26 มิ.ย. 2022 เวลา 03:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ปรัชญาการลงทุนของ John C. Bogle
ปรัชญาการลงทุนของ John C. Bogle
จากความเดิมตอนที่แล้ว John C. Bogle หรือ Jack Bogle เป็นผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของ Vanguard Group บริษัทจัดการกองทุน ซึ่งปัจจุบันครองส่วนแบ่งทางการตลาดของกองทุนรวมทั่วโลกเป็นอันดับที่ 1 เขาเป็นผู้ริเริ่มการลงทุนแบบ Passive กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ที่เก็บค่าธรรมเนียมต่ำ และมีกลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่าย แต่สร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนหลายล้านคนบนโลกนี้
หลังจากที่เรารู้จักประวัติส่วนตัวและแนวทางการเป็น CEO ไปแล้ว มาวันนี้เรามาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น จากปรัชญาในการลงทุนของ John C. Bogle กันบ้าง ว่าเขามีแนวทางวิธีคิดและมีปรัชญาอะไร นการบริหารจัดการกองทุนจน Vanguard ให้กลายเป็นบริษัทที่มีผลงานได้รับการยอมรับได้ระดับโลก มา วันนี้เราจะมาเรียนรู้จากเขากัน
1. ร่างภาพใหญ่
ก่อนลงทุน ควรตั้งเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจน และสมเหตุสมผลด้วย ว่าตัวเราเองนั้นต้องการผลตอบแทนไปทำอะไร บางคนอาจลงทุนเพื่อเงินเกษียณ บางคนอยากลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกในอนาคต ซึ่งการร่างภาพใหญ่ๆ ของปลายทางจะเป็นตัวช่วยกำหนดทิศทางของผลตอบแทนที่ดีและสามารถวัดผลได้
เช่น จะออมเงินในกองทุนเดือนละ 3,000 บาท โดยคาดหวังผลตอบแทนประมาณ 7% ต่อปีในะระยาว เพื่อนำมาเป็นเงินก้อนหลังเกษียณ อย่าลืมว่าปลายทางของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ถ้าเป้าหมายในระยะยาวของเราชัด มันจะส่งผลให้เราไม่ไขว้เขวในระหว่างทางที่ลงทุน
2.กระจายความเสี่ยง
การลงทุนในกองทุนนั้นมีความเสี่ยง แต่เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยขึ้นกับกองทุนที่เราลงไป เพราะว่านโยบายของแต่ละกองทุนย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นการกระจายความเสี่ยง จึงถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่จะทำให้การลงทุนของเรานั้นอยู่รอดในทุกๆสภาวะ แถมยังช่วยให้เราปรับสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เราจะได้รับได้อย่างสมเหตุสมผลขึ้นอีกด้วย
3. หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมสูง
แม้ตลาดไม่อาจคาดเดา แต่ค่าธรรมเนียมนั้นคงอยู่ตลอดกาล” Vanguard Group นั้นแต่เดิมได้ชูเรื่องค่าธรรมเนียมที่ถูกเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกลงทุนในกองทุนรวม เพราะว่ายิ่งค่าธรรมเนียมยิ่งสูงมากเท่าไร ผลตอบแทนยิ่งลดลงมากเท่านั้น โดยเฉพาะในการลงทุนระยะยาว
ในเมื่อเราไม่สามารถควบคุมผลตอบแทนได้ จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราตัดสินใจที่จะควบคุมค่าธรรมเนียมตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้น ข้อแนะนำสำคัญก่อนเลือกกองทุนทุกครั้งคือ “จงเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม”ถ้าเปรียบเป็น โฟเรกซ์ ก็คือ ค่าสเปรด และค่าคอมมิชชั่น นั่นเอง
4. ทำตามแผนที่วางไว้
คำแนะนำทั้งหมดจะไม่ได้ผลเลย ถ้าเราไม่ทำตามแผนที่เราเตรียมเอาไว้อย่างดีตั้งแต่แรก การทำตามแผนนั้นดูเหมือนว่าง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย เพราะในระหว่างเส้นทางที่เราลงทุนนั้น เราต้องต่อสู้กับปัจจัยทั้งภายนอก เช่น สภาพตลาดที่ผันผวน หรือภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี หรือปัจจัยภายในจิตใจ เช่น ความรู้สึกที่ว่า “ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี้ก็อยากได้”
👉👉👉เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าการลงทุนของเราเริ่มว้าวุ่นใจมากเกินไป อย่าลืมที่จะกลับมาโฟกัสที่แผนเดิมที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ตอนต้น เพื่อที่จะได้ไม่หลงทางนะ
👉👉👉 เมื่อเราร่างภาพใหญ่ให้ชัดเจน ทำตามแผนที่วางเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว และระหว่างทางก็มีการกระจายความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่สูงเกินไป เท่านี้ผลตอบแทนในระยะยาวจะพาเราไปอยู่ในจุดที่หวังเอาไว้ ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก finvest
"สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม ใน Blockdit ของเรา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา