6 ก.ค. 2022 เวลา 00:01 • ความคิดเห็น
"เก่งมาก": คำที่พ่อแม่พูดกับลูกบ่อยที่สุด
ใครที่มีลูกเล็กๆ วัยไม่เกิน 6 ขวบ น่าจะได้ใช้คำว่า "เก่งมาก" อยู่บ่อยๆ
แม้ว่าคนจะเตือนว่าชมแบบนี้จะทำให้ลูกมี fixed mindset เราก็ยังไม่วายที่จะพูดอยู่ดี
เพราะในภาษาไทย การชื่นชมลูกว่า "พยายามได้ดีมาก" เพื่อให้เกิด growth mindset นั้นมันไม่เข้าปากเท่าไหร่ ส่วนฝรั่งใช้คำว่า "Good effort!" เป็นประจำอยู่แล้ว
อีกสถานการณ์หนึ่งที่เราชอบใช้คำว่า "เก่งมาก" ก็คือตอนที่ลูกเรียกให้เราดูผลงานของเขา แต่เราไม่ค่อยสนใจหรือให้ความสำคัญ
"พ่อๆ หนูวาดรูปสวยมั้ย"
(เงยหน้าจากมือถือ กวาดสายตาดูรูปนิดนึง) "เก่งมากจ้ะ" (แล้วก้มดูมือถือต่อ)
3
"แม่ๆ หนูต่อเลโก้เป็นรูปยานอวกาศด้วยนะ"
"เก่งมากจ้ะ"
"เก่งมาก" จึงเป็นเหมือนไพ่โจ๊กเกอร์ ไม่ว่าลูกจะเปิดไพ่อะไรมา เราก็จะตีกลับไปด้วยคำว่า "เก่งมาก" เสมอเพื่อที่เราจะได้กลับไปทำธุระของเราต่อ
ในหนังสือ "ชมลูกให้ถูก ติลูกให้เป็น" ของ Shimamura Hanako บอกว่าการชมเชยลูกนั้นมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ๆ
1.ชมเชยแค่ผิวเผิน (perfunctory)
2.ชมเชยโดยเน้นที่ตัวบุคคล (person focus)
1
3.ชมเชยโดยเน้นที่กระบวนการ (process focus)
3
การชมว่า "เก่งมาก" นั้นเป็นทั้งการชมแบบผิวเผิน และเป็นการเน้นที่ตัวบุคคล
ตัวอย่างของคำชมแบบเน้นตัวบุคคลก็เช่น
"ลายมือสวยมากเลยนะเนี่ย" หรือ "สมแล้วที่เป็นพี่คนโต"
ซึ่งการชมสองแบบผิวเผินหรือเน้นตัวบุคคลนั้นจะทำให้เด็กยึดติดคำชมและอาจมีอาการดังต่อไปนี้
-เด็กจะเน้นทำแต่พฤติกรรมที่ได้รับคำชม หากไม่ได้รับคำชมก็จะไม่ทำ
-เด็กจะคิดว่าตัวเองทำได้ดีแล้ว ไม่ต้องฝึกเพิ่ม (เช่นเราไปชมว่าเขาวาดรูปเก่งมาก ทั้งที่จริงแล้วยังปรับปรุงได้อีกเยอะ)
-เด็กจะกล้าทำสิ่งที่ท้าทายน้อยลง เพราะกลัวจะทำได้ไม่ดี
1
วิธีการชมเชยที่จะลดความเสี่ยงดังกล่าว สามารถทำได้ดังนี้
1
1.ชมเชยที่กระบวนการมากกว่าผลลัพธ์
2
เราไม่ควรชมเรื่องความสามารถหรือบุคลิกภาพ แต่ควรชมท่าทีที่มีความพยายาม
สมมติว่าเด็กสอบได้ 100 คะแนน แทนที่จะบอกว่า "ลูกแม่นี่เก่งสุดๆ ไปเลย" ก็ควรชมว่า "ตั้งใจจนสอบได้คะแนนเต็มเลยนะ" หรือ "หลังจากลองมาหลายวิธี ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้ 100 คะแนน!"
หากครั้งต่อไปเขาสอบได้คะแนนต่ำกว่าเดิม เขาก็จะไม่คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถ แต่จะเปิดใจลองหาวิธีอื่นๆ ที่จะทำให้สอบได้คะแนนดีกว่าเดิม
2. ชมเชยให้เป็นรูปธรรม
1
แทนที่จะชมแค่ "สุดยอด" หรือ "ใช้ได้!" เราควรจะบอกรายละเอียดให้มากขึ้น
เช่นเวลาลูกต่อเลโก้มาโชว์เรา เราก็ควรจะใส่ใจผลงานของลูก และเอ่ยคำชมที่ทำให้ลูกรู้ว่าเขาทำดีเรื่องอะไร
"ใช้สีหลายสีเลย สวยจัง"
1
"ตรงนี้ตั้งใจเลือกสีให้ต่างจากจุดอื่นๆ สินะ"
3. ตั้งคำถามให้มากขึ้น
บางทีเราก็ลืมนึกไปว่า เราสามารถพลิกคำชมเป็นคำถามแทนก็ได้
สิ่งสำคัญคือถามว่าเขารู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร และคำถามควรเป็นคำถามปลายเปิด เพื่อให้เกิดบทสนทนาโต้ตอบระหว่างกัน
1
เช่นเวลาลูกต่อเลโก้มาโชว์ เราอาจตั้งคำถามว่า
"ทำเป็นรูปอะไร ไหนลองบอกหน่อยได้มั้ย"
หรือเวลาลูกคัดลายมือ แทนที่จะชมว่า "ลายมือสวยนะเนี่ย!" ก็อาจจะถามว่า
"ลองเขียนเองแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง"
หรือเวลาที่ลูกเลือกชุดเอง แทนที่จะชมว่า "น่ารักมาก" ก็อาจจะถามว่า
"ชอบสัตว์ตัวไหนบนเสื้อมากที่สุดหรือคะ?"
ถ้าให้สรุปรวบยอด ถ้าอยากจะให้คำชมของเรามีประโยชน์กับลูกจริงๆ เราต้องใส่ใจสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า ก้มมองมือถือให้น้อย เงยหน้าดูลูกให้เยอะ
1
เวลาชมก็อย่าชมแค่ผิวเผินหรือชมที่ตัวบุคคล แต่ให้ชมความพยายามหรือกระบวนการ
1
และสุดท้าย เราไม่จำเป็นต้องชมลูกทุกครั้ง เพราะเราสามารถตั้งคำถามเพื่อชวนลูกคุย ซึ่งจะทำให้เขาเข้าอกเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นครับ
1
โฆษณา