Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
29 มิ.ย. 2022 เวลา 08:29 • ประวัติศาสตร์
“อมาร์นา (Amarna)” เมืองต้องคำสาป
ในปีค.ศ.1887 (พ.ศ.2430) ชาวบ้านในประเทศอียิปต์รายหนึ่ง ได้เดินตามหาปุ๋ยหมักเพื่อนำไปเพาะปลูก ก่อนจะได้สะดุด พบกับแผ่นจารึกที่สลักตัวอักษรรูปลิ่ม
ปรากฎว่าบริเวณที่ชาวบ้านรายนี้ค้นพบ คือเมืองโบราณ
ในไม่ช้า แผ่นจารึกนี้ก็ถูกส่งต่อไปถึงนักอียิปต์วิทยาชาวอังกฤษที่ชื่อ “อีเอ วอลลิส บัดจ์ (E. A. Wallis Budge)”
อีเอ วอลลิส บัดจ์ (E. A. Wallis Budge)
บัดจ์ได้ตรวจสอบ และทราบว่าตัวอักษรบนจารึกนั้นเป็นภาษาบาบิโลเนียนโบราณ และจารึกนี้ก็คือจดหมายทางการทูตถึงฟาโรห์
ก่อนหน้านี้ “ริชาร์ด เล็พเซียส (Richard Lepsius)” นักอียิปต์วิทยาชาวปรัสเซีย ก็ได้เคยเข้าสำรวจบริเวณที่พบจารึก และพบจารึกที่สลักอักษรอียิปต์โบราณ
จากจารึกที่พบ ทำให้ทราบว่าเมืองนี้เป็นที่รู้จักในนามของ “อาเคทาเทน (Akhetaten)” และก็เป็นที่ทราบภายหลังว่าเมืองนี้มีชื่อเรียกว่า “อมาร์นา (Amarna)”
1
ริชาร์ด เล็พเซียส (Richard Lepsius)
เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ชาวอียิปต์โบราณอาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของ “ฟาโรห์อาเคนาเทน (Akhenaten)”
1
“ฟาโรห์อาเคนาเทน (Akhenaten)” หรือ “ฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 4 (Amenhotep IV)” คือพระราชโอรสใน “ฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 (Amenhotep III)”
เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็ได้ทรงเปลี่ยนศาสนาของผู้คน จากเดิมที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์ ก็เปลี่ยนมานับถือเทพเจ้าเพียงองค์เดียว โดยทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับความเชื่อแบบเดิมล้วนแต่ถูกทำลาย
ฟาโรห์อาเคนาเทน (Akhenaten)
จากนั้น ก็มีการเปลี่ยนมานับถือศาสนาที่นับถือเทพเจ้าเพียงองค์เดียว นั่นคือ “อาเทน (Aten)” ซึ่งเป็นสุริยะเทพพระองค์หนึ่ง
จากนั้น ก็ได้มีการย้ายผู้คนจากเมืองเธเบส ไปยังเมืองอมาร์นา
จากการค้นพบทางโบราณคดี พบวิหารและอารามต่างๆ ในบริเวณศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยบ้านทั่วๆ ไป
ในวิหารนั้นเต็มไปด้วยห้องมากมาย ทั้งห้องที่ใช้ทำพิธี ทำอาหาร และอีกหลายห้อง
1
แต่ที่น่าสนใจก็คือตึกทุกหลังนั้นถูกทำลายอย่างตั้งใจ และจากการสำรวจบริเวณรอบๆ ก็ดูเหมือนว่าผู้คนได้ย้ายออกไปจากบริเวณนี้อย่างเร่งรีบ
อาเทน (Aten)
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทำให้เกิดคำถามตามมา
“ทำไมผู้คนถึงต้องรีบย้ายออกไปอย่างเร็ว อีกทั้งยังทำลายอาคารต่างๆ อีก?”
คำตอบอยู่ในจารึกต่างๆ โดยในจารึกนั้น ใจความหลักๆ คือความสัมพันธ์ทางการเมืองกับดินแดนอื่นใกล้กับตะวันออกกลาง อีกทั้งยังทำให้เข้าใจถึงเหตุผลที่ว่าทำไมอมาร์นาถึงกลายเป็นเมืองร้างหลังจากถูกปกครองโดยฟาโรห์อาเคนาเทนเพียง 11 ปี
เมื่อครองราชย์ถึงปีที่เก้า พระมเหสีและพระราชธิดาของฟาโรห์อาเคนาเทนก็ทรงพระประชวรและสวรรคตและสิ้นพระชนม์
โรคร้ายนั้นระบาดในอมาร์นาเป็นเวลากว่าสองปี และทำให้ฟาโรห์อาเคนาเทนสวรรคตเช่นกัน โดยภายหลังการสวรรคตของฟาโรห์อาเคนาเทน ชาวอมาร์นาก็คิดว่าเมืองนี้ต้องคำสาปจากเทพเจ้าองค์เก่า ทำให้ผู้คนหันไปนับถือศาสนาเช่นเดิม
และนอกจากนั้น ผู้คนยังทำลายทุกอย่างที่แสดงถึงศาสนาเดิมที่นับถือเทพอาเทน ไม่ว่าจะเป็นวิหารหรือบันทึกต่างๆ ล้วนแต่ถูกทำลายหมด
สุสานของฟาโรห์อาเคนาเทนก็ถูกทำลายจนเสียหาย พระบรมศพก็ถูกนำกลับไปเมืองเธเบส โลงพระบรมศพก็ถูกทำลาย
นี่ก็เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าของเมืองอมาร์นา เมืองโบราณแห่งอียิปต์โบราณ
เพียง 11 ปีที่ปกครอง ฟาโรห์อาเคนาเทนก็สูญเสียทุกอย่าง ทั้งพระมเหสี พระราชธิดา ทั้งประชาชน รวมทั้งพระชนม์ชีพของพระองค์เอง
1
แม้กระทั่งสวรรคต ผู้คนก็ยังทำลายทุกสิ่งที่เกี่ยงข้องกับพระองค์ หากแต่หลังจากผ่านมากว่า 3,000 ปี จึงทำให้ทราบถึงเรื่องราวของพระองค์และเมืองแห่งนี้
References:
https://historyofyesterday.com/amarna-the-cursed-city-be2b5ba6f32c
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Amarna
https://www.worldhistory.org/Amarna/
https://www.thenotsoinnocentsabroad.com/blog/the-rise-and-fall-of-ancient-egypts-amarna
ประวัติศาสตร์
47 บันทึก
40
18
47
40
18
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย