25 มิ.ย. 2022 เวลา 00:03 • ความคิดเห็น
A rising tide lifts all boats
ผมได้มีโอกาสสนทนากับ paul ark ผู้เป็น venture capitalist ระดับทอปของเอเชีย พอลเป็นคนไทยที่พูดไทยไม่ได้ เคยทำงานที่ธนาคารสหรัฐ เคยทำบริษัทแอปเปิ้ลที่จีน เคยช่วยธนาคารที่ผมทำงานอยู่บริหารกองทุน fintech อยู่พักใหญ่ ตอนนี้พอลอยู่ในแวดวงการลงทุนแบบ startup ของภูมิภาค เวลาคุยกับพอลทีไรก็จะได้มุมมองระดับโลกที่ไม่เหมือนคุยกับคนไทยเสมอ
1
รอบนี้พอลก็เล่าเรื่องราวของเทครอบโลก คุยเรื่องคริปโตและไบโอเทคให้ฟัง พร้อมให้ข้อสังเกตว่าในช่วงที่ตลาดพังวอดวายไล่ตั้งแต่คริปโตจนถึงหุ้นเทคหลายวงนั้น เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนหลายรอบ ตั้งแต่ดอทคอมเมื่อทศวรรษ 90 แล้วในช่วงฟองสบู่แตกทุกครั้ง ก็จะมีบริษัทล้มหายตายจาก ผู้คนเสียชื่อเสียง เสียเงินทองจำนวนมาก เคสที่ดูปกติเวลาขาขึ้นก็เริ่มมีกลิ่นตุๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
1
พอลบอกว่าขาลงรอบนี้จะพาคลื่นปัญหาเรื่อง governance หรือธรรมาภิบาลของบริษัท startup มาจำนวนไม่น้อย กองทุนต่างๆก็ยังทยอยลงทุนอยู่แต่จะเน้นอย่างมากไปที่การบริหารจัดการ ความโปร่งใสและระบบบัญชี มากขึ้นมาก เพราะน้ำพอลดลง ตอที่เคยมองไม่เห็นก็จะเริ่มผุด ตอนขาขึ้นไม่ค่อยเห็นว่าใครคือตัวจริงเสียงจริง ขาลงเป็นเรื่องดีเพราะจะเหลือแต่คนที่เก่งและมีธรรมาภิบาลจริงๆให้เลือกลงทุน
พอลจบด้วยประโยคที่บอกว่าเวลาขาขึ้นก็เหมือนกับคลื่นยักษ์เรือห่วยเรือดี เรือเล็กเรือน้อยก็ได้อานิสงส์ไปหมด เพราะ A rising tide lift all boats ….
เวลาขาขึ้นแล้วเราไปอยู่ในคลื่นที่หนุนสูงนั้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและเกิดความหลงเคลิบเคลิ้มไปกับความสำเร็จและคิดว่ามาจากฝีมือตัวเองเอาได้ง่ายๆ ความเคลิบเคลิ้มนั้นทำให้เกิดภาพลวงตาในใจ และมีโอกาสทำให้ตัดสินใจผิดๆ อันจะนำมาสู่หายนะเวลาคลื่นลงก็มีให้เห็นอยู่มาก
1
ผมเองก็เจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองอยู่หลายครั้ง ตั้งแต่ตอนตลาดหลักทรัพย์บูมเมื่อก่อนต้มยำกุ้ง ผมทำงานอยู่ในใจกลางของคลื่นในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
1
ในตอนนั้นซื้อหุ้นตามข่าวลือรอบตัวก็ทำกำไรได้เป็นเท่าตัว มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก จนไประดมทุนญาติพี่น้องมาลงด้วยความที่คิดว่าตัวเองเก่งเสียเหลือเกิน พอเกิดเหตุการณ์ต้มยำกุ้ง เงินลงทุนที่มีก็สูญไปจนเกือบหมด ถึงจะมาเข้าใจภายหลังว่าไม่ได้มีฝีมืออะไรมากกว่าคนอื่นเลย
แต่ก็ยังดีกว่าอีกหลายคนที่ไปกู้หนี้ยืมสินเล่นมาร์จิ้นด้วยความมั่นใจ พอน้ำลด จากเศรษฐีร้อยล้านกลายเป็นสิ้นเนื้อปะดาตัวเอาก็มาก ไม่ต้องดูอื่นไกลรอบนี้ก็จะเห็นเซียนคริปโตหลายคนเป็นแบบผมในตอนนั้น
ในช่วงที่ลอยละล่องเหนือคลื่นแล้วคิดว่าตัวเองเก่งนั้น หลายครั้งก็ทำให้เรามั่นใจเกิดเหตุ ผมทำงานที่ดีแทคและได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมากในตอนนั้น ตัวเองก็หลงคิดไปว่าเราคือมือการตลาดที่เก่งสุดยอดโดยลืมนึกไปว่าในช่วงนั้นอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกำลังเติบโตถึงขีดสุด นักข่าวทำข่าวเยอะมากเพราะเป็นอุตสาหกรรมดาวเด่น เราเองก็ขี่คลื่นยักษ์ลูกนั้นโดยไม่รู้ตัว ทำอะไรก็เด่นดังได้ง่ายกว่าอุตสาหกรรมอื่น
1
ทำให้อีโก้เบ่งบานเกินจริง ในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกแล้วก็มาล้มเหลวอยู่สองสามครั้งกว่าจะฟื้นตัวกว่าจะเข้าใจถึงความเป็นจริงได้
ผมเองก็เคยเห็นคนที่ประสบความสำเร็จร่ำรวย มีชื่อเสียงในช่วงขาขึ้นแล้วเริ่มทำตัวกร่าง ใครเตือนก็ไม่ฟัง พอมีอำนาจมากๆก็พยายามซื้อสื่อ ใครเขียนด้านลบกระทบอะไรก็ไม่ได้ เริ่มออกมาพูดเป็นศาสดา มีสาวกชื่นชมจำนวนมาก แห่ตามมาลงทุน ทำตามศาสดา แต่พอขาลงก็ปรับตัวไม่ทัน ไปโม้ไปอะไรไว้เยอะ คนหมั่นไส้คนเกลียดก็มากประมาณคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ กลายเป็นหอกทิ่มแทงกลับมาก็เห็นบ่อย
แต่ที่น่ากลัวที่สุดเวลาขึ้นสูงตามคลื่นแล้วไม่คิดว่าคลื่นจะมีวันสงบ คิดแต่ว่าคลื่นคงจะหนุนต่อเนื่องและตัวเองก็มีอิทธิฤทธิ์มาก ก็เริ่มทำอะไรที่ผิดๆ เริ่มจากผิดเล็กผิดน้อย แต่งบัญชีบ้าง สร้างผลกำไรเทียมบ้าง เริ่มทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะมีใครมาตรวจสอบ
เริ่มใช้เงินบนพื้นฐานที่ผิดๆ คิดว่ามีเวลาและมีปัญญาพอที่จะแก้ไขได้ไม่ยาก พอคลื่นที่หนุนหยุดกะทันหันก็กลับตัวอะไรไม่ทัน กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่พบเห็นได้ตามหน้าข่าวอยู่บ่อยครั้งจนเวลาได้ยินก็ไม่อยากเชื่อว่าบริษัทชั้นนำขนาดนั้นจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
1
คลื่นยักษ์หนุนสูงแล้วก็เหือดหาย มีมาทุกยุคทุกสมัย ทุกๆห้าปีสิบปีก็จะมีที บทเรียนเรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นมาตลอด เวลาคลื่นหนุนสูงแล้วเราเป็นหนึ่งในเรือที่ได้รับอานิสงส์ก็ควรจะพยายามหา mentor หรือฟังผู้ที่เคยผ่านคลื่นแบบนี้ทั้งขาขึ้นและขาลงมาก่อนว่าควรจะคิดแบบไหน ตั้งสติยังไง ไม่ใช่ด่าหรือโมโหคนที่คอยมาเตือนด้วยความหวังดี
พยายามแยกแยะให้ได้ว่าอันไหนคือพลังของคลื่นและอันไหนคือฝีมือของเราจริงๆเพื่อไม่ให้หลงตัดสินใจผิด และคิดถึง worst case scenario ไว้ทุกครั้งเสมอ
แต่ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเข้าใจเรื่องแบบนี้ก็คือต้องเจอกับคลื่นมาและหายซักรอบสองรอบ ถ้าไม่ล้มหายตายจากไปก่อนและถ้าโชคดีมีคลื่นหนุนใหม่มาก็จะรับมือได้ดีขึ้น
…..หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนนั้น เป็นสุภาษิตที่ยังอมตะตลอด คนที่เจ๋งจริงเก่งจริงจะต้องผ่านเวลาคลื่นหนุนสูงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน เข้าใจถึงโชคดีที่มี และเตรียมตัวสำหรับตอนที่ทะเลเหือดว่าจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ ยังแล่นเรือที่กุมบังเหียนอยู่ในสภาวะขาลงได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรอคลื่นใหม่ที่มาหนุนเป็นวัฏจักรกันไป
1
A rising tide lifts all boats แต่ a declining tide นี่คนจริง ของจริงถึงจะอยู่ได้เท่านั้นนะครับ…
เขียนไว้ให้เธอ
โฆษณา