3 ก.ค. 2022 เวลา 01:20 • ปรัชญา
คนเรานั้นเป็นจิตดวงน้อยๆๆๆๆ มาอาศัยเรือนกายมนุษย์ อาศัยอยู่กับกรรม ก็ไม่รู้จักกรรม เป็นทาสของอารมณ์ อยู่กับอารมณ์ก็ไม่รู้จักอารมณ์ จึงมีการใช้กายไปตามอารมณ์ เหมือนเป็นทาสของอารมณ์ อารมณ์นั้นเป็นนายของจิตอยู่ เมื่ออารมณ์นั้นสั่งหรือไหลมาปรากฏขึ้นที่กาย วิญญาณทั้งหก
จิตนั้นก็สั่งกายเคลื่อนไหว ไปตามอารมณ์ปรุงแต่งเกิดขึ้น มีการปรุงแต่งโยงเรื่องนั้นเรื่องนี้เกิดขึ้น มีกิริยาที่เค้าเรียกว่า อารมณ์กรรมตัวกระทำ นำไป จิตก็จะทำไปตามตัวกระทำที่เคยทำไว้ (พฤติกรรมหรือกิริยากรรมที่เคยกระทำไว้ เก็บบันทึกไว้ที่ธาตุทั้งสี่ เพราะเวรสร้างกรรม
เช่น ตีคนนั้นคนนี้ เมื่อเรากระทำ ตาเราเห็น หูเราได้ยิน ทั้งตาทั้งหู ก็บันทึกภาพและเสียง การกระทำของเราที่เกิด เป็นหลักฐานว่ามีกรรม คล้องกรรมกันเกิดขึ้น จะเจตนาหรือไม่เจตนา ก็มีการบันทึกเรื่องราวของกรรมที่กระทำ เป็นสีๆ อยู่กับธาตุทั้งสี่
เรื่องราวของกรรม กรรมที่เกิดมามีชีวิต มีอารมณ์ มีชีวิตที่จะดำรงอยู่ได้ ต้องอาศัยน้ำเลือดน้ำหนองของสัตว์โลกผู้มีกรรม เรากินหมูสักชิ้นหนึ่ง ไอ้หมูตัวนั้น มันก็มีกรรม มีอารมณ์ กินอาหารด้วยความโลภอยู่กับกรรมที่มันมี เราไปกินอาหารนั้นเข้ามา กายมันพลอยมีเชื้อของธาตุที่มีกรรม เข้ามาเสริมปรุงแต่งเรือนกาย กายนี้ก็พลอยมีกรรม คือปากของเรา ที่ไปกินเนื้อหมูเข้าไปบดขยี้ในกระเพาะ แล้วก็ไปดูต้นไม้ ต้นไม้ก็มีราก ชอนไชไปเสาะแสวงหาอาหาร ดูดน้ำแร่ธาตุ ธาตุดินธาตุน้ำธาตุลมธาตุไฟ เข้าไปเสริมปรุงแต่งลำต้นให้โตขึ้น
เราก็พิจารณาที่มาของการที่เราอาศัยว่ามันพัวพันอยู่กับกรรมอย่างไร การหากินของคนเรา เราต้องไปเสาะแสวงหา ต้องมีการใช้ความโลภโกรธหลง ที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวของเรา คลุมเหมือนกับเอาถุงดำว่าคลุมหัวตัวเอง คือ อารมณ์ความนึกคิดต่างๆนั้นล้วนเป็น สีดำคลุมไปทั้งหัว บางทีเราเห็นนี้ แต่งหน้าสวยๆงาม..ดูดีๆ มันเป็นสีดำซ่อนทาอยู่ผิวที่ที่เอาไอ้นั้นไอ้นี้มาทาทับไว้ จำทำกิริยาเนียน แสร้งกระทำ ก็ปกปิดสีนี้ไม่ได้เลย เพราะนั้นคือกรรม
เรื่องราวของคำว่ากรรมนั้น มันยากที่เข้าใจ สำหรับจิตน้อยๆที่น่าสงสาร ที่จิตเดินทางสะสมกรรมมามากมายก่ายกอง ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที ได้พบรอยคำสอนดีๆ รอยของพระ ก็เห็นว่าไม่มีความสำคัญ ไม่นำพาจิตของตน ที่มีวิญญาณทั้งหกเป็นเหมือนหัวเรือ ที่มีอารมณ์ปรุงแต่งเกิดขึ้นเนื่องด้วยกรรม
เช่น บางคนนึกอยากจะไปเที่ยวตรงนั้นตรงนี้ กรรมเค้าบันดาลให้เกิด ..ก็พากายไปเคลื่อนหัวเรือไป ..ไปเจอะเจอ เจ้ากรรมนายเวร ..เคยกระทำเคยใช้พฤติกรรมทำร้ายกันมา ทำกันถึงตาย กรรมนั้นก็บันดาลให้ต้องชดใช้ เพราะเป็นศัตรูกันมา อารมณ์ที่เค้าเรียกว่าเป็นศัตรูของจิตก็เกิดขึ้น มีการทะเลาะกันตีกัน มีการตายเกิดขึ้น นั้นก็เนื่องด้วยกรรม นั้นก็เป็นเรื่องราวของกรรมที่ต่องมีการชดใช้ ต้องมีการชำระสะสาง
เรื่องของกรรมที่สะสมเก็บไว้กับธาตุทั้งสี่นั้น เราก็ค่อยๆศึกษาจากประวัติพระองคุลีมารก็ได้ แม้ในชาติสุดท้าย ที่ต้องมีการสะสางชำระบัญชีกรรม ดินฟ้าอากาศ บันดาลให้จิตของเจ้ากรรมนายเวรมาเกิดเป็นมนุษย์ มาให้องคุลีมารฆ่า ชำระสะสางบัญชี เค้าเคยฆ่าเรา เราก็ฆ่าเค้า ชำสะสางบัญชีกรรม หักล้างกันไป
เมือชำระบัญชีเสร็จ ท่านก็ถึงได้พบพระพุทธเจ้า นั้นเป็นเรื่องของจิตพระองคุลีมารที่สะสมบุญบารมีมามาก วิญญาณหูได้ยินพระสุรเสียงที่ประกอบด้วยแสงของรัตนะ สะกิดเข้าไปถึงจิต เปิดจิตก็ตื่นขึ้นมา เข้าใจในเหตุผลของธรรม ละทิ้งความยึดถือ เปลี่ยนนิสัยสันดาน เปลี่ยนเป็นผู้มีกิริยานอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตน มาถือครองผ้ากาสาวพัสตร์
มีการปฏิบัติธรรมเดินตามรอยทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า กระทำกิริยาของพระยืน เดิน นั่ง นอน ทำกายให้นิ่งจิตนั่ง เกิดแสงรัตนะเข้าไปชำระสะสางธาตุทั้งสี่ให้บริสุทธิ์ วิญญาณทั้งหกก็บริสุทธิ์ เป็นแก้วเจียระไนทั้งหมด จนจิตท่านสำเร็จธรรม บรรลุเป็นจิตของพระบริสุทธิ์ ปราศจากฝุ่นธุลีจุดดำๆไม่มีเลย ไม่ต้องกลับมาเกิด คือ ไปแล้วไม่กลับมามีกายที่เป็นทุกข์อีก เพราะหมดเวรหมดกรรมที่ต้องมาเกิด
เรื่องราวของคำว่า กรรม…อย่าไปรู้แค่ผิวเผิน เราเองก็ก็ไม่ใช่ผู้รู้จริง เพราะผู้ที่รู้จริงท่านไม่มาเกิดแล้ว เราก็ได้แต่อาศัยแนวทางรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ฝากร่องรอยไว้ ค่อยๆแกะ ค่อยๆคลำเหมือนคนตาบอด ทำไปตามรอยคำสอนของท่าน เพื่อให้จิตนั้นโตขึ้นมาด้วยเหตุผลที่ท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมขึ้นมา เพื่อจะได้คลี่กรรมของจิตตน ชำระสะสางบุญชีกรรมไปเรื่อยๆ
จิตออกจากกายนี้ ก็ขอให้พ้นอบาย ขอให้เกิดมามีกายเป็นมนุษย์ครบอาการสามสิบ ขอให้พบพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทุกภพทุกชาติ เพื่อจะได้สร้างบุญกุศลบารมีหนีกรรม ไปทุกชาติ จนกว่าจะหมดสิ้นบัญชีกรรม
โฆษณา