31 ก.ค. 2022 เวลา 08:40 • ดนตรี เพลง
ครึ่งปีแรกผ่านไปกันแล้ว...และนี่คือ 12+ เพลงไทยที่ถูกใจผมที่สุดใน 6 เดือนแรกของปี 2022 นะครับ!!! ^_^
อันนี้ก็ต้องเกริ่นก่อนนะครับว่า ผมคงจะตามฟังเพลงได้ไม่ครบทุก platform ที่ปล่อยออกมา บางเพลงก็ไม่ได้มีในทุกๆ platform...ผมก็เลยจะขอยึดจากเพลงที่มีการปล่อย และ แนะนำอยู่ในส่วนของ New Music Friday Thailand ใน Spotify กันเป็นหลักนะครับ...แค่ในส่วนของ New Music Friday Thailand ใน Spotify นี้มันก็ตามฟังไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับ...6 เดือนผ่านไป มีเพลงไทยที่ปล่อยออกมาไม่ต่ำกว่า 1,000 เพลงแล้วล่ะมั้งเนี่ย...
(เพราะว่าผมสร้าง playlist ส่วนตัวที่รวมเพลงไทยที่ออกใหม่มารวมฟังไว้ที่เดียวไว้ด้วยครับ...ใน playlist นี้ผมจะไม่รวมพวกเพลงจากศิลปินไทยที่ทำเป็นภาษาอื่น กับเพลงแนว hiphop ที่เป็น trap จ๋าๆ autotune หนักๆ และ เนื้อหามีการอวด flex กันเยอะๆ (ซึ่งผมไม่ชอบเป็นการส่วนตัว) รวมทั้งเพลงที่ คุณภาพไม่ได้จริง นะครับ (เสียงร้องบ้าง การบันทึกเสียงบ้าง ฯลฯ)...แค่นี้ก็มีเกิน 900+ เพลงแล้ว!!!
จริงๆครึ่งปีแรกนี้ เพลงดีๆออกมากันเยอะมากๆแล้วนะครับ...แต่จะชอบทุกเพลงแนะนำทุกเพลงก็คงจะขี้เกียจพิมพ์กันไปนิด...เลยขอคัดเลือกบางเพลงที่ผมฟังแล้วรู้สึกชอบมากๆ และ อยากแนะนำให้หลายๆท่านลองฟังกันดูนะครับ...ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นการตัดสินจากความชอบส่วนตัวล้วนๆ...^_^
ดร.คิดถึง - DOCTORJiNK
เพลงแรกนี่...เป็นเพลงที่เห็นชื่อศิลปินแล้วก็ยังไม่คิดอะไร...แต่เอะใจกับ ชื่อเพลง มากกว่า...ทำไมมันต้อง ดร.คิดถึง กันด้วย...
แต่พอเปิดฟังกันแล้ว...เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!! เพลงดีเลย!!! แต่ว่า...ในความเพราะนั้น มันก็ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นอายของวง Helmetheads ที่เคยทำเพลงแนวๆนี้ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น Instagram และ Unfriend...แล้ววงนี้มันก็หายไปนานเหมือนกันแล้วด้วย...
พอไล่หาข้อมูลศิลปินก็เลยพบว่า...DOCTORJiNK นี่ก็คือ อดีตนักร้องนำของ Helmetheads นี่เอง...แล้วไอ้คำว่า ดร.คิดถึง นั้น...มันคือ concept ของตัว DOCTORJiNK ที่จะปล่อยเพลงออกมาโดยมีคำว่า ดร. แปะหัวทุกเพลงนั่นเอง!!! เอางี้เลยเหรอวะ!!! 5555555555555555555+
ก็เลยสรุปได้ว่าเพลงนี้...คงไม่ต้องบรรยายอะไรเยอะ...ใครที่เคยชื่นชอบผลงานเก่าๆของ Helmetheads ก็น่าจะชอบเพลงนี้กันไม่ยากบ่ะครับ...เพราะว่ากลิ่นอายเดิมๆของวงนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม...และแกก็ขยันปล่อยเพลงออกมาเรื่อยๆ...ไปไล่ดูในช่องนั้นเองเลยครับ...^_^
หมอล้ำ - TANQUE'AMA (ตังเกอาม่า)
เพลงนี้ฟังครั้งแรกนี่คือ ว้าว เลยนะครับ!!! เพราะว่ามันมีความ ตื๊ด ผสมกับความ หมอลำ กันได้แบบโคตรดี...แม้ว่าผมจะบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าไม่ค่อยชอบเพลงที่ autotune กันหนักๆ...แต่เพลงนี้มันก็ไม่ได้ใส่กันหนักอะไรจนฟังไม่รู้เรื่อง (อันนี้ผมถือว่าใส่เบามากๆแล้วด้วยนะ) แล้วมันก็ดันเข้ากับ sound แบบนี้ซะด้วย...
ตอนฟังใน Spotify นี่ก็ยังไม่รู้อะไร...พอเข้ามาเปิดใน Youtube เท่านั้นแหละ...เอ้ย!!! ทำไมเพลงนี้อยู่ในช่อง Yokee Playboy วะ!!! สรุปว่า นี่เป็น side project ของ พี่โป้โยคีฯ แกนั่นเอง...
แต่เนื้อหาของเพลงนั้น...ช่างมันเหอะ...สนุกกับ sound ก็พอละเพลงนี้!!! 5555555555555555555+
(ยิ่งไอ้ท่อน ผลไม้ นี่ฟังทีไรก็คิดตลอดเลยว่า เพื่ออะไรวะพี่!!! 55555555555+)
ปล. single ต่อมาของวงนี้ (ที่ถ้าไม่อ่านชื่อภาษาไทยนี่มีชะงักเหมือนกันนะว่า ชื่อวงอะไร) อย่าง บางที...maybe นี่ก็โคตรดีเลยนะครับ...มีความ city pop+electronic กันล้ำๆหน่อย (พี่แกเรียกเพลงนี้ว่าเป็น Electronic Soul)...แต่ฟังแล้วฟีลมันแอบนึกถึง Out of Time กันเบาๆ แต่เพลงสไตล์นี้มันก็ sound ประมาณนี้หมดแหละ...^_^
I Don't Wanna be Alone - Hard Boy
ด้วยความสัตย์จริง...ผมนึกไม่ออกเลยนะครับว่า บ้านเราขาดวง rock โคตรๆสไตล์ hair band ยุค 80's กันไปนานแค่ไหนแล้ว...เพราะว่าวงสุดท้ายที่ผมนึกออก คือ Hi-Rock (จริงๆมันอาจจะมีแหละครับ แต่ในวงกว้างนี่คือเหมือนจะไม่เห็นวงสไตล์ hair band กันอีกเลยหลังจากยุคนั้น...ไม่นับ He Men Crown ละกันนะ เพลงล่าสุดพี่แก เคาะขวด กันละ 555555555555+)...
อ้อ!!! ลืมนับ Retrospect ชุด The Lost Souls ไป...ส่วนตัวผมก็ยังคงชอบอัลบั้มนี้ของวงนี้มากที่สุดอยู่ดี เพราะว่านอกจากอัลบั้มนี้ เพลงพี่แกไม่ใช่ทางที่ผมฟังเท่าไหร่นัก...
ในช่วงนี้ของปีที่แล้ว ซึ่งการระบาดของ COVID-19 ยังส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจกลางคืนกันอย่างหนักอยู่...ได้มีโปรเจคต์ เปิดหมวกเฟสติวัล ซึ่งเป็นการจัดเทศกาลดนตรีออนไลน์ทาง Youtube เพื่อให้ผู้ชมสามารถสนับสนุนและช่วยเหลือเหล่านักดนตรีที่ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้นั่นเอง...
และใน เปิดหมวกเฟสติวัล นี้ ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้พบและได้ฟังบทเพลงจากศิลปินทั้งเบอร์ใหญ่ เบอร์เล็ก และ คนที่อยากเป็นศิลปิน...ซึ่งมีหลายคนและหลายวงที่ผมเพิ่งจะมารู้จักจากงานนี้ด้วยเช่นกัน...และ Hard Boy ก็เป็น 1 ในนั้น...ซึ่งสิ่งที่ว้าวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังก็คือ มันเป็นวง rock แบบโคตร rock ที่บ้านเราไม่เห็นวง hair band แบบนี้กันมานานมากๆแล้ว...
หลังจาก เปิดหมวกเฟสติวัล จบไปผมก็รอฟังผลงานของวงนี้กันแบบ อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ...จนในปีนี้ Hard Boy ก็ได้ปล่อย single ที่ 3 ออกมา...I Don't Wanna be Alone...
โคตรว้าว!!! ไม่ได้ยิน ballad rock ที่ทรงพลังและปีนกระไดเสียงขึ้นไปแบบสูงปรี๊ด แบบที่บางคนเรียกว่า power ballad ในวงไทยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกก...อย่างที่บอกเลยล่ะครับ...นึกออกล่าสุด คือ Hi-Rock!!! ^_^
ทุกอย่างในเพลงนี้มันคือลงตัวสุดๆแล้ว!!! แต่แอบเสียดายนิดๆที่ วงนี้ ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับผลงานแล้ว (ฟีลคล้ายๆ Asia7 เลยล่ะครับ)...แต่ถ้ายังคงรักษามาตรฐานแบบนี้กันต่อไป...อีกไม่นาน วงนี้มันจะต้องแมสกันซะที!!! ^_^
ปล. วงนี้เพิ่งจะปล่อย eng. version ของเพลงนี้ออกมา และทางวงได้บอกกันว่า เดิมทีเพลงนี้ถูกแต่งเป็นภาษาอังกฤษกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...ลองฟังดูครับ...นี่มันเพลงจากวงฝรั่งชัดๆ!!! ^_^
ทิ้งไป - Only Monday
ตั้งแต่ปีที่แล้วที่ค่าย Gene Lab ได้เปิดตัววง indie rock หน้าใหม่อย่าง Only Monday ออกมา...เรียกได้ว่าสร้างความน่าสนใจให้วงการเพลงกันพอสมควรตั้งแต่เปิดตัวเพลงแรก(กันอย่างเดือดสัส)อย่าง สองมาตรฐาน...และยิ่ง single ต่อมาก็ยิ่งทำให้วงนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีกกับเพลง ได้แต่นึกถึง...
และเวลาผ่านไป 1 ปีเต็มๆ...วงนี้ก็ขยันทำเพลงและปล่อยเพลงออกมากันอย่างต่อเนื่อง...ซึ่ง single ล่าสุด (ในครึ่งปีแรก) อย่างเพลง ทิ้งไป นี่คือเพลงที่ 4 ที่วงนี้ปล่อยออกมากันแล้วด้วย!!! ขยันกันดีแท้!!! 555555555555+
ซึ่งหลังจาก ได้แต่นึกถึง และ single ก่อนหน้านี้อย่าง ไม่คิดจะลืม ที่จะเป็นเพลงช้าๆเศร้าๆที่มีเนื้อหาและดนตรีที่ค่อนข้างจะดึงอารมณ์ผู้ฟังให้รู้สึกหน่วงๆกันพอสมควร...เพลงที่ 4 อย่าง ทิ้งไป เพลงนี้นั้น...เนื้อหามันก็ยังคง อกหัก เหมือนเดิมแหละ แต่ว่าอารมณ์ของเพลงดูจะสว่างมากขึ้นกว่า 2 เพลงก่อนหน้านี้...หน่วงกันมา 2 เพลงนิดๆละ เพลงนี้ก็เลยจะมาฟีลแบบ ปลงๆกับความรักนี้กันได้แล้ว นะฮะ...^_^
และที่น่าชื่มชมก็คือ เพลงนี้มันก็ยังรักษามาตรฐานเดิมจาก 3 เพลงก่อนหน้านี้ไว้ได้อยู่ และก็เพิ่มความน่าสนใจใน sound ที่ใส่ในเพลงนี้ที่มีความ old school กันหน่อยๆ...โดยเฉพาะครึ่งเพลงหลัง...ที่ solo มาจัดๆแล้วก็เบรคกันหน้าทิ่ม ก่อนที่จะค่อยๆบิ้วท์ขึ้นมาอีกรอบ...ถ้าฟังตอนแสดงสดน่าจะโยกกันพอสนุกเลยนะฮะจังหวะนี้...^_^
แต่ว่า...ในขณะที่ผมกำลังพิมพ์อยู่นี้นั้น...Only Monday มันก็ดันปล่อย single ที่ 5 ออกมากันแล้วด้วยครับ!!! และไม่พอ!!! ตอนนี้ปล่อยอัลบั้มออกมากันแล้วด้วย!!! ซึ่งเพลงที่ยังไม่โปรโมตตอนนี้ก็โคตรดีเช่นกัน โดยเฉพาะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง...
สรุป...วงนี้จะสร้างกันกี่มาตรฐานกันแน่วะเนี่ย...เพลงดีขึ้นเรื่อยๆทุกเพลงเลยนะเฮ้ย!!! 555555555555555555555555+
บ้านผีสิง (She’s Haunting) - The Bandit Boy
ด้วยความสัตย์จริง...เหมือนผมเคยเห็นชื่อวงนี้ผ่านๆอยู่บ้างนะ แต่ไม่เคยฟังผลงานของพวกเขาเลย...
และพอเพลงนี้ปล่อยมาและผมได้ลองกดเข้าไปฟัง...เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย!!! ชอบไอเดียที่ทำเพลงโดยมี theme แบบหนังสยองขวัญยุค 80's ในเพลง synth rock แบบนี้ว่ะ!!! มันฟังแล้วดูมีความ fantasy และน่าสนใจกันพอสมควรเลย...เหมือนว่ากำลังดูหนังแนว slasher กันเรื่องนึงเลย...^_^
(แต่ชื่อเพลงมัน ผี นะ...แต่ผมฟังแล้ว sound มันทำให้นึกถึงพวกหนัง ไล่เชือด มากกว่าแฮะ...5555555555+)
อีกจุดที่ชอบมากในเพลงนี้ คือ การเอาพวก effect ที่มักจะได้ยินจากพวกหนังแนวๆ slasher หรือ หนังสยองขวัญ ยุค 70's-80's มาใส่ในเพลงได้แล้วมันช่วยเสริมความเท่ของเพลงได้แบบถูกจังหวะกันจริงๆ...^_^
และเหนือสิ่งอื่นใด...เพลงนี้แม่งเดือดดีว่ะ!!! อาจจะต้องลองไปไล่ตามฟังงานเก่าๆของวงนี้กันด้วยละ...^_^
ใจเกเร - Tattoo Colour
วงนี้ไม่ต้องพูดถึงอะไรกันมากละ...55555555555555555+
แม้ว่าช่วงหลังๆนี้เราจะเห็นพวกพี่แกขยันหาทำ contents ลงในช่อง TCTV ของพวกพี่แกเองกันถี่ยิบ พร้อมๆกับการที่ตอนนี้เหมือนว่าวงนี้จะกลับมาเกิดกันอีกรอบในโลกออนไลน์...ก็ไปไกลถึงขนาดนี้ รัซซี่ เทพเปิดขวดของวง ออก signature ที่เปิดขวด ของตัวเองมาขายกันได้ละกัน!!! 55555555555555+
แต่ในความ เอาฮา ที่เห็นกันชินตาในช่วงนี้ แต่พี่ๆเขาก็ยังไม่ทิ้งการทำเพลงกันอยู่นะครับ...โดยที่อัลบั้มล่าสุดอย่าง เรือนแพ ชุดที่ 6 (ที่ไม่รู้ว่ามันจะได้วางขายกันตอนไหนเหมือนกัน...เห็นว่าจะเสร็จๆกันตั้งแต่ปีที่แล้วละ) ก็ได้ปล่อยเพลงสนุกๆกันมาแล้ว 4 เพลง...แต่ก็ยังขาดเพลงที่เป็นเหมือน เพลงตีหัวเข้าบ้าน หรือ เพลงแบบ อกหัก เศร้าๆ ที่เป็น 1 ในอาวุธหนักของวงนี้ที่มีกันทุกอัลบั้มนะครับ...
และ single ที่ 5 ที่เพิ่งปล่อยออกมานี้...มันก็ยังไม่ใช่เพลงช้าแบบที่ว่ากันอยู่ดี...แต่มันก็ถือว่า ตีหัวเข้าบ้าน กันได้ดีพอสมควรเช่นกัน กับเพลงอย่าง ใจเกเร...
เพลงนี้มันก็เป็นเพลงที่จะเรียกว่า เพลงอกหัก มันก็พอได้ แต่มันมีความฟุ้งๆลอยๆไปพร้อมกับ sound แบบมี groove แบบ funk กันนิดๆ synth กันหน่อยๆ...ทำให้มันทำให้เพลงออกมาเศร้าๆนิดๆ แต่ก็ไม่ได้พากันดิ่งมากๆแบบเพลงที่เคยทำมาอย่าง ฟ้า, จำทำไม, รองเท้าเก่า อะไรพวกนี้...และด้วยความที่เพลงมันค่อนข้างมีจังหวะ ฟังแล้วเลยจะพอโยกหัวกันไปเบาๆเคล้าเครื่องดื่ม(??)กันได้ดีเลยทีเดียว...
ในส่วนของตัวเพลงและเนื้อร้องนั้น มันก็ไม่ต้องไปพูดถึงอะไรมากละ...ดีงามตามมาตรฐานของวงนี้กันอยู่แล้ว...แต่ก็ยังแอบรออยู่นะฮะว่า อัลบั้มนี้มันต้องมีเพลงแบบ ตีหัวเข้าบ้าน ฟังแล้วหน่วงๆกันมาซักเพลงสิน่า...แบบตีหัวแล้วน็อคกว่าเพลงนี้น่ะ...^_^
ขับรถออกไปทั้งน้ำตา - เรนิษรา
เพลงนี้เรียกได้ว่า...ไม่มีข้อมูลอะไรเลยฮะ ศิลปินเป็นใครมาจากไหน ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย...แต่เพลงนี้มันดีจริงๆ!!! ^_^
ก่อนที่จะไปหาข้อมูลมาได้ว่า ตัวนักร้องนั้นเคยทำวง rock อย่าง Sunset Majesty ที่เคยประกวดในเวที Hot Wave Music Awards ปี 2018 กันมาก่อน และได้ปล่อยเพลงออกมาแล้ว 2 เพลง...นี่คือข้อมูลที่พอจะหาได้...- -"
แม้ว่าเนื้อหามันจะแอบหน่วงเล็กๆ แต่ด้วย sound ที่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกหน่วงมากเกินไป...เลยทำให้เพลงนี้มันคือเพลงที่เหมาะแก่การขับรถออกไปลำพัง เพื่อที่จะได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ทบทวนสิ่งต่างๆที่มันเกิดขึ้น...และพอขับกลับมายังจุดเริ่มต้น ก็น่าจะทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างนิดหน่อยก็ยังดีแหละ...ถ้ายังไม่ดีขึ้น...ก็แค่ออกไปขับรถต่อ เปิดเพลงนี้คลอๆไป และใช้เวลาอยู่กับตัวเองต่อไปอีกครั้ง...
แต่สุดท้าย...มันก็วนกลับมาที่เดิม...(แต่ถ้าดื่มแล้วก็อย่าขับนะครับ - -")
สรุปสั้นๆ คือ เพลงนี้มันคือเพลงฟังสบายๆที่เหมาะกับการเปิดฟังในขณะที่เราขับรถไปเพื่อคิดทบทวนอะไรตามลำพังนั่นแหละ...ลองฟังกันดูครับ...^_^
ขยะอวกาศ - Funky Wah Wah x Win Sqweez Animal
ด้วยความสัตย์จริง...ผมได้ยินชื่อ Funky Wah Wah กันมานานโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร...แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ฟังเพลงพี่แกกันจริงๆจังๆซะที...จนกระทั่ง อัลบั้ม Synthderella ที่ออกมาในปี 2019 นี่แหละ...ผมได้ฟังแล้วถึงกับอุทานในใจเลยว่า...
"เชี่ย!!! กุไปอยู่ไหนมาวะเนี่ย!!! ทำไมเพิ่งจะได้ฟังเพลงพี่แก!!!"
หลังจากอัลบั้ม Synthderella ที่ค่อยๆปล่อย single มาเรื่อยๆบ้าง เอาไป remix ใหม่เรื่อยๆบ้าง...ในที่สุด แกก็ได้ปล่อย single ใหม่กันจริงๆเสียที กับเพลงอย่าง ขยะอวกาศ...
ซึ่งเพลงนี้ Uncle T เจ้าของค่าย SpicyDisc ที่ฝากเสียงร้องในอัลบั้ม Synthderella กันหลายเพลงนั้น ไม่ได้มาร้องแต่อย่างใด...แต่ได้ วิน Sqweez Animal จากวง Sqweez Animal มาร้องแทน...และด้วยเสียงร้องของ พี่วิน มันก็ดันเข้ากับเพลงแบบ electronic pop แบบนี้โคตรๆด้วยสิ!!! ^_^
ยิ่งเมื่อเนื้อเพลงเศร้าๆ บวกกับ sound เหงาๆแบบนี้...โห...ฟังแล้วเคว้งเหมือนกันนะเนี่ย...Y_Y
โทรศัพท์เครื่องเก่า (Memories) - FrenchW
นี่ก็เป็นอีกคนที่ผมแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย...นอกจากว่าเคยทำเพลงเองออกมา 1 ep และต่อมาเลยได้เข้ามาอยู่ค่ายใหญ่อย่าง Tero Music...แสดงว่าต้องมีของพอสมควร...
Single แรกที่ปล่อยหลังจากเข้าอยู่ในค่ายอย่าง Walk You Home ที่ปล่อยมาเมื่อปีที่แล้ว ผมฟังแล้วเพลงมันก็โอเคอยู่แหละ แต่ยังไม่ค่อยมีจุดที่ประทับใจอะไรมาก ถึงขนาดว่าลืมเพลงนี้กันไปเลยด้วยซ้ำ...แต่พอมาปีนี้ แกปล่อยเพลงที่ 2 ออกมา...คนละเรื่องกันกับเพลงแรกเลยแฮะ...
ทุกอย่างในเพลงนี้มันลงตัวพอดีหมดเลย ทั้งเนื้อร้อง ตัวดนตรี...และความที่เพลงนี้มัน พอดี แบบนี้เลยทำให้เมื่อฟังแล้วเราจะรู้สึกหน่วงหนักกันตามเนื้อหาที่เพลงนำเสนอออกมาได้ไม่ยากนัก...คือเพลงมันก็ไม่ได้เศร้ากันแบบเอากันให้ตาย ฟูมฟายกันอะไรมากขนาดนั้น...แต่เพลงนี้มันก็หน่วงพอที่จะทำให้เราติดลูปกับ "อดีต" ของแต่ละคนได้เลยล่ะ...
น่าสนใจเลยล่ะว่า เพลงต่อไปของ FrenchW (ที่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงต้องอ่านว่า เฟรนช์-ดั๊บ กันด้วยวะเนี่ย - -") นั้นจะมาในทางไหนกัน...จะหน่วงกว่านี้ หรือพาเราไปในโทนสดใสกันบ้าง...^_^
Galaxy - Space Brothers
เฮ้ย!!! วงอะไรวะเนี่ย!!! ไอเดียแม่งเจ๋งว่ะ!!! นี่คือความรู้สึกแรกที่ผมได้ฟัง เพลงเปิดตัว ของวงนี้อย่าง Galaxy เพลงนี้เอง... แน่นอนว่า ผมไม่มีข้อมูลอะไรของวงนี้เช่นเคย!!! แต่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานเบื้องหลังกันนั่นแหละ...55555555555555555+
ที่ชอบอย่างแรก คือ มันมีการเกริ่นนำเพลงแบบ พากย์หนัง พากย์การ์ตูน นี่แหละ...แถมยังไปพา อาไกวัล วัฒนไกร นักพากย์ตัวจริง (ที่เพิ่งจากไปไม่กี่วันนี้เอง) มาให้เสียงพากย์...คือเพลงอะไรที่มันใส่มุกอะไรแบบนี้ไว้ แสดงว่าเพลงนี้มันมีความกวนแน่ๆ...ซึ่งในเนื้อเพลงนั้น มันไม่ได้กวนอะไรอย่างที่คิด...แถมออกจะค่อนข้างจริงจังในความรักระดับอวกาศกันซะด้วยสิ...ซึ่งพอดูเครดิตคนแต่งเพลง ดันเป็น พี่บอย โกสิยพงษ์ กันเฉย!!! มันไม่ธรรมดาแล้ววงนี้!!! 555555555555555+
แต่ตัวเพลงมันเหมือนมีความ funky ผสม jazz หน่อยๆ...มีเสียงพวกเครื่องเป่าทองเหลืองทั้งหลาย (หลายจริงๆ เพราะเมมเบอร์วงมีทั้ง Trombone+Trumpet+Saxophone)...ฟังแล้วให้ความรู้สึกแบบ Groove Riders+Crescendo กันเบาๆ...มันเลยฟังดูสนุกแบบมี groove พอให้โยกได้นิดๆ...และก็ปิดท้ายแบบกวนๆด้วยเสียงพากย์กันอีกแล้ว...555555555555+
วงนี้น่าสนใจเลยครับ...ตอนนี้ปล่อยมาแล้ว 3 เพลง...โดยเฉพาะ เพลงล่าสุดที่ช้าๆเศร้าๆกันหน่อยอย่าง โลกคู่ขนาน ที่ได้กลิ่นอายแบบ Crescendo กันค่อนข้างชัดขึ้นนิดๆ...^_^
ไทเท่ - ไททศมิตร
ณ เวลานี้ คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ไททศมิตร เป็นวง เพื่อชีวิต แถวหน้าแห่งยุคกันไปแล้ว...
เพราะว่าอัลบั้มแรกที่ปล่อยมาในปี 2020 อย่าง TaitosmitH ซึ่งเป็นชื่อวงนั้น ก็มีผลงานเพลงเด่นๆมากมาย โดยเฉพาะเพลงอย่าง แดงกับเขียว และ Hello Mama...และยิ่งมีสมาชิกวงไปแสดงหนังอย่าง 4Kings รวมทั้งทำเพลงประกอบภาพยนตร์กันอย่างเดือดอย่างเพลง นักเลงเก่า ก็ยิ่งทวีความนิยมให้กับวงนี้ให้ขึ้นไปอีก...
และในปีนี้...ไททศฯ ก็ได้ปล่อยอัลบั้มที่ 2 ของวงอย่าง เพื่อชีวิตกู ออกมาให้ได้ฟังกัน...ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ฟังผิดหวังกันแต่อย่างใด เพราะว่ายังคงรักษามาตรฐานไว้จากอัลบั้มแรก แถมยังมีพัฒนาการและสีสันใหม่ๆให้ได้ว้าวกันอีกด้วย...เรียกได้ว่าเป็นอีกอัลบั้มที่ ดีทุกเพลง ก็คงพูดไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก...^_^
และจาก 11 เพลงที่ดีทุกเพลงนั้น...เพลงที่สะดุดตากันตั้งแต่เห็นรายชื่อเลยก็คือ ไทเท่...เพราะว่ามันมีการ feat. กับ พ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) และเพิ่งจะจากพวกเราไปเมื่อตอนต้นปีนี้เอง...ทำให้เพลงนี้ น่าจะเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่เราจะได้ยินเสียงแหล่ของบรมครูเพลงท่านนี้...
ไทเท่ เนื้อหามันก็จะเป็นการพูดให้เราได้คิดว่า เฮ้ย!! อะไรแบบไทยๆ มันก็เท่ได้นะเว้ย!! ประมาณนี้...เพราะว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไป และ การเข้าถึงวัฒนธรรมต่างๆที่หลากหลาย อาจจะทำให้เราๆนั้นหลงลืมและละเลยสิ่งที่ดีและเป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆกันไปบ้าง...sound ของเพลงนี้มันก็เลยจะมากันแบบ เท่ๆ ผสมกับ ความเป็นไทย กันได้เนียนๆ...
แต่...ตอนฟังครั้งแรก หลังจากที่จบท่อน hook แรกแล้วส่งต่อเข้าท่อนแหล่ของ พ่อไวพจน์ นั้น...ผมแอบรู้สึกว่าทำไมมันเปลี่ยนคีย์เปลี่ยน mood กันแบบกระชากหัวทิ่มกันขนาดนี้วะเนี่ย...แต่พอได้ฟัง ที่มาที่ไป ของเพลงนี้จากรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก แล้วทราบว่า ทางวงต้องเปลี่ยนแก้เพลงที่ทำเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วด้วยแบบใหม่หมด เพื่อให้เข้ากับเสียงของ พ่อไวพจน์ แบบที่ได้ฟังกันนี้...เลยได้เข้าใจว่า นี่เป็นตัวเลือกที่โคตรดี และมันทำให้ผลลัพท์ออกมา เท่ กว่าที่คิดไปเสียอีก...^_^
ดนตรีเท่ เนื้อหาเท่ แหล่ก็เท่อีก...เป็น ไทเท่ ที่ โคตรเท่เลยจริงๆครับ!!! หวังว่าถ้าจะทำ MV เพลงนี้กันจริงๆล่ะก็ ขอให้พา พ่อไวพจน์ มากันแบบ เท่ๆ ด้วยนะฮะ... ^_^ (อัพเดทล่าสุด...เพลงนี้กำลังจะมี MV กันจริงๆแล้วฮะ 55555555+)
Traffic Jam - DAW Ft. Lazyloxy, Minchang
แม้ว่าผมจะเกริ่นไว้ด้านบนว่าผมไม่ค่อยถูกจริตกับเพลง hip-hop แบบ trap หนักๆ autotune เยอะๆ กับ พวกที่ flex อวดโน่นนี่กันกันเท่าไหร่นัก...แต่ใช่ว่าผมจะไม่ฟังเพลงแนวนี้กันเลยเสียทีเดียว...
หลายๆเพลงที่ทำ beat ออกมาน่าฟัง ไม่หนักจนเกินไป...และบางเพลงก็มีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ...อย่างเช่นเพลงนี้...
DAW หรือ เสือดาว เป็น 1 ในสมาชิกของ Warmlight Team ที่มีหัวหอกของค่ายอย่าง Lazyloxy นั่นเอง...ซึ่งเพลง Traffic Jam นี้ถือว่าเป็นเพลงแรกเลยมั้งในการย้ายขึ้นมาอยู่ค่ายใหญ่ของ DAW...และก็ได้ Lazyloxy เจ้าของค่าย กับ Minchang หรือ aka ในตอนที่แข่งรายการ The Rapper 2 อย่าง THISISMC มาร่วมร้องด้วย...
สิ่งที่ชอบอย่างแรกคือ beat ของเพลงนี้มันมีทั้งความเท่แบบเหงาๆและความล่องลอยกันพอสมควร ยิ่งเมื่อรวมกับเนื้อหาที่เพลงนี้ได้พูดถึงแล้วด้วยนั้น...มันก็ยิ่งเข้ากันดีกับ beat แบบนี้...ใส่ท่อนของ Lazyloxy ก็มีความติดหูกันดี และท่อนของ Minchang ที่มาแบบอังกฤษนั้นก็ปิดท้ายเพลงนี้ได้แบบเท่ๆเข้าไปอีก...
เป็นเพลงที่เปิดตอนอยู่คนเดียวๆเหงาๆยามค่ำคืนได้ดีอีกเพลงเหมือนกัน...^_^
ไม่ว่างมองฟ้า - AUTTA ft. Pratyamic & K.Aglet
จากนายเนิร์ดที่สร้างความประหลาดใจในความสามารถขั้นสูงกันในรายการ The Rapper 2...สู่การเป็น 1 ในศิลปินที่เห็นไปแจมกับศิลปินคนอื่นๆบ่อยคนหนึ่งในยุคนี้...แต่ก็ทิ้งช่วงกับเพลงตัวเองกันไปพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะกลับมาในปลายปีที่แล้วแบบสั่นสะเทือนวงการเพลงกันกับเพลง ANTLV...
ซึ่งส่วนตัวผมยกให้เพลงนี้เป็นอีก 1 เพลง rap ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีในสยามประเทศเลยด้วยซ้ำ...^_^
หลังจากความสำเร็จอย่างสูงของเพลงนี้ในแง่ของคำชมและรางวัล...อัตตา ก็ไม่ได้ปล่อยทิ้งช่วงจากเพลงก่อนหน้ากันนานมากเกินไป...และคราวนี้มาเพลงในจังหวะที่ช้าลงจากเพลงที่แล้ว...ฟังเผินๆเหมือนจะเป็นเพลงที่ฟังชิลล์ๆสบายๆได้...
แต่เพลงของ AUTTA ไม่มีคำว่า ธรรมดา ในด้านดนตรีแน่นอน!!!
ด้วยความที่เรียนดนตรีเอก Jazz มา...เพลงนี้ อัตตา และ มิค เพชรภูมิ เพื่อนผู้ช่วยสร้างสรรค์ผลงานเพลงกันมาตลอด (ไม่นับเพลงในช่อง Coverดีๆมักจะมาตอนเมากาว นะ...ช่องนั้นเพลงมัน ดีเกิ๊น!!! 555+) ก็เลยทำเพลงแบบ Jazzhop กันแม่งซะเลย!!! เพิ่งรู้ว่ามีเพลงแนวนี้กันด้วย!!!
และเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเพลงของอัตตา ก็คือ...นับห้องนับจังหวะกันยากชิบ!!! ยิ่งเข้า part สุดท้ายของเพลงที่ อัตตา ร้องเองนั้นยิ่งแล้วใหญ่...time signature มันคืออะไร!!! นับจังหวะตามไม่เคยได้เลยเนี่ย...- -"
อีกจุดเด่นของเพลงนี้ คือ เนื้อหา...เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่น่าจะตรงกับหลายๆคนในยุคปัจจุบันนี้ที่กำลังเป็นเช่นนี้ด้วยเช่นกัน...และยิ่งได้ 2 rapper ที่เด่นด้านการใช้คำอย่าง Pratyamic (ปรัชญาไมค์) และ K.Aglet มาร่วมแจมด้วย ก็ยิ่งทำให้การเล่าเรื่องเนื้อหาแบบนี้มันยิ่งเข้าถึงมากขึ้นไปอีก...
ตอนนี้ AUTTA ได้ไปอยู่ใน another level กันอย่างสมบูรณ์แล้วล่ะ...^_^
ปล. แต่ด้วยความที่บทความนี้มัน ทำไปดองไป (เริ่มเขียนตั้งแต่ต้นเดือน จนป่านนี้จะหมดเดือนแล้วยังไม่เสร็จ)...ล่าสุด Autta ปล่อยเพลงใหม่ออกมาแล้วครับ!!! และก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นกันชัดเจนแล้วว่า Auttakorn is on another level กันไปแล้วจริงๆ...^_^
ใจมันคิดถึง - Kisskazz
ในยุค 2000s นั้น...นอกจากจะเป็นยุคสมัยแห่ง Kamikaze กันแล้วนั้น...แต่ก่อนที่จะเกิดขึ้นมาของ กามิฯ ก็ยังมีอีกแนวเพลงหนึ่งที่สร้างกระแสในยุค 90's ปลายๆ-2000s ต้นๆ ได้พอสมควร กับเพลง pop ใสๆที่เรียกกันว่าเพลงแนว Dojo...
Dojo City คือค่ายย่อยของ Bakery Music ที่เปิดขึ้นมาเพื่อเน้นทำเพลงเจาะกลุ่มผู้ฟังวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่ม pre-teen...ทำให้เพลงที่ค่ายนี้ทำออกมาจะเป็น pop ใสๆที่มีความสนุกสนานร่าเริงในแบบฉบับ สาววัยรุ่น...อาจจะเว้น Triumphs Kingdom วงนึงที่อาจจะมีความ sexy กว่าวงอื่นในค่ายกันนิดๆ...555555555555+
ซึ่งหลายๆเพลงก็ฮิตและเป็นที่จดจำกันมายาวนานจนถึงปัจจุบัน เช่น อย่าเข้าใจฉันผิด ของ TK, ต่อให้ใครไม่รัก ของ Project H, ไปพัก ของ Niece และรวมถึงเพลงจากศิลปินวงสุดท้ายของค่ายอย่าง Mr.Sister ที่ก็มีเพลงฮิตมากๆอย่าง อาม่าดุ ด้วยเช่นกัน...
(แต่ในยุคนั้นผมแอบชอบเพลงช้าๆของค่ายนี้มากกว่านะครับ...โดยเฉพาะ ห้ามใจไม่ไหว ของ TK...ซึ่งปีนี้ก็เพิ่งจะมีการเอามา cover เป็นเพลงประกอบซีรี่ย์กันไปด้วยเช่นกัน...^_^)
แต่หลังจาก Mr.Sister ที่ออกมาในปี 2002...Dojo City ก็ปิดตัวลงกันไปซะงั้น...และก็แทบจะไม่มีเพลงไทยที่ทำออกมาในสไตล์นี้ออกมากันเท่าไหร่นัก...จนเวลาผ่านไปเกือบๆ 20 ปี...ก็เพิ่งจะมีเพลงๆนึงที่ออกมาและทำให้เรารู้สึกถึงกลิ่นอายแบบ Dojo กลับมากันเบาๆ...^_^
Kisskazz เป็นวง girl group วงแรกจากการร่วมมือกันระหว่างค่าย Warner Music Thailand และ XOXOCITY (คนละค่ายกับ XOXO Entertainment ที่ 4EVE และ ATLAS นะครับ) ซึ่งได้ 3 สาวที่อาจจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาทาง SNS กันบ้างมารวมตัวกัน...และด้วยความตั้งใจของค่ายที่จะทำเพลงในสไตล์แบบ Dojo ก็เลยออกมาเป็นเพลง ใจมันคิดถึง เพลงนี้นี่เอง...
ผมจะอธิบายความเป็น Dojo ยังไงดี...คือเพลงแนวนี้มันจะต้องมีการใส่ sound อะไรๆแบบ ปิ้วๆ ในเพลง pop ที่ฟังแล้วเข้าถึงง่าย...คือได้ยินแล้วรู้สึกติดหูในทันที...ซึ่งเพลงนี้ก็มาถูกต้องตรงตามโจทย์เลย...
นอกจาก sound ของเพลงที่มันเป็นสไตล์ชัดเจนแล้ว เสียงร้องก็จะมีความ งุ้งงิ้งๆ กันนิดๆ แต่ไม่ได้ฟังดูง๊องแง๊งๆจนน่ารำคาญ...และด้วยความที่ทั้ง 3 สาว คิ้วท์, จี้ และ สตีฟ (ด้วยความสัตย์จริง ตอนแรกผมก็แอบไม่เชื่อว่าจะเป็นชื่อน้องผู้หญิง 55555+) นั้นต่างมีสไตล์เฉพาะตัว เลยทำให้เพลงนี้มันฟังดูกลมกลืนและลงตัวน่าฟังมากขึ้นไปอีก...
วงนี้น่าสนใจ และ ค่ายนี้ก็น่าสนใจด้วยเช่นกัน...รอฟังเพลงแนวๆนี้อีกเรื่อยๆนะฮะ...^_^
จำไว้ (Won't Back Down) - Aliz
วงดนตรีหญิงล้วนในบ้านเรานี่ จะว่าไปก็มีไม่ค่อยมากเท่าไหร่นะครับ...เท่าที่ผมพอจะนึกออกก็จะมี Budokam, Pink, Tepapa (ยังจำวงนี้ได้อยู่นะ 555555+), Oho, Pure, Senorita, Yellow Fang...ส่วนอีกวงจากฝั่งลาดพร้าว ขออนุญาตลืมละกันครับ 5555555555+
แต่ในยุคนี้ นอกจาก Yellow Fang ที่ก็ค่อนข้างจะอยู่ในสายอินดี้แล้ว ก็เหมือนจะไม่มีวงดนตรีหญิงล้วนในแบบ mainstream กันมานานมากๆแล้วเหมือนกันแฮะ...จนกระทั่ง Muzik Move ได้เปิดตัววง Aliz ออกมา...ซึ่งก็เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจมากๆ กับฝีไม้ลายมือในการเล่นดนตรีที่จัดจ้านมากๆ...
และวงนี้ก็ปล่อยผลงานเพลงออกมาเรื่อยๆ ซึ่งก็สร้างมาตรฐานกันไว้ให้ผู้ฟังมั่นใจกันได้ระดับหนึ่งแล้วว่า วงนี้ปล่อยเพลงออกมา เพลงดีแน่นอน...(ส่วนตัวผมยังชอบเพลง เข้าใจไปเอง มากที่สุดอยู่นะครับ ^_^)
หลังจากปล่อยเพลงออกมากันแล้ว 6-7 เพลง...และเพลงก่อนหน้านี้อย่าง โกเมนนาไซ ก็เริ่มจะทวีความเดือดของเพลงขึ้นมาแล้ว (หลังจากที่ผ่านมา วงนี้แทบจะไม่มีเพลงเร็วๆเดือดๆกันเท่าไหร่นัก)...เพลงล่าสุดที่ปล่อยออกมา (พร้อมกับถูกเอาไปใช้ประกอบซีรี่ย์ด้วย) อย่าง จำไว้ นี่น่าจะถือว่าเป็นเพลงที่ เดือดที่สุด ของวง Aliz กันแล้วล่ะครับ!!!
ซึ่ง 1 ในที่มาของความเดือดของเพลงนี้ มาจากการได้ แบงค์ วง Clash มาเขียน melody เพลงนี้ให้ด้วยนั่นเอง...และเมื่อรวมกับความสามารถทางดนตรีที่สูงของสมาชิกวง ก็ยิ่งทำให้เพลงนี้มันออกมาดุดันและเดือดอย่างที่วงนี้มันควรจะทำกันมาตั้งนานแล้ว!!! 5555555555555+
โดยเฉพาะช่วงครึ่งเพลงหลังไปจนถึงช่วงท้ายๆของเพลงนี่...โคตรสุด!!!
นั่นแหละครับ...Aliz แทบจะการันตีได้แล้วว่า เพลงดีแน่นอน...
ปล. แต่น่าเสียดายนิดที่เพลง จำไว้ เพลงนี้ จะเป็นเพลงสุดท้ายที่จะมี lineup สมาชิกดั้งเดิมอยู่ครบ...เพราะว่า มือเบส ตอนนี้ขอถอนตัวจากวงไปแล้วด้วยปัญหาสุขภาพ...และล่าสุด วงนี้ก็เพิ่งจะปล่อยเพลงใหม่ (ที่นับว่าเป็นเพลงแรกของ project ใหม่ เพราะว่าตอนนี้ถือได้ว่าเพลง จำไว้ คือเพลงปิดอัลบั้มแรกของวงอย่าง First Class กันไปแล้วนั่นเอง) อย่างเพลง จาง (Fade) ออกมาแล้วในฐานะวง trio ชั่วคราวนะครับ และตอนนี้กำลังหา มือเบส คนใหม่กันอยู่...- -"
เพลงสี่สุภาพ - 4PEPO ft. สส.เต้ย
เพลงสุดท้ายที่จะพูดถึงกันนี่...มันอยู่ในหมวดหมู่ที่ผมเรียกมันว่าเป็นเพลงแบบ "เอาฮา" นะครับ...5555555555555555555+
คือมันจะมีเพลงบางจำพวกที่ทำออกมาเพื่อความบันเทิงกันเป็นหลัก อาจจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่มันฟังแล้วเราหัวเราะไปกับมันได้ หรือ รู้สึกขำขันกับมันได้...บางเพลงก็อาจจะเป็นการหยิกแกมหยอกเบาๆบ้าง บางเพลงก็คือทำออกมาเอามันส์เข้าว่า และขอนับรวมไปถึงเพลงจำพวก สองแง่สามง่าม ที่มันก็มีอยู่ในสังคมไทยกันมานานแสนนานแล้วด้วย...ซึ่งบางเพลงก็มีความสละสลวยและ "จริงจัง" ในเนื้อหา...แต่บางเพลงก็อาจจะมีความหยาบโลนกันไปบ้าง...
เพลงจำพวกนี้ถ้าผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันชัดๆ เก่าๆหน่อยก็จะย้อนไปอย่าง มันมากับความแค้น ของพ่อ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ, หมากัด ของ เอกชัย ศรีวิชัย, เพลงของ Dajim ทั้งหลายแหล่...ถ้าเอาแบบปีใกล้ๆนี้หน่อยก็จะมี โคโดโมะ ของ He Men Crown (อ่านชื่อวงนี้ทีไร กลิ่นโชยมาทุกที) หรือแม้แต่ เปรตป่ะ ของ TangBadVoice ก็ตาม อะไรพวกนี้เป็นต้น...คือเป็นเพลงที่ฟังแล้วสนุก ได้ฮากั้นนิดๆ ยิ้มมุมปากกันหน่อยๆ ไปจนถึงฮาก๊ากตกเก้าอี้กันเลยก็มี...
(เพลงนี้ก็เข้าข่ายด้วยเช่นกัน)
ซึ่งพวกเพลงแบบ "เอาฮา" พวกนี้ มันมีออกมาอยู่เรื่อยๆไม่เคยหายไปจากวงการเพลงไทยกันเท่าไหร่...แต่จะเป็นที่รู้จักกันมากน้อยแค่ไหนนั้นก็อีกเรื่องนึง...
และเพลงนี้...ฟังเผินๆแล้ว มันก็เหมือนจะเป็นแค่เพลง pop ทั่วๆไป ไม่มีอะไรโดดเด่นเท่าไหร่นัก...ฟังผ่านๆกันไป...ยังไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงชื่อเพลงว่า เพลงสี่สุภาพ...
พอมันเข้าท่อน hook เท่านั้นแหละ!!! เชี่ย!!! นี่มันอัจฉริยะชัดๆ!!! ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้วที่ท่อน hook!!!
เพราะคำว่า เพลงสี่สุภาพ ของเพลงนี้ มันคือการเอาคำว่า สี่ ของภาษาอีสาน ที่มันหมายถึงการร่วมเพศมาใช้นี่เอง!!! ซึ่งเพลงนี้มันก็คือการ "ขอเxดแบบสุภาพ" กันชัดๆ!!!
และที่เด็ดอีกจุดคือการเลือกใช้คำ คือมันเป็นการแต่งขึ้นมาโดยที่ฟังดูสละสลวยรื่นหู แต่ถ้าแปลความหมายเพลงนี้ออกมานี่คือ จัญไรขั้นสุด!!! 55555555555555555+
ผมจึงยกให้เพลงนี้เป็นเพลงแบบ "เอาฮา" ที่โดนใจที่สุดในครึ่งปีแรกนี้ไปโดยปริยาย....
แต่...พอเข้าครึ่งปีหลังมา...He Men Crown กำลังจะกลับมาทวงบัลลังค์คืนกันแล้วนะครับ เพราะว่าพวกพี่เขาเพิ่งจะปล่อยเพลงอย่าง เลือด เนื้อ เชื้อ ไข ออกมา!!! ซึ่งมันเหมือนเป็นภาคต่อกลายๆของ Kodomo กันชัดๆ!!! เพลงนี้ต้องฟังจริงๆครับ!!! 555555555555555555+
จริงๆยังมีเพลงอีกหลายเพลงเลยนะครับที่อยากจะพูดถึงและแนะนำให้ได้ฟังกัน แต่ด้วยความขี้เกียจส่วนตัวก็อาจจะทำให้ถ้าเขียนต่อไป เดือนหน้าก็คงไม่เสร็จแน่ๆ...555555555555555555555555+
ครึ่งปีหลัง วงการเพลงไทยมักจะปล่อยของดีของเด็ดกันออกมาอยู่เสมอนะครับ...ถ้าจะจัดอันดับเพลงที่ชอบที่สุดในแต่ละปี พวกเพลงจากครึ่งปีแรกมักจะเสียเปรียบเล็กๆนะครับ เพราะว่ามักจะถูกเพลงดีๆจากครึ่งปีหลังบดบังกันจนเผลอลืมกันไปบ้าง...^_^
ปิดท้ายบทความนี้ด้วย วง idol ที่ตอนนี้มีครบทุกอย่างแล้ว ทั้งความน่ารักและความสามารถของ เมมเบอร์, ทีมงานที่ขยันขันแข็งในการทำ contents และโปรโมต (แม้ว่าบางทีอาจจะดูเหมือนโปรโมตกันน้อยไปนิดนึง 555+), ค่ายที่มี partner และทุนค่อนข้างแข็งแรง(มากๆ), production ต่างๆที่เรียกว่าอยู่ในระดับ "งานโคตรดี" เลยก็ว่าได้...แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ดังไม่แมสเท่าที่ควรจะเป็นเท่าไหร่นัก...
ครับ...ผมพูดถึงวง Last Idol Thailand...เหตุที่พูดถึงวงนี้ก็เพราะว่า...จริงๆแล้ว วงนี้มีเพลงอยู่เพลงหนึ่ง ที่มีการเผยแพร่ออกมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว...แต่ก็ยังไม่มีการปล่อยออกมาในช่องทาง streaming ต่างๆ และ โปรโมตเพลงนี้กันเท่าไหร่นัก...ซึ่งเป็นเพลงพิเศษของ unit พิเศษที่มาจากการโหวตของแฟนๆจนได้สมาชิก 5 คนมารวมตัวกันเป็น unit Close Friend ซึ่งมี True 5G เป็น sponsor หลักของ unit นี้นั่นเอง (บอกแล้วว่า partner วงนี้ไม่ธรรมดา)...
(ปล. แต่ผมแอบเรียก unit นี้ว่าเป็น unit ขาย sim นะฮะ...55555555555555+)
แต่...เพลงที่แฟนๆรอคอยกันมากว่า 5 เดือนนี้...มันกำลังจะได้โปรโมต และ มี MV กันเสียทีครับ!!! ซึ่งน่าเสียดายที่เพลงนี้มันถูกโปรโมตกันมาช้าเกินไป และไม่มีใน streaming กันในครึ่งปีแรก...เพลงนี้ก็เลยไม่ได้ถูกรวมอยู่ในเพลงที่ชอบมากๆในบทความนี้กันแต่อย่างใด...แต่ถ้านับรวมเพลงที่ชอบที่สุดในปี 2022 นี้...เพลงนี้ มันจะติดอันดับของผมอย่างแน่นอน!!! ^_^
รอรับชมและรับฟังเพลง รักที่แท้ทรู ของ Last Idol Thailand กันได้เร็วๆนี้นะครับ...ขอบคุณที่อ่านบทความนี้กันจนจบ...(ขออนุญาตขายวงนี้นิดนึง อยากให้ แมส กันซะที) ^_^
โฆษณา