27 มิ.ย. 2022 เวลา 18:03 • ไลฟ์สไตล์
ความตายมีให้เห็นกันในทุกวัน บางทีก็รู้สึกว่าทำไมมันมาเร็วเกินที่จะตั้งตัวจริง ๆ เลยเนอะ บทมันจะมามันก็มา มันไม่มีอะไรบอกล่วงหน้าได้เลย
.
บางทีก็ได้แต่พิจารณาแล้วก็บอกกับตัวเองในทุกวันว่า "วันนี้ คืนนี้ไม่รู้ว่าจะหลับแล้วจะได้ตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่า แต่มันก็คุ้มแล้วที่ได้เกิดมา เราทำดีที่สุดแล้วในสิ่งที่ได้ทำ เราเก่งที่สุดแล้วที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในทุกช่วงวัยมาได้ เรารู้จักให้อภัยดีกว่าที่จะเคียดแค้น เราสงสารดีกว่าจะเป็นคนไร้ซึ่งความเมตตา เราเต็มที่แล้ว"
.
ความตายมันอยู่ติดตัวเราไปกับเราทุกวันทุกคืนทุกการยืนเดินนั่งนอนเราไปทำงานมันก็ไปด้วย เราไปไหนมันก็ตามติดไปทุกหนแห่ง ไม่แปลกเลยที่พระพุทธองค์ท่านสอน ท่านบอกให้เราพึงพิจารณาและนึกถึงความตายให้มาก
.
เพราะความตายนั้นมันไม่เลือกใคร มันไม่ได้เลือกว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ คนแก่ เศรษฐีหรือยาจก สุดท้ายแล้วเราต่างก็มีความตายเป็นที่สุดและธรรมดา ไม่มีใครรอดพ้นหรือหนีความตายไปได้
.
เมื่อวานเห็นกันยังยิ้มให้กัน วันนี้เราอาจจะได้ยินว่าเขาจากไปแล้วก็ได้ ใครจะรู้ได้เนอะ
.
เมื่อตอนต้นปีเราได้ไปฟังธรรมจากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ มันทำให้เราได้เข้าใจอะไรในชีวิตมากขึ้นเลยล่ะ ในขณะที่เราขับมอไซค์กลับมา ในตลอดทุกเส้นทางที่กำลังขับผ่านนั้น เรานึกถึงแต่ประโยคหนึ่งที่ว่า...
.
"มาเด้อญาติพี่น้องมันสิช้าค่ำทาง (มานะญาติพี่น้องเดี๋ยวมันจะช้าไปเสียก่อน )"
ไม่รู้ว่าแปลถูกไหมนะเพราะเราเข้าใจแบบนี้ ^^
.
เรานึกถึงแต่คำนี้และครุ่นคิดพิจารณากับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ได้แต่คิดตาม คิดตามอยู่อย่างนั้นไปทีละคำทีประโยคไปเรื่อย ๆ จนค่อย ๆ เข้าใจและรู้สึกตื่นตัวว่า...
.
เฮ้ย! นี่ตัวเรานี้แท้จริงแล้วเราต่างก็กำลังเดินเข้าใกล้หาความตายในทุกวัน ทุกเวลาจริง ๆ มันจะสายไปก่อนไหมถ้าหากเราไม่รีบพึงภาวนาปฏิบัติตน ได้เตรียมตัวเตรียมตนเตรียมใจก่อนจะลาจากโลกนี้ไป ก่อนที่วันนั้นมาถึงแล้วจะไมได้เตรียมอะไรไว้เลย ถ้าได้เตรียมในทุกวัน อย่างน้อย ๆ เมื่อมันมาถึงเราก็พอมีอะไรติดไปได้บ้าง
.
ต่อให้มีข้าวของมากมายแค่ไหน หามาได้มากเท่าไหร่ ก็จำต้องทิ้งมันค้างไว้บนโลกใบนี้ นำติดไปไม่ได้ แม้แต่ร่างกายเขาก็ต้องหอบหามไปเผาไปฝังทิ้ง
.
ฟังดูมันอาจจะเหมือนคนที่มีความคิดสุดโต่งหรืออะไรก็ตามแต่ แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่เราเองคิดถึงมันในทุกวัน คิดถึงทุกวันจริง ๆ แต่ก่อนเคยคิดว่าตัวเองอยากจะมีอายุอยู่ถึงแค่สัก 75 ก็พอ ขอไม่แก่งอมจนพึ่งพาตัวเองไม่ได้แล้วก็ตายไป
.
แต่พอหันกลับมามองซึ่งปัจจุบันนี้สิ...โห เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับความตายในทุกวันเลย บ้างก็คนใกล้ตัวรุ่นราวคราวเดียวกัน บ้างก็รุ่นน้อง บ้างก็รุ่นพี่ ซึ่งมันเป็นอะไรที่บ่อยมาก ๆ มากจนบางทีก็แอบคิดว่า "มันต้องมีสักวันที่จะวนมาถึงวันของเราแน่ ๆ"
.
เพราะมันใกล้ตัวมากจริง ๆ แต่ก็นั่นแหละ จะได้ไม่ตื่นกลัวในวันที่มีบางเรื่องราวมาถึงตัว พอได้ตั้งตัวตั้งสติบ้างมันก็ยังดีกว่าเมื่อถึงวันนั้นมาถึงเรากลับห่วงไปเสียทุกอย่างจนกระทั่งไม่ได้ตระเตรียมตัวก่อนจะไป
.
เสมือนที่ครูบาอาจารย์ท่านว่า...เตรียมเสบียงตั้งแต่วันนี้ที่ยังมาไม่พร้อม ดีกว่าเมื่อมันมาพร้อมแล้วค่อยมาตระเตรียม"
.
ยิ่งโตขึ้น ยิ่งได้พบเจอการจากลาในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการจากเป็น และจากตาย เพียงพบเห็น สัมผัส ได้รู้จัก รู้สึกดี แล้วก็จากกันไป มันวนอยู่แบบนี้จริง ๆ
.
มันก็ดีแล้วที่เราได้มองเห็นไปความเป็นจริงของชีวิต ได้พบเจอผู้คนหลากหลาย ได้เจอกัลยาณมิตรที่ดี ได้เจอผู้ที่มีเมตตา และได้เจอทั้งผู้ที่ไร้ซึ่งความเมตตา ผู้ที่เอารัดเอาเปรียบ และผู้ที่เสียเปรียบ ผู้ที่มีคุณธรรม และผู้ที่ไร้ซึ่งคุณธรรม
.
ผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นครู เป็นประสบการณ์ เป็นเสมือนหนังสือหนึ่งเล่มของวิชาเล่มหนึ่ง เป็นซึ่งสิ่งที่เราต้องพบเจอ เรียนรู้ และเข้าใจว่าทุกอย่างในโลกนี้นั้น ล้วนแล้วแต่มีทั้งขาว เทา ดำ และหลากลายสีสัน
.
สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เราว่าเราจะได้เรียนหนังสือเล่มไหน วิชาไหน โดยที่มีครูที่ขึ้นชื่อว่า "ชีวิต" นี้เป็นผู้สอนเท่านั้นเอง...
.
...สิ่งนั้นเกิดขึ้น สิ่งนี้จึงมี....สินะ...^^
.
.
_ฝันดี_
.
.
.
.
#กูนี่แหละเขียน
#มองให้เห็นซึ่งความเป็นจริง
#เรามีความตายเป็นธรรมดา
#Bantuek28
#เล่าไปเรื่อย
#ชีวิต
#บทความ #บทความดีๆ #บทความชีวิต #บทความความตาย
นกมองน้ำ เรามองนก
โฆษณา