ทำความรู้จักเห็ด "กุชชี่" ของดีจากประเทศอินเดียมูลค่าสูงที่ถูกมองข้าม
ปี 2022 อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยเทรนด์ของการดูแลสุขภาพผ่านการรับประทานอาหารที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระเจี๊ยบแดง (Hibicus) ที่ได้กลายมาเป็นสุดยอดรสชาติแห่งปี, เครื่องดื่ม Alcohol Free Spirits หรือ "สุราปลอดแอลกอฮอล์" เพื่อการสังสรรค์ที่หันมาคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น, นมมันฝรั่ง (Potato Milk) จากสแกนดิเนเวียเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึง "เห็ด" ที่อุดมไปด้วยประโยชน์จนได้กลายมาเป็นสุดยอดอาหาร (Superfood) ประจำปีนี้
เมื่อพูดถึงเห็ด สิ่งที่หลายคนอาจจะนึกถึงก็อาจจะเป็นเห็ดทั่ว ๆ ไปที่มักจะไปโผล่ในอาหารจำพวกต้มหรือยำ อาทิ เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดแชมปิญอง หรือหากเป็นชนิดที่หายากและมีราคาแพงขึ้นมาหน่อยก็อาจจะเป็นเห็ด ทรัฟเฟิล แต่นอกเหนือจากชนิดของเห็ดทั้งหมดที่ได้กล่าวมา ในตลาดของคนรักสุขภาพยังมีเห็ดอีกชนิดที่ชื่อว่า "เห็ดกุชชี่" ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเห็ดที่มีราคาแพงที่สุดในโลกด้วย
เห็ดมอร์เชลล่า (Morchella Mushrooms), เห็ดมอร์เรล (Morel Mushrooms) หรือที่มักจะเป็นที่รู้จักกันในท้องถิ่นในชื่อเห็ดกุชชี่ (Gucchi Mushrooms) อาจกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชนิดของเห็ดที่มีราคาสูงที่สุดในโลกติดโผร่วมลิสต์ไปกับเห็ดทรัฟเฟิลขาว (White Truffle Mushrooms) หรือ เห็ดแชนเทอเรลส์ (Chanterelles)
บางทีสิ่งที่ทำให้เห็ดกุชชี่มีราคาสูงไม่ต่างจากเครื่องประดับและเสื้อผ้าแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อคล้ายกันอาจจะเป็นเพราะความจำกัดของจำนวนที่มักมีให้เก็บเกี่ยวเฉพาะบางฤดูกาล นอกจากนี้เห็ดกุชชี่ยังเป็นเห็ดที่มีจำกัดเฉพาะอยู่ในพื้นที่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย ส่วนมากอยู่ที่เมืองจัมมู, ภูมิภาคแคชเมียร์, รัฐหิมาจัลและอุตราขัณฑ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ที่อยู่ทางตอนเหนือของอินเดียและมีอากาศเย็นทั้งสิ้น
เป็นอีกหนึ่งของดีจากประเทศอินเดียที่หายากและว่ากันว่ามีเพียงบางตลาดในเมืองเดลีเท่านั้นที่หาซื้อได้ ส่งผลให้ราคาขายของมันอยู่ที่ราว 10,000 ถึง 30,000 รูปีต่อกิโลกรัม หรือราว 4,400 ถึง 13,300 บาท ส่วนราคาที่มีการจำหน่ายโดยแบรนด์เครื่องมืออุปโภคอุปโภคในอินเดีย จะอยู่ที่ราว ๆ 1,140 ถึง 36,000 รูปี หรือราว 500 บาท ไปจนถึง 15,000 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก (อ้างอิงจาก Organic Kashmir)
ลักษณะเด่นของเห็ดกุชชี่คือ ด้านบนจะมีรูพรุนเหมือนกับรังผึ้ง จะเริ่มโตตามธรรมชาติเองหลังจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป จึงจะพบได้มากในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม โดยทั่วไปเห็ดกุชชี่จะเริ่มโตในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างดินฮิวมัสที่มีความชื้นหรือบางครั้งก็เติบโตอยู่บนท่อนไม้
ด้วยความที่เห็ดกุชชี่เป็นของแรร์หายากที่เจอได้ในแค่บางพื้นที่โดยไม่มีที่ที่ขึ้นอยู่เป็นประจำ เห็ดชนิดดังกล่าวจึงมักไม่ค่อยมีการปลูกและเก็บเกี่ยวกันแบบฟาร์มใหญ่ในเชิงพาณิชย์แต่จะเป็นการเดินหาโดยคนท้องถิ่น
เพราะเหตุนี้เห็ดกุชชี่จึงมีมูลค่าสูงเป็นพิเศษ เมื่อนำมาขาย และกลายเป็นวัตถุดิบขายดีทั้งแบบสดและแบบแห้ง เมนูที่นิยมนำไปทำอาหารได้แก่ ปูเลา หรือเมนูข้าวผัดสไตล์อินเดีย ปรุงเพิ่มด้วยเครื่องเทศชนิดต่าง ๆ หรือจะนำไปย่างรับประทานเปล่า ๆ ก็ได้เช่นกัน เพราะตัวเห็ดมีรสชาติจัดจ้าน (Savoury Flavour) ออกเค็มปนเผ็ดโดยธรรมชาติ
เห็ดกุชชี่ ไม่ได้มีความพิเศษอยู่เฉพาะที่ความหายากและราคาแพง แต่มันยังเต็มไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ต่างจากเห็ดชนิดอื่น ๆ ที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและทองแดง เป็นแหล่งรวมวิตามิน D และวิตามิน B อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงตับ ช่วยบำรุงหัวใจป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง
นอกจากนี้ เห็ดกุชชี่ ยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก เนื่องจากเห็ดกุชชี่เป็นเห็ดที่มีแคลอรี่ต่ำ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยในระบบย่อยอาหาร เพิ่มใยอาหาร ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ป้องกันอาการท้องผูกและช่วยให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย
ด้วยประโยชน์ที่มากขนาดนี้และความหายากของมันที่แทบจะหาได้น้อยมากในแต่ละปี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเห็ดกุชชี่จากประเทศอินเดียจึงกลายเป็นอีกหนึ่งของดีที่ไม่ควรถูกมองไป
บทความโดย ณัฐพล ทองประดู่
แหล่งอ้างอิง
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
