29 มิ.ย. 2022 เวลา 07:37 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#ปรับพอร์ตกลางปี65
ผ่านมาครึ่งปีแล้วพอร์ตการลงทุนเป็นอย่างไรกันบ้าง?
มองไปทางไหนก็มีแต่ความกังวลเต็มไปหมด
เริ่มต้นจากเงินเฟ้อที่รอบนี้ไม่ได้มาแค่ด้านเดียวแต่ตีคู่มากันทั้งฝั่ง Demand และ Supply
- Demand > Demand pull ที่เกิดจากการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
- Supply > Cost push ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจากการปิดเมืองของจีน, สงครามรัสเซียยูเครน และหลายประเทศงดส่งออกสินค้า
เงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้สหรัฐทำนโยบายการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยทำการ
1.ปรับขึ้นดอกเบี้ย
2.ลดสภาพคล่อง
ทั้ง 2 อย่างเป็นการลดความร้อนแรงของการบริโภคช่วยคุมเงินเฟ้อฝั่ง Demand
นอกจากนั้นยังจะทำให้อัตราการว่างงานมีโอกาสเร่งตัวขึ้นใน 10 เดือนข้างหน้า
นั่นเป็นเพราะความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงกดดันภาคธุรกิจให้ชะลอตัวและมีโอกาสปลดคนงานในอนาคต
ตัวบ่งชี้อื่นๆเช่น
- ดัชนี ISM ภาคการผลิตมีโอกาสต่ำลงกว่าคาด (อ้างอิงจากดัชนี Philladephia's FED New Order เป็นตัวชี้นำ)
- ราคาบ้านปรับลงแรงภายใน 12 เดือนข้างหน้า จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย กดความต้องการซื้อบ้าน
- ท่าทีของ FED ที่ส่งสัญญาณว่าคงจะยากที่จะลดเงินเฟ้อได้โดยที่เศรษฐกิจเป็น Soft-landing
=> จากเหตุผลข้างต้นทำให้มองว่าเศรษฐกิจมีโอกาสเกิดภาวะ "เศรษฐกิจชะลอตัว"
ด้านของการปรับประมาณการณ์กำไรของบริษัท EPS Revision
ถึงแม้ว่า EPS Revision ยังดีอยู่แต่สถิติบ่งชี้ว่า นักวิเคราะห์มักปรับคาดการณ์กำไรช้ากว่าเมื่อเกิดเศรษฐกิจถดถอย
นั่นเป็นเพราะนักวิเคราะห์จะพิจารณาข้อมูลแบบ Bottom up จากข้อมูลปัจจุบันเป็นหลักและให้น้ำหนักกับปัจจัยมหภาคต่ำจนกว่าจะกระทบกับธุรกิจนั้นๆ
ดังนั้นหาก recession เกิดขึ้นจะกระทบกับธุรกิจก่อนถึงจะมีการปรับลดคาดการณ์กำไรลง
ทำให้การปรับประมาณการณ์กำไรลดลง EPS Revision เป็นการยืนยันไม่ใช่ตัวชี้วัด
ด้านของมูลค่าหุ้นหรือ Valuation
ที่ผ่านมาตลาดปรับลงจากความกังวลเรื่องของการขึ้นดอกเบี้ยและการลดสภาพคล่องแต่ก็มี rebound ขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้มูลค่าที่เคยแพงกลับดูผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะ Valuation คำนวนจากฐาน EPS เดิม ซึ่งถ้าเกิดเศรษฐกิจถดถอยจนมีการปรับลด EPS Revision ลงก็จะส่งผลต่อ Valuation ที่จะสูงขึ้นและกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อ
จากวิกฤตใหญ่ๆในอดีต 2 ครั้งที่ผ่านมาพบว่า EPS Revision ถูกปรับลดลงประมาณ 30% ทำให้ S&P500 มี downside ที่ 26-35%
ส่วน Sector ที่ถูกปรับลงน้อยที่สุดคือ Healthcare ถูกปรับลด EPS ลงประมาณ 6% ทำให้มี downside ที่ 11%
สัญญาณอื่นๆที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย
สัญญาณความกังวล vs สัญญาณการยอมแพ้ (ออกจากตลาด) ยังไม่ไปทางเดียวกัน ทำให้การปรับลดสถานะของสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ทั่วถึง
Fear and Greed Index ดัชนีความกลัวและความโลภ => ส่วนใหญ่อยู่ในความกลัว
AAII Investor Survey เป็นผลสำรวจความรู้สึกของนักลงทุนรายย่อย
- sentiment (ความรู้สึก) = รู้สึกกังวล
- position (สัดส่วนการลงทุน) = ยังคงสัดส่วนในระดับสูง
กองทุน = ยังไม่ชัดเจน มีการถือ Cash มากขึ้น Underweight หุ้นแต่ยังไม่มีเงินไหลออกเหมือนช่วงที่เกิด Panic Sell
Hedge fund, Central Bank = ในตลาด option ใช้ indicator หนึ่งคือ Option 25 Delta Risk Reversal ยังไม่มีสัญญาณการ Panic ที่จะซื้อ protection (Long Put)
จากเหตุผลดังกล่าว การปรับพอร์ตของ Finnomena ครั้งนี้จะเป็นการลดสัดส่วนของหุ้นลงเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
โดยจะเพิ่ม Cash เพื่อลด drawdown และเตรียมสภาพคล่องไว้ยามที่สถานการณ์คลี่คลาย
เพิ่ม Gold (ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน) เพื่อรับสถานะการป้องกันความเสี่ยงจากทองคำและดอลลาร์ในเงินก้อนเดียว
เพิ่ม Thai bond ตราสารหนี้ระยะกลางของไทย
รับข้อมูลผ่าน Line Official กดเพิ่มเพื่อน @028dzovs
IG : dari_mana
Page : Darifreedomwealth
#darifreedomwealth #Finnomena #Fund #Mutualfunds #การลงทุน #ประกันและการลงทุน #วางแผนการเงิน #ปรับพอร์ต #เงินเฟ้อ
โฆษณา