ่ายมักจะได้รับเงินคืนเข้าบัตรเครดิตอยู่เสมอ ขอกระซิบดัง ๆ เลยว่าเหมาะกับช่วงนี้มาก เพราะน้ำมันขึ้นราคาแบบนี้ เรามันคนต้องกินต้องใช้ด้วย จะมีทางไหนดีกว่าการได้รับเงินคืนทุกครั้งที่เติมน้ำมันล่ะครับ
แต่อย่าลืมเปรียบเทียบให้ครบถ้วนล่ะ บัตรเครดิตประเภท Cash Back แต่ละใบให้สิทธิพิเศษเงินคืนตั้งแต่ 1-10% เลยนะ
4. เอาใจสายผ่อนหนักเป็นเบา
บัตรเครดิตในปัจจุบันมีช่วงเวลาในการผ่อนชำระ 0% ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป มากน้อยแตกต่างกัน สิ่งที่เราอยากแนะนำ คือ บริการทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราสามารถผ่อนชำระค่าบริการได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณภาพชีวิตเราดีแน่นอน ดังนั้น ใครเป็นสายวางแผนบริหารเงินเก่ง ไม่อยากใช้เงินก้อน ต้องศึกษาให้ดีนะ
วางแผนรูดบัตร
🎯 มีคนกล่าวว่า แผน คือ สิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลง และถ้าจะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นจากการใช้บัตรเครดิต ก็ต้องมีแผนนะ เราเลยมีเทคนิคการวางแผนการรูดบัตรไว้ 2 ประเภทดังนี้
🛒 ประเภทที่ 1 สำหรับนักช้อปตัวยง
ขาประจำเทศกาล 7.7 8.8 9.9 ผู้ร่วมอุดมการณ์ “ของมันต้องมี” โปรดหายใจให้ลึกกว่าเดิม และคุยกับตัวเองอีกครั้งว่า
1. ของเหล่านั้นจำเป็นจริงมั้ย และ
2. เรามีเงินพอซื้อของชิ้นนั้นโดยไม่กระทบกับการดำเนินชีวิตใช่มั้ย
ถ้าตอบทั้ง 2 ข้อได้ ก็ลุยเลย ของมันต้องมีจริง ๆ
แต่ถ้าของยังไม่จำเป็นใน “ตอนนี้” เราขยับไปซื้อในช่วงเวลาอื่นได้มั้ย มันอาจจะจำเป็นตอนนั้น และเราก็อาจจะได้ของที่ราคาถูกกว่าเดิมด้วย
หรือถ้ามันจำเป็น แต่เงินในกระเป๋าเรามันไม่เอื้ออำนวย เราก็ใช้วิธีการขยับวันรูดซื้อสินค้าไปอีกนิด ให้ข้ามไปรูดในรอบบิลของเดือนถัดไป
เพื่ออย่างน้อยเราจะได้มีเวลาหายใจหายคอและไปบริหารการเงินให้มีประสิทธิภาพ จากประโยชน์ของระยะปลอดดอกเบี้ยด้วย
🛒 ประเภทที่ 2 สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
งานประจำคือการหมุนเงิน การขายของเป็นงานอดิเรก ถ้าแหล่งที่ไปรับสินค้ามาขาย รับชำระด้วยบัตรเครดิตได้ เราขอแนะนำให้จ่ายด้วยบัตรเครดิตไปเลย
เท่ากับว่าเราไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพราะเรารูดบัตรรับของมาขายก่อน แล้วเสียเงินสดจริงทีหลัง ดังนั้น ถ้าเราขายของได้ก่อนวันครบกำหนด เราก็มีเงินไปจ่ายค่าบัตรเครดิตแล้ว ไหนจะได้กำไรจากของที่ขายอีก
สำคัญที่สุด คือ ต้องมั่นใจว่าจะสามารถขายสินค้านั้นได้ก่อนที่จะถึงวันสรุปยอดบัตรเครดิตนะครับ ถ้าบริหารการขายได้ดี อภิมหาเศรษฐีก็เป็นแค่ชื่อเล่นแล้วล่ะ
จ่ายตรงเวลา และเต็มจำนวน
💎 ท่องไว้ว่า “เราใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก ไม่ใช่เพราะเอาเงินคนอื่นมาใช้” ฉะนั้นอย่าสร้างหนี้ด้วยการจ่ายขั้นต่ำ หรือผิดนัดชำระหนี้เด็ดขาดนะ
เพราะถ้าเราจ่ายขั้นต่ำ โทษของมัน คือ ดอกเบี้ยมหาโหดเฉลี่ยถึง 18% และคิดแบบ 2 เด้งด้วยนะ ยกตัวอย่างเช่น
ในวันที่ 19 มิถุนายน เรารูดซื้อสินค้า 30,000 บาท และเลือกชำระขั้นต่ำที่ 10% คือ 3,000 บาท โดยบัตรดังกล่าวจะสรุปยอดทุกวันที่ 18 ของเดือน และวันครบกำหนดชำระ คือ ทุกวันที่ 2 ของเดือนถัดไป
สมมุติว่าในวันที่ 2 สิงหาคม เราเลือกชำระขั้นต่ำที่ 10% คือ 3,000 บาท
บัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยเรา 2 เด้ง คือ
💸 เด้งที่ 1 คิดจาก
ยอดชำระ x ดอกเบี้ย x จำนวนวันที่ทำรายการถึงวันก่อนวันชำระ 1 วัน (19 มิถุนายน - 1 สิงหาคม = 43 วัน) / 365
ดอกเบี้ยเด้งที่ 1 จะเท่ากับ 30,000 x 18% x 43 / 365 = 636.16 บาท
💸 เด้งที่ 2 คิดจาก
ยอดคงค้าง x ดอกเบี้ย x จำนวนวันจากวันที่ชำระคืนบางส่วนถึงวันสรุปยอดบัญชีครั้งถัดไป (2-18 สิงหาคม = 16 วัน) / 365
ดอกเบี้ยเด้งที่ 2 จะเท่ากับ 27,000 x 18% x 16 / 365 = 213.04 บาท
ดังนั้น วันสรุปบัญชีวันที่ 18 สิงหาคม จะมีดอกเบี้ยเรียกเก็บเพิ่มทั้งหมด 636.16 + 213.04 = 849.20 บาท
และวันครบกำหนดชำระวันที่ 2 กันยายน จะมียอดคงค้างเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 27,000 + 849.20 = 27,849.20 บาท!
📌 สรุป เทคนิคที่แนะนำ คือ จ่ายให้ตรงเวลา จ่ายให้เต็มจำนวน ไม่ใช้จ่ายเกินตัว หนี้จะไม่พอกพูน เพื่อประวัติทางการเงินที่ดีของเราครับ
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
