1 ก.ค. 2022 เวลา 12:20 • กีฬา
กรณีศึกษาจาก ไมเคิล เฟลป์ส : ชื่อ "เสีย" ของนักกีฬา กับวันที่กัญชาเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น | MAIN STAND
หากพูดถึงกีฬาว่ายน้ำ ชื่อของนักกีฬาที่มักจะถูกนึกถึงมาเป็นอันดับต้น ๆ ก็คงหนีไม่พ้น "ไมเคิล เฟลป์ส" อดีตนักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันระดับตำนาน ผู้ถือสถิติครองเหรียญทองจากการแข่งขันว่ายน้ำจากสนามแข่งโอลิมปิกมากที่สุดเป็นจำนวน 23 เหรียญ และยังเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขันโอลิมปิกแบบติดต่อกัน 4 สมัยรวด ตั้งแต่ปี 2004, 2008, 2012 และ 2016
1
อย่างไรก็ตามเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่ทราบหรืออาจจะลืมไปแล้ว คือนักกีฬาว่ายน้ำชื่อดังคนนี้ครั้งหนึ่งเคยตกเป็นเป้าและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่ออย่างหนัก เนื่องจากเคยมีการ "ขุด" ภาพหลุดของเขาขณะที่กำลังใช้กัญชาในปี 2009 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ "ชาร์คาร์รี ริชาร์ดสัน" นักกรีฑาทีมชาติสหรัฐอเมริกา โดนแบนจากการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียว จึงเกิดเป็นการตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมตอนนั้นนักกีฬาที่โด่งดังแบบเฟลป์สถึงใช้กัญชาได้ แล้วทำไมริชาร์ดสันถึงโดนแบนจากการแข่งขันในครั้งนี้ ?
1
กรณีของเฟลป์สได้กลายมาเป็นข้อถกเถียงกันอย่างยกใหญ่หลังจากที่เรื่องผ่านมาเป็นเวลาหลายปี การที่ริชาร์ดสันโดนแบนนำไปสู่คำถาม อาทิ ไมเคิล เฟลป์ส ใช้กัญชาก่อนการแข่งขันจริงหรือไม่ หรือโอลิมปิกมีการลำเอียงในการตรวจสอบการใช้สารกระตุ้นหรือไม่ ? ทำไมตอนที่ ไมเคิล เฟลป์ส ใช้ถึงไม่มีความผิด ในขณะที่ริชาร์ดสันโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ?
ติดตามต่อได้ใน Main Stand
ปลาบินได้
แม้ว่าในปัจจุบันเราจะได้เห็นนักกีฬาว่ายน้ำรุ่นใหม่ฝีมือดีโลดแล่นอยู่ในวงการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เคธี่ เลเด็คกี้, เคเลบ เดรสเซล หรือ ซิโมน มานูเอล แต่มันก็เป็นการยากที่จะจับพวกเขาเหล่านี้ไปเทียบกับนักกีฬารุ่นพี่อย่าง ไมเคิล เฟลป์ส คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่เคยมาแรงที่สุดในวงการ จนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นการยากที่จะหาใครมาเทียบเคียง
"ไมเคิล เฟลป์ส" หรือ "ไมเคิล เฟรด เฟลป์ส ที่สอง" เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1985 เป็นนักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกัน ที่มาจากเมืองบัลติเมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ โดยกำเนิด โดยสาเหตุที่ทำให้เขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคอาจจะเป็นเพราะแบ็กกราวด์ชีวิตเบื้องหลังของเขาที่ได้รู้จักกับกีฬาดังกล่าวมาตั้งแต่อายุ 7 ปี
เด็กชายเฟลป์สเริ่มต้นว่ายน้ำมาตั้งแต่เล็ก เนื่องจากอิทธิพลของพี่สาวที่เป็นคนที่ว่ายน้ำเหมือนกัน และเพราะคุณแม่ของเขาเป็นผู้ที่คอยส่งเสริมอยากจะให้เขาก้าวเข้าสู่วงการนี้ อย่างไรก็ตามอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้เขาตั้งใจในการฝึกซ้อมว่ายน้ำคือ การที่เขาถูกวินิจัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้น หรือ Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) ตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่ชั้น ป.6
1
ด้วยความมุมานะ เด็กชายเฟลป์สจึงเริ่มฉายแววของการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำฝีมือดีตั้งแต่ยังเด็ก อย่างการที่เขาสามารถถือครองสถิติการว่ายน้ำท่าผีเสื้อในระยะ 100 เมตรได้ดีที่สุดตั้งแต่วัย 10 ขวบ หลังจากนั้นเฟลป์สในวัย 11 ปีก็ได้ไปอยู่ภายใต้การฝึกซ้อมของโค้ช "บ๊อบ บาวแมน" ที่สโมสรสระว่ายน้ำ North Baltimore Aquatic Club ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสุดยอดนักกีฬาในอนาคตของเขา
อาจกล่าวได้ว่าโค้ชบาวแมนเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเฟลป์สก็ว่าได้ เฟลป์สเคยเผยว่าโค้ชบาวแมนเป็นคนที่ทำให้เขามีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมอยู่ตลอด เข้มขนาดที่เฟลป์สเคยเผยว่ามันทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในกองทัพ เขาเล่ากับหนังสือพิมพ์ The Baltimore Suns ในปี 2008
"ตอนเด็ก ๆ ผมจำได้ว่าผมเจอเขาแล้วก็เคยคิดว่าเขาเป็นคนที่ใจร้ายที่สุดเลย ผมบอกกับตัวเองว่า 'ไม่มีทางแน่นอนที่ฉันจะไปว่ายน้ำเพื่อนายคนนี้' แต่ก็นั่นแหละ ผ่านมา 12 ปีแล้วเรายังทำเหมือนเดิมอยู่เลย
"การได้ฝึกกับโค้ชบ๊อบมันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ฉลาดที่สุดแล้วสำหรับผม ผมคงจะไม่ไปฝึกกับใครอีกแล้ว"
1
หลังจากที่ได้ฝึกกับโค้ชบ๊อบมาเป็นเวลากว่า 5 ปี เฟลป์สในวัย 15 ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่มีอายุน้อยที่สุดในรอบ 68 ปีที่ผ่านการคัดเลือกเข้าไปอยู่ในทีมชาตินักกีฬาว่ายน้ำของสหรัฐอเมริกา ร่วมเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกปี 2000 และถึงเขาจะไม่ได้คว้าเหรียญทองกลับมา แต่เฟลป์ในตอนนั้นก็ผ่านเข้าไปถึงรอบชิงเหรียญทอง อีกทั้งยังได้ที่ 5 จากการแข่งว่ายท่าผีเสื้อระยะ 200 เมตรอีกด้วย
นับแต่นั้นมาเฟลป์สที่ยังคงความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อมก็เริ่มคว้ารางวัลมาครองได้มากขึ้น ทั้งเหรียญทองจากการแข่งขัน World Championships ปี 2001, 2003 และโอลิมปิก ในปี 2004, 2008, 2012 และ 2016 ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเหรียญทองจากการแข่งว่ายท่าผีเสื้อ, ฟรีสไตล์ และท่าผสม เขาเก่งจนเริ่มได้รับการจดจำจากแฟน ๆ และสื่อในฉายา "ปลาบินได้" (The Flying Fish) และ "กระสุนแห่งบัลติมอร์" (The Baltimore Bullet)
แต่ไม่ว่าจะเพอร์เฟ็กต์ขนาดไหน เฟลป์สเองก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น และก็เป็นอีกคนที่ยังคงมองหาความสนุกสนานในชีวิตผ่านการ "ปาร์ตี้" จนนำไปสู่ภาพหลุดสุดฉาวในปี 2009 ที่เขากำลัง "ดูดกัญชาจากบ้อง" อยู่
เรื่องจริงหรือข่าวลือ ?
เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องอื้อฉาวและเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสร้างความตื่นตกใจให้กับแฟน ๆ กีฬาทีมชาติสหรัฐอเมริกาพอสมควรจากการที่ "ชาร์คาร์รี ริชาร์ดสัน" นักกีฬากรีฑาทีมชาติสหรัฐอเมริกา ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันโอลิมปิก 2020 เพราะมีการตรวจพบสาร THC หรือสารประกอบชนิดหนึ่งจากกัญชาในร่างกายของเธอ ส่งผลให้เธอโดนแบนเป็นเวลา 1 เดือนและไม่สามารถไปแข่งขันได้
เรื่องดังกล่าวยิ่งทำให้ใครหลาย ๆ คน ตกใจ เพราะชื่อของ ชาร์คาร์รี ริชาร์ดสัน กำลังจะกลายไปเป็นชื่อที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดอีกคนหนึ่งในวงการ เพราะเธอคนนี้มีความสามารถขนาดที่เคยโค่นสถิติการวิ่ง 100 เมตรในการแข่งขันกรีฑาระดับมหาวิทยาลัย NCAA (National Collegiate Athletic Association) ในปี 2019 ด้วยเวลาเพียง 10.75 วินาที ส่งผลให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักวิ่งหญิงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น
ริชาร์ดสันยังตอกย้ำศักยภาพของตัวเองด้วยการทำลายสถิติเดิม ทำความเร็ววิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลา 10.72 วินาที ในปี 2021 ทำให้เธอได้กลายมาเป็นอันดับ 6 ของผู้หญิงที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกตลอดกาล (Sixth-fastest woman of all time) และเป็นชาวอเมริกันที่วิ่งเร็วที่สุดอันดับ 4 เป็นรองแค่กับ มารีออน โจนส์ อันดับ 5, คาร์เมลิต้า เจเตอร์ อันดับ 4 และเจ้าของสถิติที่คาดกันว่าอาจเป็นอันดับ 1 ตลอดกาลแบบที่ไม่มีใครทำลายได้ 10.49 วินาที ฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ-จอยเนอร์
ริชาร์ดสันออกมายอมรับตามตรงต่อเรื่องการใช้กัญชานอกการแข่งขันอย่างตรงไปตรงมา เธอเผยกับ USA Today ว่าสาเหตุหลักที่เธอใช้กัญชาก็เพราะเพื่อความผ่อนคลายทั้งทางกายและทางใจ เป็นตัวเลือกที่เธอใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการฝึกซ้อมและเพื่อเป็นการรับมือกับความเครียด ความเศร้า หลังจากที่เธอเพิ่งสูญเสียคุณแม่ไป
"แน่นอนว่าฉันรู้สึกถูกกระตุ้นและถูกทำให้คล้อยตามไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกแย่ ๆ ความเจ็บปวด และความต้องการที่จะซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถหลบหนีได้ ฉันเลยพยายามที่จะซ่อนความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทน"
เดิมทีโทษของการตรวจพบสารประกอบ THC ในกีฬาจะอยู่ที่ 3 เดือน แต่เป็นเพราะริชาร์ดสันตกลงยอมรับที่จะเข้ารับโปรแกรมการบำบัดและปรึกษาการใช้กัญชา และเธอก็ใช้กัญชาตอนที่ไม่ได้อยู่ในการแข่งขัน (Out-of-competition) และไม่มีผลต่อการเล่นกีฬา (Unrelated to sport performance) จึงทำให้เธอมีโทษเหลือเพียง 1 เดือนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เรื่องของริชาร์ดสันจึงได้กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงกันในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก การที่เธอโดนแบนเพราะการใช้ "กัญชา"​ เปรียบเสมือนตัวนำพาให้คนกลับไปสนใจรูปหลุดของ "ไมเคิล เฟลป์ส" ที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2009 อีกครั้ง เป็นรูปตอนที่เขากำลังใช้บ้องในการสูบกัญชาอยู่
รูปดังกล่าวกลับมาดังอีกครั้งเพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์โดยชาวเน็ตมากมาย ถึงขนาดมีการเริ่มเชื่อมโยงไปถึงเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ถูกมองว่าเป็นการแบ่งแยกสิทธิระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวดำหรือไม่ ทำนองว่า
"ทำไมเฟลป์สถึงยังได้ไปแข่งขันโอลิมปิกต่ออีกตั้ง 2 ครั้ง หลังจากที่มีภาพหลุดออกมา ?"
หรือบ้างก็บอกว่า
"ทั้ง ๆ ที่ ไมเคิล เฟลป์ส ก็เคยมีภาพหลุดตอนดูดบ้องอยู่ในตอนที่กัญชายังเป็นเรื่องผิด แต่เขาก็ยังเข้าแข่งขันได้ การมาห้ามริชาร์ดสันในเรื่องเดียวกันนี้มันเป็นเรื่องงี่เง่ามาก โดยเฉพาะในยุคนี้"
และถึงขนาดมีการคอลเอาต์โดยศิลปินฮิปฮอปชาวอเมริกันรุ่นใหญ่อย่าง "ดิดดี้" ว่ามันเป็นเรื่องที่คนขาวได้ตัดสินใจและการตัดสินใจนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าละอาย เพราะมันเป็นข้อกล่าวหาที่พวกคนขาวเอามาปิดกั้นความยิ่งใหญ่ของคนดำไว้
ในขณะที่อินเทอร์เน็ตกำลังลุกเป็นไฟอยู่นั้น ในเวลาไม่นานเรื่องดังกล่าวก็เริ่มโดนกระแสโต้กลับ เพราะความจริงแล้วเฟลป์สไม่ได้ใช้กัญชา "ในการแข่งขัน" และเขาก็ไม่เคยถูกตรวจพบสาร THC เหมือนที่ริชาร์ดสันถูกตรวจเจอ ซึ่งอาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากระยะเวลาของการใช้และปริมาณของการใช้ อีกทั้งมันยังไม่ได้เป็นการละเมิดกฎของการใช้สารต้องห้ามด้วย
เพราะฉะนั้นการจะนำเรื่องทั้งสองมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาความแฟร์ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
ความเหมือนในความต่าง
ย้อนกลับไปตอนที่ภาพของ ไมเคิล เฟลป์ส ถือบ้องสูบกัญชาในปี 2009 กำลังโด่งดังและเป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ การจะบอกว่าเขาไม่ได้รับโทษเลยก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะความจริงแล้วเฟลป์สเองก็เคยโดนแบนจากการแข่งขันเป็นเวลา 3 เดือนโดยทีมว่ายน้ำทีมชาติของสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังได้รับผลกระทบไปถึงชื่อเสียง อย่างการถูกยกเลิกการต่อสัญญาการเป็นสปอนเซอร์ของบริษัทเคลลอก ซีเรียลอาหารเช้าเจ้าดัง
มีการแถลงถึงพฤติกรรมของเขาอย่างเป็นทางการในขณะที่เฟลป์สกำลังเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่ United States Olympic Training Center รัฐโคโลราโด ว่า
"นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎของการใช้สารต้องห้ามใด ๆ แต่เราตัดสินใจส่งข้อความที่หนักแน่นนี้ไปถึงไมเคิล เพราะเขาทำให้หลาย ๆ คนผิดหวัง โดยกับเฉพาะเด็ก ๆ สมาชิกทีม USA Swimming หลายแสนคนที่มองเขาเป็นต้นแบบและวีรบุรุษ"
1
"ไมเคิลยอมรับการตำหนิในครั้งนี้ และมีความตั้งใจที่ทำให้เรากลับมาเชื่อมั่นในตัวเขา"
หากพิจารณาจากข้อความดังกล่าวแล้ว เป็นความจริงที่ว่าเฟลป์สไม่ได้ทำผิดกฎการใช้สารต้องห้ามแต่อย่างใด เพราะเขาไม่ได้ใช้กัญชาในช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือใช้ในช่วงก่อนการแข่งขันจนเหลือสารตกค้างภายในร่างกายและทำให้ลงแข่งไม่ได้แบบริชาร์ดสัน ภาพหลุดของเฟลป์สที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2009 เป็นช่วงเวลาหลังจากที่จบการแข่งขันโอลิมปิกปี 2008 ไปแล้ว กล่าวคือ เป็นเรื่องคนละกรณีกันอย่างสิ้นเชิงและไม่สามารถยกมาพูดในบริบทเดียวกันได้
นอกเหนือจากนี้หากพิจารณาตามกฎของการใช้สารต้องห้ามของ "วาด้า" หรือ "องค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก" (World Anti-Doping Agency: WADA) โดยทั่วไปแล้ว สารที่จะเข้าข่ายเป็นสารต้องห้ามได้จะพิจารณาจากเกณฑ์ 3 ข้อด้วยกัน
อันได้แก่ 1. มีผลเสียต่อนักกีฬา (It represents an actual or potential health risk to the Athlete) 2. ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการเล่น (It has the potential to enhance or enhances sport performance) และ 3. ไม่เป็นไปตามวิถีของกีฬา (It violates the spirit of sport) ซึ่งเฟลป์สก็ไม่ได้เข้าข่ายการทำผิดกฎทั้ง 3 ข้อนี้แต่อย่างใด
ส่วนในกรณีของริชาร์ดสัน การจะบอกว่าการใช้กัญชาเป็นเรื่องที่ "ผิด" แบบร้อยเปอร์เซ็นต์และไม่สมควรทำก็เป็นเรื่องที่ไม่แฟร์เช่นเดียวกัน เพราะจนถึงตอนนี้ก็เป็นที่ทราบโดยทั่วกันแล้วว่า กัญชานั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บและช่วยให้ผ่อนคลายได้จริง ด้วยคุณสมบัติของสาร CBD (Cannabidiol) สารสกัดจากกัญชาที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการลดอาการอักเสบได้
จนปัจจุบันสารตัวดังกล่าวก็ได้รับการยกเว้นจากการเป็นสารต้องห้ามในโลกกีฬาแล้วโดยวาด้า แต่การจะใช้ก็ต้องมีการขอเอกสารทางการแพทย์อย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือต้องมีการดูแลการใช้โดยนักกีฬาอย่างใกล้ชิดด้วย
และเราก็ต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่อีกครั้งว่า การที่ริชาร์ดสันโดนแบนไม่ใช่การแบนเพราะใช้ "กัญชา" แต่เป็นการแบนเพราะสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ซึ่งเป็นสารอีกตัวที่พบในกัญชาที่มีประโยชน์เช่นเดียวกัน แต่เป็นตัวที่ทำให้ "เมา" อีกทั้งยังเป็นตัวที่สามารถทำให้เกิดการเสพติดได้ เพราะเหตุนี้จึงยังมีการแบนสารตัวดังกล่าวอยู่ ที่ริชาร์ดสันโดนแบนเพราะตรวจเจอ THC ก็อาจจะเป็นเพราะการใช้กัญชาติดต่อกันมาเป็นเวลานานจนตกค้างอยู่ในร่างกาย และไม่สามารถขับออกไปได้ทันในช่วงเวลาแข่งขันนั่นเอง
เราต้องมาสรุปอีกครั้งว่าการที่เรื่องของ ไมเคิล เฟลป์ส ใช้กัญชาโดนขุดขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากการที่ ชาคาร์รี ริชาร์ดสัน โดนแบนเพราะใช้กัญชา เป็นเรื่องที่มีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่มีเหมือนกันอย่างเดียวอาจจะเป็นการที่ทั้งคู่โดนตีตราจากสังคมว่าเป็นนักกีฬาอนาคตไกลที่น่านับถือแต่กลับใช้กัญชา จนสุดท้ายโดนมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและกลายเป็นเรื่องที่แย่ไปเสียอย่างนั้น
1
เรื่องความเหมาะสมในการใช้กัญชาคงยังจะเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันต่อไปในอนาคต และโดยเฉพาะกับวงการกีฬาที่ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาที่รอให้มีงานวิจัยมารับรองเรื่องการใช้เพื่อประโยชน์ที่มากขึ้น
1
จนกว่าจะถึงตอนนั้น เราก็ต้องมารอติดตามกันว่า โลกกีฬาจะเตรียมพร้อมเปิดใจรับ "ประโยชน์" จากกัญชาได้มากน้อยเพียงใด ? ซึ่งมันก็คงจะดีไม่น้อยหากในอนาคตนักกีฬาจะมีตัวเลือกเพื่อการบรรเทาร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้น
เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า นักกีฬาที่ดูเพียบพร้อม สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างเช่น ไมเคิล เฟลป์ส หรือ ชาคาร์รี ริชาร์ดสัน กำลังแบกความเครียดหรือความกดดันอะไรอยู่บ้าง
บทความโดย ณัฐพล ทองประดู่
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา