Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Dime!
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
24 มิ.ย. 2022 เวลา 12:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Saving Capitalism ทำงานแทบตาย เงินหายไปไหน
2
สมัยก่อนเราเคยกังวลกันว่าเดือนนี้จะมีเงินใช้พอมั้ย แต่ตอนนี้ที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็ว ความกังวลขยายใหญ่ขึ้น หลายคนเริ่มสงสัยว่าจะตกงานกันรึเปล่า บางครั้งเราเลยตั้งคำถามกับตัวเองว่า นี่เรายังขยันไม่พอรึเปล่า ? ความขยันเพียงอย่างเดียวมันเพียงพอมั้ย ? หรือมันมีระบบอะไรบางอย่างที่ไม่ยุติธรรม ?
💸 Saving Capitalism หนังที่ว่าด้วยเรื่องเสียงของชาวอเมริกันที่ไม่มีใครได้ยิน กับความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือเศรษฐกิจ ทำให้ทุกวันนี้ชาวอเมริกันรู้สึกว่าระบบทุนนิยมมันไม่ยุติธรรม แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามันไม่ยุติธรรมยังไง
แม้หนังจะเดินเรื่องบนสังคมชาวอเมริกัน แต่มีหลายอย่างที่สอดคล้องกับบริบทสังคมไทยตอนนี้มาก ๆ เลยอยากชวนทุกคนไปลองชมกัน หนังมีอยู่ใน Netflix นะครับ
🎬 เริ่มต้น นักข่าว CNBC ยิงคำถามสัมภาษณ์ ศ.โรเบิร์ต ไรช์ ผู้เขียนหนังสือ Saving Capitalism ว่า “คุณคิดว่าความปรารถนาของชนชั้นกลางในสมัยนี้เทียบกับเมื่อ 30 ปีก่อนมันต่างกันรึเปล่า ?”
“ผมคิดว่ามันแทบไม่ต่างกันเลย เราทุกคนต้องการมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ถ้าวันนี้เราทำงานหนักแล้ว ในอนาคตลูกต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเรา”
แต่ปัญหาคือ “ระบบทุนนิยมกำลังรับใช้คนส่วนมากรึเปล่า ? หรือกำลังรับใช้คนส่วนน้อยที่รวยอยู่แล้ว ให้รวยขึ้นไปอีก ?”
ตลอดหนังเรื่องนี้เราจะได้ยินคำพูดที่คล้ายกันจนน่าแปลกใจจากชาวอเมริกันทั่วไปที่พูดคุยกับ ศ.โรเบิร์ต ไรช์
“งานสมัยนี้ไม่เหมือนช่วงที่ฉันเริ่มทำงานตอนสาว ๆ ลูกชายของฉันต้องทำงานถึง 60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ด้วยค่าแรงที่ไม่เพียงพอต่อชีวิตประจำวัน และไม่ได้เป็นพนักงานประจำด้วย” 🤷♀️
“ฉันไม่คิดว่าคนอายุ 20 ปีในตอนนี้ จะมีโอกาสหางานได้ง่ายเหมือนตอนฉันอายุ 20 ปี” 🙋♀️
แต่น่าแปลกที่ว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่า 2 เท่า คำถามที่น่าสนใจคือ ถ้าทุกคนตั้งใจทำงานหนักกันสุด ๆ แต่ยังไม่รวยขึ้นซักที แล้วเงินมันหายไปไหนหมด ปัญหาของเรื่องนี้จริง ๆ มันคืออะไรกันแน่ ?
📌 คำตอบสั้น ๆ คือ “เงินในระบบเศรษฐกิจมันไหลจากด้านล่างขึ้นไปหาคนรวยที่อยู่ด้านบนสุด”
1
ส่วนคำตอบยาว ๆ คือ แท้จริงแล้วผู้ร้ายไม่ใช่ระบบทุนนิยม แต่เป็นผู้มีอำนาจที่ร่างกฎหมายเศรษฐกิจเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจขนาดใหญ่ เมื่อความร่ำรวยไหลขึ้นไปหาคนรวยแล้ว อำนาจทางการเมืองที่ควบคุมการออกกฎหมายก็ไหลตามขึ้นไปเช่นกัน
นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำทั้งด้านรายได้ ความมั่งคั่ง และโอกาส ระหว่างคนรวยและคนจนยิ่งถ่างกว้างออกไปอีก
1
ในสหรัฐฯ มีตัวอย่างมากมายจากการใช้อำนาจทางการเมืองอย่างผิด ๆ ที่เมื่อรวมเข้ากับช่องโหว่ของกฎหมาย ยิ่งทำให้บริษัทขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ ผู้ถือหุ้นที่รวยอยู่แล้วยิ่งรวยขึ้น แต่กลับทำร้ายประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น
1
1. อำนาจทางการเมืองปล่อยให้บริษัทยาและบริษัทประกันสุขภาพควบรวมกิจการมากมาย ผลคือบริษัทมีอำนาจต่อรองทางการตลาดสูงมาก นี่เลยเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพแพงมาก ๆ 💊
2. บริษัทโทรคมนาคมที่ใช้อำนาจทางการเมืองกำจัดคู่แข่งให้เหลือน้อยราย ทำให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตที่แพงกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายแห่ง และความเร็วอินเทอร์เน็ตยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็นด้วย 📡
1
นักวิจัยในสหรัฐ ฯ เลยต่างสงสัยกันว่า “ประชาชนทั่วไปในสหรัฐฯ มีอำนาจทางการเมืองแค่ไหน ?” งานวิจัยนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1982 จนถึงปี 2002
ผลลัพธ์ก็คือ ถ้าคนจากองค์กรใหญ่ที่ร่ำรวยอยากให้กฎหมายข้อไหนผ่าน มันมักจะมีโอกาสสำเร็จสูงถึง 60% ในทางกลับกันถ้าเป็นประชาชนทั่วไปไม่ว่าจะสนับสนุน หรือคัดค้านกฎหมายข้อนั้นก็จะมีโอกาสสำเร็จเพียง 30% เท่านั้น
สรุปคือ เสียงของคนอเมริกันทั่วไปมีผลน้อยมากต่อการออกนโยบายสาธารณะ ถ้าดูตามหลักสถิติจริง ๆ แทบจะไม่มีผลเลยด้วยซ้ำ
จึงนำไปสู่คำถามสุดท้าย คือ ระบบทุนนิยมและระบอบประชาธิปไตย มันมีไว้เพื่อคนส่วนใหญ่รึเปล่า หรือมันมีไว้เพื่อคนส่วนน้อยกันแน่ ?
🎬 ตอนจบของหนังเรื่องนี้ทิ้งท้ายไว้ว่า “วิธีที่จะกู้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมที่รับใช้คนส่วนมากกลับมาได้ จึงขึ้นอยู่กับวิธีการนำประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนกลับคืนมา ซึ่งอาจเป็นการจัดตั้งหน่วยงานที่คอยตรวจสอบ และตอบโต้อำนาจทางการเมืองของธุรกิจขนาดใหญ่นั่นเอง”
ประชาธิปไตยจะคงอยู่ไม่ได้ หากประชาชนไม่ใช้สิทธิ์ออกเสียงอย่างชาญฉลาด สิ่งเดียวที่จะรักษาประชาธิปไตยเอาไว้ได้ คือ การศึกษา
- Franklin D. Roosevelt | ปธน.ของสหรัฐฯ คนที่ 32 -
อ้างอิง
Saving Capitalism
เยี่ยมชม
blockdit.com
Dime!
1.5K ผู้ติดตาม Dime! อยากให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ติดตามเราในช่องทางอื่น facebook.com/dimeinvest tiktok.com/@dime.finance
"เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน"
พวกเรากลุ่มคนที่รักเรื่องราวของการเงินการลงทุนเป็นชีวิตจิตใจ จึงก่อตั้งเพจ Dime! (ไดม์!) ขึ้น
Dime! แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุนเป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้จริง เหมือนกับเงิน 1 ไดม์ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้
หากทุกคนมีความรู้ทางการเงินที่แข็งแรง
สังคมของเราก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
เศรษฐกิจ
netflix
ภาพยนตร์
2 บันทึก
7
2
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย